เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
everyday, every junethisisnotjune
เสื้อคลุม - #fictoberยุทธจักร
  • วาสนาชี้นำ ห่างกันพันลี้ยังพานพบ...






    01


    -       เสื้อคลุม

    ( ซือเฉิง x หย่งชิน )

     

     

     

     “ ซือเฉิง!   ความเงียบสงบของหอคัมภีร์สำนักเว่ยซานถูกทำลายลงสิ้นด้วยเสียงโหวกเหวกจากผู้มาเยือนใหม่เสียงเรียกขานนามที่น้อยครั้งนักจะได้ยิน ใครเล่าจะหาญกล้าเอ่ยนามนี้ จะเป็นใครได้อีกหากไม่ใช่เขาคนนั้นคิดถึงตรงนี้ร่างสูงก็ละสายตาจากม้วนคัมภีร์ในมือดวงตารีเรียวจดจ้องไปยังผู้มาใหม่ในอาภรณ์สีดำสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีชาด เสื้อคลุมแสนคุ้นตาที่สะบัดพลิ้วยามร่างนั้นเคลื่อนไหว

     

                “ ท่านกำลังรบกวนเวลาอ่านคัมภีร์ของข้า หย่งชิน   แม้จะถูกเจ้าของนามซือเฉิงเอ่ยตำหนิแต่กระนั้นใบหน้านั้นก็หาได้แสดงทีท่าสำนึกแต่อย่างใด ผู้มาใหม่ยังคงแย้มยิ้มราวกับถูกใจมิหนำซ้ำยังต่อปากต่อคำกลับมาได้อย่างหน้าตาเฉย      

     

    เช่นนั้นยามไหนเล่าจึงจะไม่รบกวนเจ้าวันๆข้าก็เห็นเจ้านั่งคร่ำเคร่งอยู่กับคัมภีร์เหล่านี้ตลอด ร่างอรชรผิดชายชาตรีว่าอย่างนั้นขณะสะบัดชายผ้าคลุมขดตัวลงนั่งประจันหน้าผู้คร่ำเคร่งยกสองแขนขึ้นรุกรานโต๊ะอักษร เท้าคางจ้องอย่างสบายอารมณ์     

     

    ไม่มีธุระอื่นใดให้ทำหรอกหรือถึงได้มาก่อกวนข้า?” ม้วนบันทึกในมือวางลงกับโต๊ะไม้แม้จะไม่สบอารมณ์ที่ถูกรบกวนแต่สีหน้าก็หาได้แสดงท่าทีหงุดหงิดรำคาญแต่อย่างใดใบหน้านั้นยังคงเรียบเฉย น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เฉยชาอีกเช่นเคย เห็นดังนั้นหย่งชินจึงคลี่ยิ้มบาง

     

    “ ธุระ? ที่ข้ามาหาเจ้านี่ไม่เรียกว่าธุระหรอกรึ?”

     

    “ แล้วท่านมีธุระอันใดกับข้าคุณชายหลี” คุณชายหลียกยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม ดวงตากลมโตสุกสกาวราวกับได้ฟังถ้อยคำถูกใจ

     

    “ อยากพบหน้า ”

     

    “ ? ” คุณชายรองตระกูลต่งเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้มิได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดแต่หย่งชินรับรู้ได้ว่าต่งซือเฉิงกำลังสงสัย

     

    “ข้าหมายความตามนั้นทุกคำซือเฉิง ”  

     

    “ หน้าข้ามี..

     

    “ อยากพบ ”

     

    “ พบข้า? ”

     

    “ ใช่น่ะสิ ”

     

    “ เหตุใดจึงต้องอยากพบ”

     

    “ เพราะข้าจำต้องไปแล้วซือเฉิง ครั้งนี้ข้ามาเพื่อกล่าวคำลา ” สิ้นคำนั้นความเงียบพลันโรยตัวเข้าโอบอุ้มคนทั้งสอง หนึ่งเงียบนิ่งด้วยเฝ้ารออีกหนึ่งเงียบงันด้วยเหตุใดสุดยากจะคาดเดา

     

    “ เช่นนั้นเอง ” แม้จะรู้ดีแก่ใจแต่สุดท้ายก็ยังอดคาดหวังไม่ได้ดวงตาที่เคยสุกสกาวของหลีหยงชิ่นไหววูบยามได้ฟังคำนั้น นี่ข้ากำลังจะจากไปไกลแท้ๆไม่คิดจะทัดทานหรือถามไถ่เลยสักนิดหรือไร

     

    “ ไม่มีของแทนใจเลยหรือ?” น้ำเสียงนั้นแปลกไปกว่าทุกที ไร้ซึ่งทีท่าหยอกเย้าดั่งเช่นที่เป็นมาตลอดแต่กลับฟังดูคล้ายกำลังเว้าวอน

     

    “ ไม่มี ”

     

    “ อ้อ.. ”  หยงชินหลุบตาลงต่ำ  " เช่นนั้นข้าคงต้องขอลา " พูดทิ้งท้ายอีกครั้งพลางขยับกายหมายจะลุกขึ้น ทว่ายังไม่ทันที่จะได้เคลื่อนกายไปไหนฝ่ามือหนาของคนตรงหน้าก็เอื้อมมาจับชายเสื้อคลุมของเขาเอาไว้เสียก่อน

     

    “ รักษาตัวให้ดี ” น้ำเสียงนั้นยังคงเรียบนิ่ง ทว่าดวงตาที่มองสบมากลับแฝงไว้ด้วยความนัย มือของซือเฉิงขยับเคลื่อนจัดเสื้อคลุมสีชาดที่อีกฝ่ายสวมใส่ให้เข้าที่ดั่งเช่นทุกครั้งที่เคยทำ



    “ เสื้อคลุมนี้ข้ายังอยากได้คืน ”  

    เพียงเท่านั้นรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้างาม 

    แม้ครั้งนี้มีเหตุให้จำต้องลา แต่ด้วยสัญญา ภายภาคหน้าคงมีโอกาสได้หวนคืน




    " เขาเว่ยซานจะรอเจ้า "

    ดั่งเช่นที่เจ้าของแท้จริงแห่งเสื้อคลุมสีชาดเฝ้ารอนกนางแอ่นให้หวนกลับมา..

     

     

     

     

     

     

     


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in