คำเตือน
ฟิคเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง
เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
หากคุณพร้อมแล้ว โปรดเตรียมตัวบาปไปด้วยกัน
------------------------------------------------------------
12:14 น.
มือหนาวางปากกาในมือลงแล้วหันมองนาฬิกาบนข้อมือซ้ายเพื่อดูเวลาก่อนที่จะกดรอยยิ้มตรงมุมปากอย่างพอใจ ซึ่งไม่บ่อยนักที่อาจารย์เศรษฐศาสตร์คนนี้จะแสดงอาการแบบนี้ให้ใครได้เห็น ภาพลักษณ์แสนเคร่งขรึมคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักศึกษาหลายคนนึกกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ เว้นเสียแต่...นักศึกษาที่ชื่อว่าคิมหันต์ เด็กหนุ่มตัวเล็กที่เพิ่งผ่านพ้นรั้วโรงเรียนได้ไม่นานคนนั้น
เอกลักษณ์อันโดดเด่นคือริมฝีปากรูปหัวใจบนใบหน้า ดวงตากลมโตน่าเอ็นดู รวมไปถึงผิวขาวใสตามประสาลูกหลานชาวเหนือ บางครั้งเจ้าตัวก็แสดงความน่ารักออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจจนเขาอยากจะรังแกทุกครั้งที่มีโอกาส
kimhanks : ถึงแล้วครับ
Khanarot : ผมรออยู่
Khanarot : เข้ามาได้เลย
นิ้วเรียวเคาะโต๊ะไม้ชั้นดีเป็นจังหวะเพลงที่ชอบฟัง สายตาโฟกัสไปที่บานประตูสีน้ำตาลด้วยใจจดจ่อแทบรอไม่ไหว คิมหันต์กำลังเปิดประตูเข้ามาในขณะที่มือข้างหนึ่งก้มมองจอโทรศัพท์
แสนจะน่ารัก น่า......เอ็นดู
คณารสไล่กวาดสายตามองร่างเล็กในชุดนักศึกษาประจำมหาวิทยาลัยอย่างเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยไม่ได้ละสายตาไปไหน
"ผมอยากให้อาจารย์ช่วยติวให้หน่อยครับ"
"บทที่เท่าไหร่"
"บทที่ 7 ครับ"
คนฟังพยักหน้ารับรู้พลางขยับไทให้หลวมลง คณารสก้าวเท้าเข้าหาคนตรงหน้านิ่งๆ ปากหยักอมยิ้มคล้ายกับกลั้นหัวเราะเพราะคิมหันต์ตัวสั่นระริกทั้งที่เขายังไม่ได้ทำอะไร เป็นคนขอร้องให้เขาช่วย 'ติว' ให้แท้ๆยังจะต้องกลัวอะไรอีก
เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องทำงานยังดังไม่เท่าเสียงหัวใจเต้นตึกตักรัวเร็วในอกน้อยๆ คิมหันต์มีปัญหากับบทเรียนที่จะออกสอบในช่วงปลายภาคไม่กี่วันข้างหน้าจึงเป็นฝ่ายส่งข้อความมาให้เจ้าของรายวิชาให้การช่วยเหลือ อาจารย์ในเซคชั่นใหม่ของเขาค่อนข้างมีงานรัดตัวไม่สามารถสอนชดให้ได้ ดังนั้น หน้าที่ติวเตอร์จำเป็นจึงตกเป็นของคณารสไปโดยปริยาย
"เพื่อนไม่มาด้วยหรอ"
"ฮะ....ครับ"
"ตัวสั่นอะไรขนาดนั้นครับ" ยิ่งเห็นอาการตื่นตระหนกของคนตัวเล็กเขายิ่งอยากแกล้งให้มากขึ้น คณารสแสร้งคว้าชีทเรียนในมือคิมหันต์ขึ้นมาดูทว่าปลายนิ้วเรียวกลับสัมผัสฝ่ามือบางไปเนียนๆ
"หนาวหรอ"
"ก็ นิดหน่อยครับ"
"อยากอุ่นไหม"
"ยังไงครับ"
คิมหันต์เงยหน้าสบตาคู่คมด้วยความฉงน ถึงจะเป็นคนเก่งในหลายๆเรื่องแต่บางครั้งก็ตามไม่ทัน อาจารย์หนุ่มดันร่างอดีตนักศึกษาในเซคชั่นตัวเองไปนั่งที่โซฟาตัวหนาตรงมุมหนึ่งของห้อง และไม่ลืมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนปลอบประโลมเพื่อคลายอาการสั่น
ห้องพักอาจารย์กลับมาเงียบอีกครั้ง......
ทั้งสองนั่งตรงข้ามกันโดยไม่มีใครเอ่ยคำพูดใดๆออกมา คิมหันต์จึงเลือกกางสมุดจดงานกับชีทเรียนควบคู่กันวางบนโต๊ะตัวเตี้ยหน้าโซฟา เขาทบทวนเนื้อหาของมันอีกรอบเพราะจะได้ไม่มีปัญหาเวลาติวเว้นไว้แค่บางเรื่องที่ยังรู้สึกไม่เข้าใจเท่านั้น
"ต้นทุนค่าเสียโอกาสคืออะไร"
คณารสถามด้วยโทนเสียงอบอุ่น สายตาก็อ่านเอกสารประกอบการสอนไปด้วย
"มูลค่าที่สูญเสียโอกาส หรือผลประโยชน์ในการเลือกทำกิจกรรมอย่างหนึ่งครับ"
"แล้วก็ต้นทุนค่าเสียโอกาสไม่ได้หมายถึงมูลค่ารวม แต่หมายถึงมูลค่าที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด"
คิมหันต์จดตามคำพูดใส่สมุดตามความเข้าใจของตัวเองเป็นประโยคสั้นๆแต่ได้ใจความและเข้าใจง่าย
คณารสยิ้มให้กับความตั้งใจนั้น "คิมคิดว่ามูลค่าที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดคืออะไร"
สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำเอาคนที่กำลังเขียนหนังสือชะงักกึก ถ้านับไม่ผิดก็เกือบสัปดาห์แล้วที่อีกฝ่ายไม่ได้เรียกเขาแบบนี้เพราะได้ร้องขอเอาไว้ สถานะอาจารย์กับศิษย์ไม่ควรใกล้ชิดกันมากไปกว่านี้....ใช่ คิมหันต์รู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่อีกฝ่ายเรียกเขาด้วยชื่อเล่น รู้สึกมากเกินจนไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆ เคยหาคำตอบบนกูเกิลก็ได้ความว่าสิ่งที่เขาเผชิญอยู่นั้นเรียกว่า 'หวั่นไหว'
"ผม..."
"คิม แทนตัวเองว่าคิมสิ...ผมขอ"
อาจารย์ประจำวิชาเศรษฐศาสตร์วางไอแพดลงบนโต๊ะ พร้อมกับเอนกายกำยำให้ราบไปกับโซฟาสีเข้ม มือหนาสองข้างประสานกันไว้ที่หัวเข็มขัดคำว่า GG แววตาชายหนุ่มวัย 28 ปีทอประกายบางอย่างออกมาอย่างโจ่งแจ้ง มันลามเลียร่างนุ่มนิ่มคล้ายจะเปลื้องผ้าออกให้หมดซะเดี๋ยวนี้
แต่คิมหันต์ก็คือคิมหันต์
นักศึกษาปี 1 หลบสายตาอันร้อนแรงคู่นั้นแล้วเสมองไปทางอื่น การนัดติวนอกรอบกับอาจารย์คณารสในครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมสติให้อยู่นิ่งไม่ได้
"อาจารย์ครับ ผมไม่ติวแล้วได้ไหม"
"หืม ว่าอะไรนะ"
"คือ....ผมไม่อยากติวแล้วครับ เดี๋ยวไปติวกับเพื่อนดีกว่า"
"ให้คนออกข้อสอบติวให้ไม่ดีกว่าหรอ"
"....."
"หาจุดคุ้มทุนเป็นหรือยัง"
"พอได้แล้วครับ"
"พอได้กับทำได้มันต่างกันนะคิม"
คณารสลอบยิ้มกรุ้มกริ่มยามที่หนุ่มน้อยวัย 19 เกิดความสับสนในตัวเอง ส่วนตัวชายหนุ่มเองก็ไม่เคยบอกความรู้สึกให้ใครรู้เพราะเขาไม่นิยมพูดออกมาสักเท่าไหร่ นอกเสียจากว่าจะแสดงมันผ่านการกระทำต่างๆให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรู้ และคณารสก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาเป็นคนชัดเจนในทุกๆการกระทำ ดวงตากลมโตสบดวงตาของอาจารย์เศรษฐศาสตร์อีกครั้งโดยใช้เวลาเพียงห้าวินาทีคนที่ผ่านโลกมาหลายปีก็อ่านออก
"คิมอย่าปิดกั้นความรู้สึกตัวเอง"
"ผมไม่ได้ปิด ผมแค่....."
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวทมนตร์อะไรที่ทำให้คิมหันต์ปิดปากฉับแล้วคล้อยตามอาจารย์ไปอย่างง่ายดาย คณารศเกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่มอยู่ไม่นานเจ้าตัวก็ยอมทำตามที่เขาบอกโดยไม่ต่อต้านใดๆทั้งสิ้น สุดท้ายร่างนุ่มนิ่มก็ตกอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง
"คิมอยากรู้วิธีหาจุดคุ้มทุนแล้วหรือยัง"
"เราทำกันแบบนี้มันจะไม่ผิดหรอครับ"
คิมหันต์ไม่ตอบคำถามนั้นแต่กลับถามเสียงพร่า ขณะที่ริมฝีปากอิ่มถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วโป้งของอีกคน คณารสยกร่างคิมหันต์ขึ้นนั่งบนตักล็อกตัวไว้ด้วยวงแขนข้างหนึ่งส่วนอีกข้างทำการปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกช้าๆท่ามกลางอาการสั่นน้อยๆไม่ต่างอะไรกับลูกแกะที่อีกไม่นานจะโดนหมาป่าตัวร้ายขย้ำไม่เหลือชิ้นดี ปื้นสีแดงขึ้นตามตัวคนบนตักมันลุกลามตั้งแต่ใบหูลงมาที่ต้นคอขาวแล้วหายลงไปใต้สาบเสื้อชวนให้คนมองอยากเห็นมากกว่านี้ไปเสียอีก
"ฮื้อ.....อาจารย์ครับ....."
"ชู่ว.....ขอผมอยู่อย่างนี้สักพัก"
เสียงทุ้มอู้อี้จนแทบฟังไม่ออกซึ่งคิมหันต์ไม่อยากจะเถียง ใบหน้าคมเข้มซุกไซร้อยู่กับหัวไหล่มนสีน้ำนมพลางพรมจูบเบาๆไปตามจุดต่างๆเหมือนตีตราจองกลายๆ คิมหันต์สงบนิ่งผิดกับการหายใจเข้าออกติดๆขัดๆก่อนจะผวาเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศต้องกายพร้อมๆกับการถูกถอดเสื้อนักศึกษาออกไปจากตัว
"ยังมีเสื้อกล้ามอีกหรอครับ"
เจ้าของผิวสีน้ำนมส่ายหน้าเขินอายเป็นพัลวัน ศีรษะทุยซอนซบกับอกแกร่งที่ยังคงมีเสื้อเชิ้ตปกปิด
"จะมีใครมาเห็นไหมครับ"
"ล็อกประตูหรือยังล่ะ"
"ไม่ได้ล็อกครับ"
ร่างสูงผละออกจากคิมหันต์แล้วคว้าเสื้อนักศึกษาที่เพิ่งโยนทิ้งไปเมื่อครู่ขึ้นมาสวมใส่ให้เจ้าของ "ไปข้างนอกกันดีกว่า"
"ไปไหนครับ"
"คอนโดผม"
"ยังไม่เลิกเรียนเลยนะครับ"
"ผมทำเรื่องลาช่วงบ่ายไว้แล้ว กะจะใช้เวลากับคิมให้เต็มที่"
คิมหันต์มองค้อนและก็ได้เสียงหัวเราะในลำคอกลับมา มือเรียวจัดการเก็บสมุดหนังสือเข้ากระเป๋าตามเดิมโดยมีร่างสูงคอยคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง "ปล่อยก่อนได้ไหมครับ"
"กลับดึกได้ใช่ไหม"
"ไม่เกินหนึ่งทุ่มครับ"
คณารสปล่อยคิมหันต์ให้เป็นอิสระเพราะเขาเห็นว่าอีกฝ่ายต้องการใช้โทรศัพท์ส่งข้อความบอกคนที่บ้าน เจ้าของห้องจัดการปิดแอร์ ปิดไฟแล้วถือกระเป๋าเอกสารมาไว้ในมือ เรียบร้อยดีแล้วจึงเดินตามหลังคนที่ออกไปก่อนโดยไม่ลืมเว้นระยะห่างต่อกันเอาไว้
Khanarot : รถผมจอดที่เดิม
Khanarot : จำได้ใช่ไหมว่าคันไหน
Kimhanks : จำได้ครับ
Khanarot : เพราะขึ้นบ่อย
คณารสหัวเราะออกมาเบาๆยามที่อ่านข้อความนั้น เขาคงประเมินตัวเด็กคนนี้ผิดไปหน่อย คิมหันต์คือเด็กฉลาดคิดและฉลาดพูดไม่แปลกใจว่าทำไมใครหลายคนถึงเอ็นดู
ร่างสูงกว่าหนึ่งรอยแปดสิบเซนติเมตรเดินตามเด็กหนุ่มมาจนถึงรถของตัวเองซึ่งมันจอดอยู่ชั้นเดียวกันกับชั้นที่เขาทำงานอยู่ ทุ่งย่างก้าวของคณารศเต็มไปด้วยความสุขุมนุ่มลึกตามประสาคนมีภูมิฐานจนน่าจับตามองอยู่เสมอ ดวงตากลมโตคู่หนึ่งคอยมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวังว่าใครจะมาเห็น เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครผ่านมาตรงนี้แน่นอนจึงเปิดประตูรถราคาแพงขึ้นไปนั่งข้างคนขับกิตติมศักดิ์
"เวลาพักแบบนี้ไม่ค่อยมีใครอยู่แล้ว อย่ากังวลเลย" มือหนาลูบไหล่เล็กเบาๆ
"นั่นมันคือกล้องวงจรปิดนี่ครับ"
มือเล็กชี้ออกไปนอกกระจกรถเพื่อให้อีกคนมองตาม อุปกรณ์จับภาพขนาดพอเหมาะถูกจับให้หันมาทางรถของคณารสอย่างพอดิบพอดี คิมหันต์หน้าซีดลงทันตาขณะที่คณารสยังเก็บความรู้สึกไว้ได้มิดชิด
"มันเสียแล้ว"
"แต่...."
"เชื่อผมสิ ผมอยู่ตรงนี้มาตั้งนาน"
ร่างเล็กทำท่าจะเถียงกลับทว่ามือหนากลับประคองใบหน้าจิ้มลิ้มเข้าหาตัวเองเสียก่อน ริมฝีปากสีคล้ำจางๆจากการสูบบุหรี่บดขยี้ริมฝีปากสีสดด้วยความดุดัน คณารสขบเม้มเนื้อนุ่มไม่หยุดหย่อน ก่อนจะค่อยๆลดกำลังลงจนเป็นความอ่อนโยนอยู่ในที อาจารย์หนุ่มละเลียดชิมความนุ่มหยุ่นไปเรื่อยๆ ไม่นานลิ้นสากก็ทำการกวาดต้อนและพัวพันกับลิ้นเล็กของคิมหันต์จนเกิดเสียงน้ำลายดังไปทั่วรถ ราวห้านาทีทั้งคู่จึงผละออกจากกัน
"มีทิชชู่ไหมครับ"
คิมหันต์ร้องถามเสียงเบาเพราะไร้เรี่ยวแรงและหอบสั่นสะท้าน คราบน้ำลายที่เปื้อนอยู่ตอนนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นของใครมันเลอะมุมปากแล้วไหลลงมาตามลำคอจนเปียกชุ่มปกคอเสื้อนักศึกษา คณารศไม่ตอบแต่กลับทำใช้ปากของตัวเองดูดซับร่องรอยนั้นแทน ซึ่งยิ่งทำก็ยิ่งเพิ่มความเปียกชื้นให้กับคิมหันต์มากขึ้นกว่าเดิม
"ถอดเสื้อดีกว่าไหมคิม"
"อาจารย์......"
"กระจกรถผมติดฟิล์มดำ คิมจะกลัวอะไรอีกครับ"
.
.
.
ห้องพักโทนสีขาวภายในคอนโดมิเนียมชั้น 14 ถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของห้อง คิมกันต์เกิดอาการวิตกอยู่ไม่น้อยกับการยอมมาที่นี่กับอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์ เด็กหนุ่มเดินตามร่างสูงอยู่เงียบๆไม่ปริปากบ่น มีแต่เจ้าของห้องเท่านั้นแหละที่พยายามชวนเขาคุยอยู่เรื่อย
สภาพห้องยังดูใหม่และสะอาดตาเป็นอย่างมาก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นสีน้ำตาลตัดกับสีขาวของห้องซึ่งให้คงามอบอุ่นและบ่งบอกถึงตัวเจ้าของเป็นอย่างดี คณารสเดินหายเข้าไปในห้องๆหนึ่งซึ่งคิมหันต์คิดว่าน่าจะเป็นห้องนอน เขาทิ้งให้เด็กนักศึกษาในคลาสนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นไว้ไม่นานก็กลับออหมาในชุดที่คิมหันต์ไม่คิดว่าจะได้เจอ
ร่างสูงกำยำผิวสีน้ำผึ้งห่อหุ้มด้วยชุดคลุมอาบน้ำสีน้ำเงินเข้ม เรือนผมสีดำเงายังคงถูกเซตเอาไว้อยู่ เด็กหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆขณะที่สายยังจับจ้องอาจารย์หนุ่มไม่วางตาจนลืมเรื่องมารยาทออกไป
"คือ...."
"หืม ว่าไงครับ"
ปลายนิ้วอุ่นร้อนแตะเข้าที่แอ่งชีพจรบริเวณไหปลาร้าคนตัวเล็กเบาๆ คิมหันต์กายสั่นสะท้านไม่กล้าขยับหนีก่อนจะขนลุกซู่ในยามที่อีกฝ่ายลากนิ้วไปตามไหล่มนแล้วลูบวนบนแผ่นอกสีน้ำนมเบาๆทั้งที่ยังไม่ได้เปลื้องเสื้อออก
"อะ...อาจารย์....."
มือหนาแสนซนยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ คณารสผลักร่างนุ่มนิ่มให้นอนราบลงไปบนโซฟาและแน่นอนว่าคิมหันต์ไม่สามารถขัดขืนได้ เผลอหยัดกายลอยขึ้นเล็กน้อยในยามที่ปลายนิ้วของคนบนร่างสัมผัสผิวเนื้อตอนที่ปลดกระดุมเสื้อของเขาออก
"น่ารักมาก"
"ฮือ....มะ....ไม่น่ารัก"
"แบบนี้....น่ารักที่สุดเลยครับ"
คนถูกชมว่าน่ารักตัวแดงแจ๋พลางยกมือขึ้นปิดใบหน้าด้วยความเขินอาย คณารสหัวเราะเสียงทุ้มในลำคอแล้วจัดการดึงมือเล็กคู่นั้นออกไปอาศัยจังหวะดีๆมอบจูบนุ่มนวลเข้ากับริมฝีปากอวบอิ่มซึ่งบวมเล็กน้อย เนื่องจากโดนเขารังแกไปเมื่อตอนอยู่บนรถ
คิมหันต์คล้องแขนเข้ากับลำคอหนาโดยไม่รู้ตัวแล้วขยับกายให้แนบชิดกับคนบนร่างมากยิ่งขึ้น อาจารย์เศรษฐศาสตร์จัดการถอดเข็มขัดที่รัดกางเกงสแลคออกไป ตามด้วยการปลดกระดุมและรูปซิปลงช้าๆลอบสัมผัสสิ่งที่อยู่ภายใต้กางเกงซึ่งกำลังโป่งพองคับแน่นอยู่ในนั้น
หลังจากภารกิจลอกคราบเสร็จเรียบร้อยคณารสจึงอุ้มร่างเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมแขนโดยที่ริมฝีปากยังไม่ละออกจากกัน จังหวะที่ถูกยกจนลอยขึ้นคิมหันต์ผวากอดเขาไว้แน่น ดังนั้น ปากหยักจึงสัมผัสมากกว่าเดิม
"พร้อมหรือยังครับ"
คนเป็นนักศึกษาไม่ตอบทว่าพยักหน้าส่งเบาๆ แผ่นหลังบางแตะผืนเตียงเย็นเฉียบด้วยเครื่องปรับอากาศยิ่งพาลให้ความรู้สึกและขนอ่อนลุกซู่สั่นไหวมากเป็นกอง เรียวขาสวยไม่ต่างจากของผู้หญิงหนีบเข้าหากัน
"เขินหรอ"
"........"
"หรือว่ายั่วกันแน่ครับ"
คนถูกกล่าวหาว่ายั่วถลึงตาใส่ไปทีหนึ่ง คิมหันต์ผินหน้าหนีสายตาร้อนแรงไม่ต่างจากอุณหภูมิในร่างกายของเขาไปทางอื่น มือหนาข้างหนึ่งนำพามือเล็กมาที่ปมเชือกชุดคลุมบอกเป็นนัยยะว่า 'ถอด' ให้หน่อย ส่วนมืออีกข้างคณารสสัมผัสบางสิ่งแสนน่ารักและพอดีมือเบาๆ มีบางครั้งที่ลงน้ำหนักแรงๆกลั่นแกล้งอีกฝ่าย
"อ๊ะ....."
คิมหันต์ร้องเสียงหลงยามที่มือร้ายทำการลูบคลำส่วนนั้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าคมเข้มสาละวนอยู่กับเนื้อตัวของเขาไม่หยุด ปลายลิ้นอาจารย์หนุ่มโลมเลียอยู่ที่ยอดอกจนมันชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำลายสีใส
ของเหลวสีขุ่นไหลออกมาเปรอะมือหนาทันทีที่คิมหันต์ไปถึงจุดนั้น ก่อนจะผวาขึ้นอีกรอบเมื่อคนเจนจัดในเรื่องเพศรสนำมันเข้าปาก เด็กหนุ่มยกสะโพกลอยหวือขึ้นตามโดยไม่รู้ตัว เสียวครวญครางสร้างความพึงพอใจให้คนทำอยู่ไม่น้อย
นุ่มนิ่มไปทั้งตัว.....
คิมหันต์ไม่รู้ว่าชุดคลุมของอีกฝ่ายหลุดออกจากร่างแกร่งไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวตนของอาจารย์คณารศชำแรกเข้ามาในร่างของเขาอย่างช้าๆจนต้องสะดุ้งหนีจากความเจ็บปวด แต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้นเพราะมือหนาจัดการจับสะโพกของเขาไว้แน่นป้องกันการกระถดหนี เมื่อสอดใส่เข้ามาได้จนหมดแล้วคณารศจึงอยู่นิ่งให้เด็กหนุ่มปรับตัว
เพี๊ยะ!
"อื้อ....."
"น่าฟัดอะไรขนาดนี้ครับ"
"มะ...ไม่รู้"
คณารสแก้งลงมือฟาดก้อนนิ่มอวบอัดไม่ต่างจากลูกพีชไปที จนเกิดรอยแดงจางๆให้เห็นยิ่งกระตุ้นความรู้สึกด้านมืดออกมามากกว่าเดิม
"เจ็บไหม"
เขาลองขยับ
"อ๊า...."
"รู้สึกยังไงครับ"
"ฮื้อ....."
"ดีไม่ดีครับ"
"ดี.....ครับ"
คณารสเผยยิ้มเอ็นดูแล้วประกบริมฝีปากเข้าหากันอีกรอบ ครานี้มันเต็มไปด้วยความเร่าร้อนเกินห้ามใจ ลูบไล้ฝ่ามือไปตามเนื้อนุ่มละมุนสีน้ำรมทุกตารางนิ้ว คิมหันต์บิดกายเร่าทุกครั้งยามที่ส่วนล่างขยับเข้าหาตัวจนแนบชิด ความเครียดที่สั่งสมมาหายไปทันตาเหมือนได้ยาดี
"ห้องนี้เก็บเสียง"
"อ๊า...."
"ผมชอบเสียงของคิม" คณารสคำรามลั่น "อย่าเก็บเสียง"
บอกแค่นั้นคิมหันต์ก็เข้าใจความหมายทันที คณารศจัดการพลิกร่างปวกเปียกให้คว่ำหน้าลงแล้วเพิ่มแรงขับเคลื่อนเร็วขึ้น ริมฝีปากร้อนทาบทับลงที่ใบหูขาว ต้นคอ ลาดไหล่ รวมไปถึงแผ่นหลังเนียนชวนสัมผัส หยาดเหงื่อของทั้งคู่ผสมปนเปกันราวกับวิ่งมาราธอนมาหลายกิโลเมตร คิมหันต์ครางรับความร้อนระอุครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่มีครั้งไหนเลยที่คณารสจะผละออกจากเด็กหนุ่มไปง่ายๆ
"ทีนี้หาจุดคุ้มทุนเป็นหรือยังครับคิม"
ตกดึกคณารสพาร่างเปล่าเปลือยซึ่งเต็มไปด้วยรอยแดงหลายจุดไปล้างตัวในห้องน้ำ คิมหันต์ถูกวางลงในอ่างที่มีน้ำอยู่แล้ว ตามด้วยคณารสก้าวขาตามเด็กหนุ่มลงมา สุดท้ายสองร่างจึงนอนเบียดเสียดกันอยู่ในอ่างฟองสบู่
"ง่วงหรอครับ"
"ครับ" คิมหันต์หลับตาตอบเบาๆ พิงศีรษะกับอกหนาไม่อยากรับรู้อะไรอีก
อาจารย์หนุ่มยังวอแวไม่เลิกลอบชำแรกกายเข้าไปในความคับแน่นทางด้านหลัง คิมหันต์กระตุกตัวอย่างแรงแล้วลืมตาตื่นเงยหน้ามองตัวการทำให้ตัวเองไม่ได้นอน คณารสจุมพิตเบาๆที่หลังมือนุ่มก่อนจะเคลื่อนมาที่ริมฝีปากสีสดซึ่งกำลังเผยอรอรับอยู่
กายแกร่งเริ่มขยับตัวเพื่อปรับความคุ้นชิน ก่อนจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกระดับจนน้ำในอ่างกระเพื่อมออก คิมหันต์ตอบรับบทเรียนนี้ได้อย่างน่ารัก
"ลูกศิษย์คนเก่ง"
จัดการระบายน้ำออกหมดแล้วเปิดใส่ใหม่ สายน้ำเย็นจัดไหลรดตัวคนทั้งคู่ คิมหันต์บิดกายหนาวสั่นเผลอตอดรัดสิ่งนั้นไว้แน่น ปรือตามองผิวสีน้ำนมตัดกับผิวสีน้ำผึ้งในกระจกก็เกิดอาการเก้อเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้
"เลยหนึ่งทุ่มแล้วนี่ครับ อ๊ะ...."
"โทรบอกคนที่บ้านให้แล้วครับ" งับไหล่บางไปที "ไม่ต้องกลัวจะโดนดุหรอก"
"ขอบคุณครับ"
"เด็กดี"
เอ่ยชมจากใจจริงเพราะคิมหันต์เป็นอย่างนั้น ตั้งแต่เกิดมาจนอายุจะสามสิบแล้วยังไม่เคยเจอเด็กที่ไหนเป็นแบบนี้เลยสักคน แล้วทีนี้เขาจะยอมปล่อยเจ้าตัวไปง่ายๆได้อย่างไร คณารสหยุดพักความคิดส่วนตัวก่อนหันมาจัดการธุระที่คั่งค้างอยู่ พอฟังเสียงนุ่มครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยิ่งเพิ่มอารมณ์ดิบในตัว ไม่อยากให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปเลยจริงๆ
.
.
.
.
Lding 100%
TBC
#วิชาตีกลับks
แต่งไปเขินไปมากๆค่ะ ฟิคบาปๆ
ปล.เนื้อเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก
เนื้อเรื่องหลักอยู่ในจอยลดานะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ( ꈍᴗꈍ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in