[Over & Over] Vol.05 January 2018 - what i'm listening

Log in

เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ

what i'm listening – thefirstofmine

[Over & Over] Vol.05 January 2018

กลับมาพบกันอีกครั้งกับ My Earworm ประจำเดือนมกรา ขอย้อนหลังหน่อย

เพลงมันก็จะคละๆ แนวกัน เพราะมีหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างเป็นตัวแปร ไม่ว่าจะเป็นวงที่จะมาเปิดคอนเสิร์ตในไทยเอย ซีรี่ส์เอย หนังเอย หรือแม้กระทั่งนักดนตรีที่ตามงานเขาอยู่ปล่อยอัลบั้มออกมา ก็นั่นแหละครับ ไปลองฟังกัน

The fin. - Without Excuse

หยิบเพลงนี้มาฟังเพราะเห็นว่าจะมาเปิดคอนที่ไทย สรุปว่าตัวเองหยุดฟังเพลงของวงนี้ไม่ได้เลยจริงๆ

The fin. วงดนตรีซินธ์ป็อปจากโกเบ ประเทศญี่ปุ่น มีสมาชิค 4 คน Yuto Uchino, Ryosuke Odagaki, Takayasu Taguchi และ Kaoru Nakazawa เราชอบเสียงร้องมาก รักความนุ่มและจังหวะที่ฟังเพลินของเพลงนี้ พ่วงกับสีเย็นๆ ของเอ็มวีเพลงนี้ด้วย

O Deer - O Deer

เพลงนี้มันยังคงดังก้องในหัวของเราหลังจากที่ O Deer ปล่อยอัลบั้มนี้ออกมา จะบอกว่าเราติ่งเขาก็ได้ เรารองานเพลงของเขามาครึ่งปีหลังจากที่รู้ว่าเขากำลังทำอัลบั้มอยู่ (จริงๆ เขาติ่งเขามาตั้งแต่เขาทำวง Mo Hat Mo Gheansaí แล้วล่ะ หลังจากนั้นก็ตามติ่งเขาในฐานะนักดนตรีที่ไปเล่นแบ็คอัพให้กับ Gabrielle Aplin และ Hudson Taylor)

ด้วยความที่เราชอบโฟล์คอยู่แล้ว และพี่ Oisín Walsh-Peelo แกก็ปล่อยอัลบั้มโฟล์คออกมา อื้อหือ ประทับใจ (ตอนแรกเราไม่ได้โฟกัส Ferdia Walsh-Peelo เลยจ้า คือเพลงเพราะในตัวของมันอยู่แล้วอะ น้องแกไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากร้องประสานเฉยๆ

Graham Coxon - Walking All Day

Walking All Day เป็นเพลงประกอบซีรี่ส์ NETFLIX เรื่อง The End of The F***ing World ที่ได้ Alex Lawther และ Jessica Barden มาร่วมแสดง ส่วน Graham Coxonเป็นมือกีตาร์ Blur ที่มาทำเพลงนี้ออกมา
หลังจากดูจบแล้วก็พบว่าเพลงนี้ยังคงลอยติดหูออกมาด้วย (แต่เพลงประกอบซีรี่ส์เรื่องนี้ดีหมดทุกเพลงเลยนะ ยอมรับเลยว่ามันดีจริงๆ)

Walkin' all day with my heart on fire, falling in love with you
Walkin' all day with my heart on fire, that's what I've gotta do
Falling in love with you

Max Jenmana - Hold your hand

กลับมาติดเพลงนี้อีกจนได้ หนุ่มแม็กซ์ เจนมานะ กับเพลง Hold your hand ตอนแรกเราก็ฟังเพลงช้าๆ มาก่อน แต่ไม่ค่อยถูกสเปคเท่าไหร่ ก็เลยลองหาเพลงอื่นของเขาฟังดูจนมาเจอเพลงนี้ ส่วนตอนนี้ก็กลับมาติดเพลงนี้อีกครั้งนึง ก็หลายเดือนอยู่นะ หลังจากฟังครั้งแรก ฟังเพลงนี้กี่ครั้งก็ยังคงทำให้เรายิ้มได้เสมอ

Love is not a crime.
Take your time for songs to rhyme
Life is not for goodbye
but for learning how to fly to the blue blue sky

Space Oddity - David Bowie

เราพยายามไม่ฟัง David Bowie มาก เพราะกลัวติด แม้จะโดนขายในทวิตเตอร์อยู่บ่อยครั้งแล้วก็ตาม (อันที่จริงก็ทุกวันเลยนี่แหละ) เรารู้จักและเคยฟังเพลงของ David Bowie มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พ่อก็ชอบ แต่ว่าไม่ค่อยได้ฟังบ่อยมากนัก มาฟังแบบเริ่มฟังเอง จริงๆ จังๆ ก็เมื่อช่วงปีก่อนนี่แหละ

ที่เดือนนี้กลับมาติด Space Oddity ก็เพราะว่าหนังเรื่อง Wonderstruck เอาไปเป็นเพลงประกอบ ตอนดูเทรลเลอร์แล้วเพลงนี้ขึ้นก็น้ำตาซึมเลยจ้า ก็เลยไปขุดบล็อกที่น้องทำไว้เกี่ยวกับ David Bowie มาอ่านนี่แหละ

For here am I sitting in a tin can

Far above the world
Planet Earth is blue
And there's nothing I can do

Fox on the run - Sweet

Fox on the run เป็นเพลงของวง Sweet (British Band) ในยุค 1975 เป็นเพลงแนว Glam Rock ที่ติดก็เพราะเป็นเพลงประกอบหนัง Wonderstruck นี่แหละ โคตรเพลินอะ

Fox ในที่นี่เป็นแสลงหมายถึง ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ ตอนเราไปหามา เขาบอกว่า Sweet แต่งเพลงนี้ให้กับ Groupie หรือแฟนเพลงสาวๆ ของพวกเขา

I don't wanna know your name
Cause you don't look the same
The way you did before

The Good Side - Troye Sivan

ตอนแรกเราไม่กล้าฟังเพลงนี้เลย นอกจากโดนไซโคอยู่ทุกวัน จนกระทั่งเพื่อนบอกว่า "มึงต้องฟังเพลงนี้" ก็เลยไปตามฟัง โอ้โห น้ำตาจะไหล นอกจากเพลงดี ทำนองดีแล้ว ฉบับไลฟ์ก็ยิ่งดีไปอีก ผมฟังแล้วอยากจะร้องไห้ไปกับน้องเลยครับ

เราว่าเพลงนี้มันให้อารมณ์เหมือนกับเพลงของ Sufjan Stevens ก็นั่นแหละ ยิ่งสื่ออารมณ์ได้ดี เราชอบการใช้คำของน้องมาก คำโคตรสวยเลย

I got the good side of life
Travelled the universe twice
So many thoughts I wants to share
But I didn't call because it wouldn't be fair

That's all - Gabrielle Aplin

Original เป็นของ Genesis แต่ว่าสาวแก๊บบี้ไปรวมอัลบั้มกับ BBC Radio 2 ในอัลบั้มที่มีชื่อว่า 'Sounds Of The 80s'

เราชอบความแก๊บบี้ที่ยังคงมีอยู่ เรารักเสน่ห์ของแก๊บบี้มาก ยังคงรู้สึกว่ามันยังไปกับแก๊บบี้ในทุกเพลงที่เธอร้อง แต่เสน่ห์ของ That's all ที่เป็นต้นฉบับก็ยังคงอยู่ (เว้นแต่ว่าแก๊บบี้ร้องในคีย์ที่สูงกว่า) จริงๆ คือฟังเพลินมาก

Truth is I love you
more than I wanted to
there's no point in trying to pretend
there's been no-one who
makes me feel like you do
say we'll be together till the end

Best Song Ever - Gabrielle Aplin

Best Song Ever ต้นฉบับเป็นของ One Direction (ถ้าเกิดใครยังไม่รู้ ก็อยากจะบอกว่าแก๊บบี้เป็นแฟนเพลงของ One Direction ด้วยนะ แถมชอบลูอีมากๆ ด้วย)

สำหรับเพลงนี้ที่แก๊บบี้เอามา cover ก็จะให้อารมณ์และความรู้สึกต่างกับต้นฉบับเลยนะ อยากให้ลองฟังกันดู แถมเวอร์ชั่นนี้ได้ Hudson Taylor มาร้องประสานให้ด้วยล่ะ

And we danced all night to the best song ever
We knew every line
Now I can't remember
How it goes but I know
That I won't forget her
'Cause we danced all night to the best song ever

Secret for the Mad - dodie

เพลงของ dodie ที่เพิ่งปล่อยออกมาให้ฟังเมื่อปลายเดือนมกราคม เป็นเพลงที่สร้างกำลังใจให้เราอย่างมาก ทำให้ช่วงดิ่งๆ ของเราดีขึ้นมาได้ (เผื่อมีคนยังไม่รู้ dodie มีอาการ depression, anxiety และ depersonalisation ด้วย)

เรารักเพลงของนางมากนะ จริงๆ เราตามฟังจากที่นาง cover กับคนอื่นๆ แล้วถึงได้ตามฟังเพลงของนางเอง โอ้โห ฟังแล้วอยากจะเอาใจให้เลย คือเขาเข้าใจนะ เข้าใจมากๆ เลยด้วย รักอะ บอกไม่ถูก

You're at the bottom, this is it
Just get through, you will be fixed
And you think, that I don't get it
But I burned my way through and I don't regret it

สุดท้ายก็อยากจะขอฝากเพลงเหล่านี้เอาไว้ให้ลองฟังกันด้วยน้า เดือนกุมภามาเจอกันใหม่จ้า