เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ญี่ปุ่นชูมือขึ้นแล้วหมุนๆuJY
01 ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก
  •      หลังจากที่กอดแม่แน่นๆซักหนึ่งที ผมก็ออกจากบ้านไปสนามบินดอนเมือง เครื่องออกประมาณห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน ทริปนี้เราไปกันทั้งหมด 4 คน 

    มีผม - ผู้ไม่รู้ไม่เตรียมตัวไม่ทำห่าอะไรเลยก่อนไป (นอกจากจัดกระเป๋ากับพาสปอร์ต) 

    พี่บอย - ผู้จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพตั้งแต่ซื้อตั๋ว จองที่พัก หาที่เที่ยว ยันดูตารางรถไฟ เรียกได้ว่าเป็นหัวหอกของทริปนี้เลย 

    พี่แหม่ม - เพื่อนพี่บอย 

    พี่วัฒน์ - แฟนพี่แหม่ม 

         ซึ่งเอาจริงๆแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของผมนี่แหละที่ทุกคนได้อ่านกัน โดยผมนัดเจอกับพี่บอยตรงเดอะมอลล์บางแคก่อนแล้วค่อยไปสนามบินด้วยกัน เรานัดกันประมาณทุ่มครึ่งเพราะอย่างน้อยควรไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออกสักสองชั่วโมง จะได้มีเวลาทำนู่นทำนี่กินข้าว เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนขึ้นเครื่อง และอื่นๆจิปาถะ


         ต้องบอกก่อนนะครับว่าผมไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน(ชื่อบทก็บอกอยู่แล้ว) นี่เป็นครั้งแรกเพราะงั้นทุกๆอย่างจึงดูตื่นเต้นไปหมดสำหรับผม เราไปถึงสนามบินเวลาประมาณสามทุ่มนิดๆ พี่แหม่มกับพี่วัฒน์รออยู่ก่อนแล้วที่สนามบิน ไปถึงก็ทำตามกระบวนการเสร็จสรรพ เช็คอิน โหลดกระเป๋า แสกนกระเป๋า ตรวจพาสปอร์ต กินข้าวกะเพราหมูสับ หมูปิ้งสักสามไม้ ปอเปี๊ยะทอดสัก 5 ชิ้น ไม่งั้นเดี๋ยวพอไปถึงที่นู่นจะคิดถึงอาหารไทย แวะเซเว่นซื้อขนมไทยที่ชอบกินไว้เพราะกลัวว่าขนมที่นู่นจะไม่ถูกปาก 


    เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่ละ มึงต้องไปเข้าเกท


    แล้วที่มึงกินก่อนขึ้นเครื่องอะ เพราะกลัวหิวแล้วอาหารบนเครื่องมันแพง

    ส่วนอีที่ซื้อขนมกับมาม่าตุนไว้อะ เพราะมึงจน กลัวไปซื้อที่นู่นแล้วแพง


    อ่าว หรอ.....

    เออ!

    ไม่เถียง....


         โอเค กลับมาต่อกันดีๆ หลังจากที่ยัดทุกอย่างไว้ในกระเพาะและกระเป๋าอย่างเต็มที่แล้วเราก็เข้าเกทไปแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอขึ้นเครื่อง ทุกอย่างดูราบรื่นไปหมดแต่ส่วนที่ยากที่สุดกำลังจะมาถึง ใช่แล้วครับ ต่อไปก็เหลือแค่ขึ้นเครื่องแล้วก็ภาวนาอย่าให้เครื่องตก ซึ่งอีจุดเนี้ยแม่งทำให้ผมคิดมากที่สุด แค่เห็นเครื่องบินสมองผมก็คิดไปเองก่อนแล้วว่า เครื่องแม่งต้องตกแน่ๆ ภาพในสมองนี่แฟลชแบ็คเอาฉากเครื่องบินระเบิดของหนังเรื่องไฟนอลเดสทิเนชั่นภาคแรกมาทันที บวกกับเป็นคนคิดมากอีกด้วย พอเดินเข้าเครื่องปุ๊ปทีนี้สมองยิ่งฟุ้งซ่านเข้าไปใหญ่ หลังจากพนักงานแอร์อธิบายนู่นนี่นั่นเสร็จได้เวลาเอาเครื่องขึ้น ไอช่วงที่เครื่องแม่งสั่นๆผมยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ในสมองแม่งก็ไซโคตัวเองว่า เครื่องตกแน่ เครื่องตกแน่ เครื่องตกแน่ เหงื่อแตกพลั่ก ส่วนคนข้างๆนี่ก็ชิลกันหมด พี่บอยที่นั่งข้างๆผมก็อ่านแม็กกาซีนซึ่งชิลไม่ต่างกัน ส่วนพี่วัฒน์กับพี่แหม่มนั่งอยู่คนละฝั่งเลยไม่เห็นปฏิกิริยา


         พอเครื่องขึ้นไปได้สักพักผมก็หยิบอีใบคู่มือมาอ่านเพราะในใจยังแอบคิดอยู่ว่าเครื่องแม่งจะตกจริงๆ ผมอ่านจนถี่ถ้วนดีแล้วแน่ๆว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ต้องทำแบบนี้ เรียกได้ว่าแพนิคสุดๆ ผมพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลงด้วยการเปิดคลิปที่โหลดมาจากยูทูปดู แต่ในหัวก็ยังคงไซโคตัวเองต่อไป เครื่องระเบิดแน่ เครื่องระเบิดแน่ เครื่องระเบิดแน่ เครื่องระเบิดแน เครื่องระเบิดแ เครื่องระเบิ ....

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    ผมหลับ.....

    จำได้มั้ยครับ ก่อนขึ้นเครื่องผมทำอะไรไป ใช่ครับ ผมกิน! กินเยอะด้วย
    กะเพราหมูสับ หมูปิ้งสามไม้ ปอเปี๊ยะทอด 5 ชิ้น ทั้งหมดนั่นแม่งไปบานในท้องตอนขึ้นเครื่อง 

    แล้วก็ง่วง...
    .
    .
    .

    ตื่นมาอีกทีก็คือเครื่องจะลงแล้ว พนักงานก็เอาใบ ตม. มาให้กรอก
    แล้วเครื่องก็ลงจอดแบบนิ่มๆ ไม่มีเครื่องตก ไม่มีเครื่องระเบิด ไม่มีอะไรเลย มีแต่ตูเนี่ยคิดมากคนเดียว

    จบ...


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in