จากการเขียนลบเขียนลบ อยู่หลายรอบในหลาย ๆ เรื่องตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีเรื่องลงพื้นที่แห่งนี้ ด้วยผลึกที่ตกดันละลายไปกับอุณภูมิสี่สิบองศา และบรรดาลิงแสมสองตัวที่ก่อกวนเครื่องคอมพิวเตอร์ จนไม่สามารถระดมความคิดและข้อมูลแปลงเป็นอักษรสู่สายตาแฟนคลับ(มีเหรอ) ได้
เมื่อว่างผมเลยนั่งมองกองเครื่องเล่น อาจเรียกว่าเศษซากอารยธรรมและการฆาตกรรมของลิงแสมทั้งสอง พาลเลยนึกไปถึงอดีตอันขมขื่นของตนเองที่ไม่เคยได้รับความหรรษาของบรรดาเครื่องเล่นแบบนี้
"เราตามใจลูกไปไหม?"
คำถามที่พ่อแม่มือใหม่หลายคนหรืออาจจะเป็นพ่อแม่มือเก่ามือเก๋ามือโปรทั้งหลายกังวล
การเปรียบเทียบสมัยก่อน สมัยแม่เลี้ยงเรา สมัยยายเลี้ยงแม่ หรือกระทั่งทวดเลี้ยงยายผุดขึ้นมาเปรียบเปรยการเลี้ยงเด็กสมัยหลังมิลเลนเนียม ว่าส่งให้เด็กเป็นเทวดา ปรามมิได้ ไม่คล้ายหรือใกล้เคียงสภาวะ"ปากกัดตีนถีบ" "เสื่อผืนหมอนใบ" "หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน" ของบรรดาบรรพบุรุษเลย
หลายครั้งที่ผมเห็น หรือบางทีอาจจะเป็นเองด้วยซ้ำกับคำว่า
"อยากให้พวกเอ็งโดนปู่ /ย่า/ยาย/ตา เลี้ยงจัง จะได้รู้ว่าลำบากเป็นยังไง"
"สมัยก่อนพ่อ/แม่ได้เงินวันละ สามบาท ห้าบาทไปโรงเรียน ไม่มีหรอกกินขนมทิ้งๆขว้างแบบนี้"
หรือประโยคอื่น ๆ ทำนองนี้
เมื่อลูกแสดงความต้องการมากกว่าที่เราเคยได้ เราจะรู้สึกว่า มันมากไป ไม่ถูก ไม่ควร สปอยล์ ตามใจ ปิ๊ง ขึ้นมาในหัว ถึงแม้น้อยครั้งนักที่เราจะทานแรงอ้อนเหล่านี้ได้ แต่เราก็จะจ่ายไปด้วยความไม่เต็มใจและขอบ่นให้สมกับที่เสียไปด้วย
ผมมานั่งใคร่ครวญ คิด วิเคราะห์ กับนิสัยเหล่านี้
ว่าตัวเราทำอยู่ตอนนี้มันถูกหรือผิดกันแน่กับการเพาะบ่มเขาเหล่านี้
โลกที่แคบลง แม่ทุก ๆ คนสมัยนั้นเมื่อสักสามสิบปีย้อนมาถึงยี่สิบปีที่แล้ว อยู่ในสภาวะปากกัดตีนถีบ สังคมกำลังพัฒนาและก้าวสู่อารยะ สินค้าไม่ได้มีมากมายพอเพียงเฉกเช่นปัจจุบัน การมีเงิน ไม่ได้หมายถึงการได้มาทุกอย่าง ของมีค่าคือสิ่งที่ถูกผลิตใหม่ เทคโนโลยีใหม่ ความรู้สึกหรือของธรรมชาติถูกมองว่าดาด และไร้ราคา คนยุคเรา(25-45)คือคนที่รับรู้การมีค่าของสิ่งของ เพราะมันหายาก
ผิดกับสมัยนี้ ที่บรรดาสิ่งของมีมากมายหาได้ง่ายและสบายกว่าเดิมเยอะ โลกทุนนิยมที่รอบตัวเขามีเทคโนโลยีรายรอบ ของเล่นใหม่ ๆ ตกกระป๋องภายในอาทิตย์เดียว อาหารจากทั่วโลกถูกนำมาถวายให้เขาได้ลิ้มลอง
โอ้ว นิมันสวรรค์ชัด ๆ
การละเล่นสมัยเรานั้นการเป็นกลุ่มเป็นก้อนเกิดจากการรวมตัวกัน การละเล่นถูกคิดมาจากพื้นฐานของวัฒนธรรม ประเพณี และสิ่งขอที่พอจะจับหา หยิบฉวย การประกาศตัวตนหรือแสดงถึงการมีอยู่ของเด็กสมัยนั้นคือการทำอะไรก็ได้ให้เก่งจนได้คำชม ไม่ว่าจากเด็กด้วยกันหรือผู้ใหญ่ ที่มองเห็น เขาและเราตอนนั้นมีความสุขกับการพยายามเป็นผู้ใหญ่ ยิ่งใครมีทักษะในการทำงานของผู้ใหญ่ด้วยแล้วจะถูกมองว่าดี เก่ง
สมัยนี้ การละเล่นถูกดึงดูดจากสื่อ Interactive เครื่องยนต์กลไก เทคโนโลยีสวยงามและตอบสนองความต้องการของเด็กรวมไปถึงอาจจะสนองนี้ดของผู้ใหญ่เองด้วยซ้ำ การละเล่นต่าง ๆ ถูกย้ายลงไปอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เด็ก ๆ ตอนนี้หมุนวนในมัลติมีเดีย การชื่นชมเกิดจากการแสดงออกในเรื่องต่าง ๆ และการผลักดันของผู้ปกครองที่พยายามให้เด็กได้อวดอ้างในสื่อโซเชี่ยล เด็กเหล่านั้นจึงมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของ เนื่องด้วยมันมีมากมายรายล้อม แต่หากจะให้ความสำคัญกับการแสดงตัวตนมากกว่า
การเติบโตสมัยเราส่วนใหญ่ถูกขีดกรอบการเติบโตด้วยค่านิยมทั้งของประเทศ สังคม หรือแม้กระทั่งผู้ปกครอง การเรียนรู้ของเด็กสมัยนั้นถูกจำกัดจากสื่อที่บังคับให้เสพ ความเชื่อที่ถูกปลูกฝั่ง ให้พยายาม ขยัน อดทน การมีปากมีเสียงคือการขบทต่อชาติพันธุ์กำเนิดเลยทีเดียว น้อยนักจะมีใครแหกกฏแล้วไม่ถูกท้วงติง
ผมก็ไม่ได้ถูกขีดให้เดินตามพ่อแม่สั่งมากนัก แต่ระบอบการศึกษาขีดเส้นไว้เกือบเบ็ดเสร็จ การแข่งขันถูกจำกัดเฉพาะอย่าง ความสำเร็จสมัยเราที่จับต้องได้คือการยืนด้วยลำแข้ง การมีหน้าตาในสังคม การมีเส้นสาย และงานราชการคือสิ่งสูงส่งที่ส่วนใหญ่ใฝ่หา ต้องทำ ท่อง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม
สมัยนี้ โลกที่เปิดกว้างทำให้เด็กมีพื้นที่ยืน ความสามารถที่หลากหลายถูกจัองและขยาย การเติบโตตามระบบถูกรื้อและการไปให้สุดทางใดทางนึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี
จุดเปลี่ยนที่เห็นเป็นรูปธรรมจากวัฒนธรรมแบบนี้สำหรับผมคือรายการทีวีแชมเปี้ยนและแฟนพันธุ์แท้ ที่ปลุกกระแสให้เด็กสมัยนี้ได้รับรู้ว่าทุกอย่างในตัวเองมีค่าหากทำมันได้ดีพอ คนรวยสมัยนี้เกิดจากการเป็นคนมหาชน ไม่ไช่การค้าขายง่าย ๆ แบบอดีต เงินถูกย้ายไปแหล่งใหญ่ระบบออนไลน์ การมีชื่อเสียงสามารถสร้างเงินได้มากกว่าการเป็นพ่อค้าคนกลาง เด็ก ๆ ในยุคนี้พยายามสร้างพื้นที่ของตนเองมากกว่าจะเข้าสู่ระบบ เด็กถูกขับเคลื่อนด้วย Passion ความต้องการที่มากกว่าคือคนสำเร็จ
มองย้อนกลับมาที่ลิงแสมตรงหน้าผมที่นั่งรูดหน้าจอ ดูยูทูป และอัดคลิปลงเฟชบุ๊คกับแม่อยู่ แล้วย้อนกลับไปสมัยเรา เราก็เล่นอะไรที่แม่เราไม่เคยเล่น นั่งดูช่องเก้าการ์ตูนและละครจักร ๆวงศ์ ๆช่องเจ็ด
ในทุกยุคมันมีจุดยืนของตัวมันเอง คิดให้ดีเราก็คงไม่อยากบังคับให้ลูกเราต้องท่องหรือทำอะไรที่เขาไม่ชอบนัก
โลกหมุนไปตลอดเวลา คงน่าแปลกมากกว่าที่เราจะยังสอนลูกเราก่อไฟทั้ง ๆ ที่มีแก๊สหรือไมโครเวฟ เพราะเราอยากให้ลูกเป็นเหมือนเรา บังคับลูกท่องนั้นนี่โดยที่มีกูเกิ้ลคอยช่วยอยู่
ผมคงไม่บอกว่าระบอบไหนดี หรือไม่ดีหรอก เพราะของเก่าก็หล่อหลอมเรามาเป็นแบบนี้ และผมก็เชื่อว่าของใหม่ก็คงจะหล่อหลอมเด็กเหล่านี้เป็นตัวเขาในวันหน้า
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งในอีกยี่สิบหรือสามสิบปีข้างหน้า เราคงได้ยินลูกเราบ่นให้หลานฟังว่า
"สมัยก่อน ปู่ ย่า ไม่ได้ตามใจพ่อ แม่ เท่าที่ตามใจลูกเขาเลย"
ตอนนั้นเราก็คงบ้อนกลับมามองว่า
"เฮ้ย กูโครตตามใจมึงเลยนะโว้ย" ก็ได้
แล้วสรุปเราควรเลี้ยงลูกอย่างไร?
สำหรับผม เราผู้เป็นพ่อแม่ ควรเดินให้ทันโลก สอนให้เด็กทันโลก อย่าไปตัดสิน อย่าเปรียบเทียบเปรียบเปรย สมัยเรา สมัยเขา บอกให้เด็ก ๆ รู้และเข้าใจว่าเขาทำอะไร
-เฮ้ยทำไมตอบกว้าง ๆ อย่างนี้ละ-
ก็คงต้องตอบแบบนี้ละครับ เพราะเอาเข้าจริงเราไม่รู้หรอกอันไหนดีที่สุด
โลกเหมือนหนังสือที่เราไม่เคยอ่าน มันจะูกทับซ้อนด้วยเรื่องราวที่เราคาดเดาไม่ได้
ผู้เขียนมักจะหากลวิธีใหม่ ๆ มาหลอกเราเสมอ
โลกก็เช่นกัน การตามทันโลกอาจเป็นเพียงแค่อุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริง เด็กที่ดีที่สุดก็ไม่มีอยู่จริง วิธีที่ดีที่สุดก็ไม่มีอยู่จริงเช่นกัน แต่ละยุค ไม่สิจริง ๆ แล้วต้องบอกว่าแต่ละวินาทีมันเปลี่ยนได้ตลอด
เราค้นหาความสุขของเรามอบให้เป็นความสุขของเด็ก ๆ แล้วคอยสอดส่องให้เขาอยู่ในลู่ทางของเขาเอง ความใกล้ชิดคืออาวุธที่น่าจะช่วยได้ดีที่สุดในสมัยนี้ เราต้องทำงานหนักในโลกของเรา คงอ้างไม่ได้ว่า พ่อแม่เราไม่เห็นต้องใกล้ชิดเรามากขนาดนี้เราก็ยังโตเป็นคนดีได้ เพรามันอยู่คนละโลกกัน พ่อแม่เราก็ทำงานหนักในโลกของท่านเช่นกัน
ผมส่งบทความนี้เสร็จแล้วคงต้องไปดูยูทูปเป็นเพื่อนลิง
เพราะผมคิดว่า มันคงดีที่สุดแล้วตอนนี้
ถถถถถถถถถถถถถ
"ไอ้พ่อสปอลยล์ลูก!!!"
แง่มๆ
ลิง22.15
21.3.16
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in