Title: หนี้เลือด
Author: ปราชญา ปารมี (นิยายสืบสวนรางวัลชมเชยนานมีบุ๊คส์อวอร์ด ปี 2550)
เวลาพูดถึงนิยายไทย ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่เป็นวรรณกรรมจริงจังไปเลย ก็มักจะเป็นนิยายรัก หรือถ้าเป็นแนวลึกลับก็ค่อยไปทางเรื่องผี สำหรับงานสืบสวนที่ไม่อิงเรื่องโรแมนติกหรือเรื่องรักอาจเจอในตลาดหนังสือบ้านเราน้อยอยู่ เมื่อเทียบสัดส่วนกับเรื่องแนวอื่น ๆ ถึงจะมีการจัดประกวดนิยายสืบสวนสอบสวน แต่ตัวเองก็ยังแอบรู้สึกว่า ยังเงียบๆ อยู่ดี ก็เลยตั้งใจว่า จะลองหานิยายสืบสวนไทยมาอ่านดูบ้าง เผื่อว่า ใครอยากจะลองไปอ่านดู เพราะบางคนอาจยังไม่แน่ใจว่า มันจะสนุกหรือเปล่า
ในส่วนของ On Shelves ที่เล่าเรื่องหนังสือที่ได้อ่าน ถ้าเป็นสืบสวนไทยจะวงเล็บบอกเอาไว้ด้วยก็แล้วกันนะคะ
สำหรับเรื่องแรกที่จะพูดถึง คือ 'หนี้เลือด' เป็นนิยายสืบสวนรางวัลชมเชยนานมีบุ๊คส์อวอร์ด ปี 2550 ซึ่งเป็นปีแรกที่จัดการประกวดขึ้น ปีนี้ ไม่มีรางวัลชนะเลิศ แต่ได้ชมเชยกันหมด
เรื่องย่อมีอยู่ว่า ผู้กองมธุมิศ ตำรวจสาววัยสามสิบต้น ๆ ซึ่งเคยเป็นตำรวจสืบสวนอาชญากรรมในสหรัฐมาก่อนที่จะกลับมารับราชการในเมืองไทย ต้องเข้าไปสืบสวนคดีของครอบครัวยั่งยืนตระกูลไพศาล โดยเริ่มจากลูกสาวคนโตเสียชีวิตเป็นรายแรก ตามด้วยลูกชายคนที่สาม แต่ความตายที่เกิดขึ้นในรั้วบ้านที่มียามเฝ้าแน่นหนาหลังนี้ก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เธอมีหน้าที่ต้องคลี่คลายคดีให้ได้ไม่เช่นนั้นคงมีคนตายเพิ่มอีก และพบว่า ความตายที่เกิดขึ้น คือ ล้วนเป็นหนี้ที่ผู้ตายแต่ละคนต้องชดใช้ด้วยเลือดและชีวิต
ถ้าให้สรุปสั้น ๆ ส่วนตัวคิดว่า ค่อนข้าง cliché ไปสักนิด แต่ก็อ่านได้เรื่อย ๆ คุณภาพได้มาตรฐานหนังสือประกวด คือ เขียนแล้วอ่านไม่สะดุด แต่ไม่ถึงกับมีอะไรแปลกใหม่มากมาย อารมณ์ของตัวเองระหว่างที่อ่าน คือ อ่านแล้วรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้รู้สึกถึง tension อย่างที่นิยายสืบสวนควรจะมีมากนัก ถ้าอ่านนิยายสืบสวนมามาก ๆ อาจเดาตัวฆาตกรได้ตั้งแต่บทแรก ๆ ด้วยซ้ำไป
ถ้ามองเป็นส่วน ๆ แล้ว ในส่วนของพล็อต การดำเนินเรื่อง และการสร้างตัวละครของเรื่องโอเคเลยนะคะ แต่มันมีองค์ประกอบตามขนบละครไทยม๊ากมาก คือ พ่อเป็นเสี่ยเจ้าชู้ แม่ปากจัดชอบเข้าบ่อน ลูกสาวคนโตเป็นสาวสวยที่ชอบดูถูกคนลูกสาวคนรองที่ไม่มีปากเสียง ลูกชายคนเล็กที่เป็นลูกรักของแม่แต่ไม่เอาถ่าน หนุ่มอาภัพที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงเพราะญาติตาย แม่บ้านที่ถามได้ตอบได้ราวกับเป็นอับดุล และเบื้องหลังบางอย่างที่คนในบ้านเคยกระทำมาก่อน
ส่วนตัวคิดว่า ไม่ว่าตัวละครจะเป็นสีอะไร สีเทา สีขาว สีดำ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ถ้าวางเหตุผลการกระทำมาดี ๆ สร้างมิติให้ตัวละครให้ 'ลึก' กว่าที่เห็นได้ จะทำให้เรื่องนี้เป็นนิยายนัวร์ (noir) ที่ใช้ได้เรื่องหนึ่งได้เลย เลยเสียดายอยู่นิดหน่อยที่คนเขียนไปเสียเวลากับการบรรยายบรรยากาศหรืออะไรอย่างอื่น หรือเล่นมุกพยายามให้ขำเพื่อเบรกอารมณ์ไม่ให้เรื่องเครียดเกินไปแทน (แต่ตามขนบละครไทย ๆ ก็ต้องมีคนตัดมุก ไม่ใช่จริงจังเกินไปสินะคะ) ก็เลยอาจจะให้มิติกับตัวละครน้อยเกินไป ก็เลยไม่ค่อยอิน สงสาร หรือสมน้ำหน้ากับชะตากรรมของตัวละครในเรื่องสักเท่าไหร่ และตอนเฉลยตัวฆาตกรตอนจบ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนละครหลังข่าวช่องเจ็ดเมื่อสิบปีก่อนมาก ^^'
ส่วนที่อ่านแล้วค่อนข้างเสียดาย คือ เรารู้สึกว่า เราได้รู้จักตัวตนของ มธุมิศ ซึ่งเป็นตัวเอกและผู้ดำเนินเรื่องน้อยไปนิดค่ะ เพราะบรรยายให้คนอ่าน
ทำความรู้จักค่อนข้างน้อย เราเลยไม่ค่อยรู้สึกผูกพันกับเธอเท่าไหร่ เลยไม่ได้อยากเอาใจช่วยมาก ออกแนวอ่านเพื่อจะดูว่า คนร้ายที่เราเดาเอาไว้มันถูกหรือเปล่าแค่นั้นเอง
ความจริง นางเอกเป็นผู้หญิงเก่ง จบนอก มีประสบการณ์การทำงานกับตำรวจอเมริกันมา มีศักยภาพที่จะดึงดูดนักอ่านที่เป็นผู้หญิงให้เข้าข้างเธอได้เยอะละ แต่อ่านแล้วรู้สึกว่านางเอกค่อนข้าง childish อยู่พอสมควร ไม่เหมือนผู้หญิงอายุสามสิบไม่เหมือนตำรวจอาชีพ เลยไม่ค่อยผูกพันกับเธอด้วยเหตุนี้ประการหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง คือ อ่านแล้วไม่รู้สึกว่า เธอเป็นคน high-profile เท่าไหร่ และมีจุดที่คนเขียนพลาดไปด้วย
เรื่องหนึ่ง (ที่ทาง บ.ก. ที่ปล่อยให้หลุดมาเองก็คงไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องเฉพาะทางพอสมควร แต่คนในแวดวงอาชีพนี้จะพอมองออกว่า ไม่ใช่ละ) ที่เขียนว่า มธุมิศจบมัธยมแล้วไปเรียนกฎหมายต่อที่อเมริกา เพราะที่อเมริกา ปริญญาทางกฎหมายจะเป็นปริญญาใบที่สอง กล่าวคือ จะต้องได้ปริญญาตรีมาแล้วหนึ่งใบ แล้วถึงจะมาต่อกฎหมายได้ (วุฒิที่ได้ คือ J.D. หรือ Jurist Doctor ถือเป็น professional doctorate ในสหรัฐอเมริกา แต่เป็นคนละอย่างกับระดับปริญญาเอก หรือ Ph.D.) ถ้าบอกว่าจบตรีและโทอาชญาวิทยาแล้วมาสมัครเป็นตำรวจ ยังจะน่าเชื่อกว่า เลยทำให้รู้สึกว่า คนเขียนทำการบ้านมาไม่ละเอียดพอ ซึ่งจริง ๆ ละเรื่องนี้เอาไว้ ในกรณีที่ไม่แน่ใจก็ได้
อ่านไปอ่านมา ปรากฎว่า คุณหมออภินันท์ที่เป็นแพทย์นิติเวชในเรื่องนี้เป็นคนขโมยซีนสำหรับตัวเองไปหน้าตาเฉย เพราะถึงจะมีซีนที่ได้ออกน้อย แต่ข้อมูลออกจากปากหมอมาทีไร เรื่องก้าวหน้าทุกที คราวหน้าผลักหมอเป็นพระเอกก็ไม่เลวนะคะ หมอน่ารัก ฮา
ในภาพรวมทั้งหมด ในส่วนของการเดินเรื่องกับการวางพล็อต ใช้ได้เลยเลยละค่ะ แม้ว่าจะเดาง่ายไปหน่อย และมีจุดรั่วอยู่หลายจุดก็เถอะ เรื่องนี้ เป็น whodunit แน่นอนค่ะ คือ ทายตัวฆาตกรว่าเป็นใคร แต่ในขณะเดียวกันก็มีศักยภาพพอที่จะผลักเข้าสู่ด้านมืดเป็นนิยายนัวร์ได้เหมือนกัน แต่เสียดายที่คนเขียนไม่ทำ ไม่อย่างงั้นน่าจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้ มันได้อีกอะค่ะ ได้อีกเยอะเลย (เขย่าคนเขียนให้ดร็อปของออกมา)
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมของทั้งเล่มก็ถือว่า ดีอยู่ค่ะ
เห็นว่าคนเขียนเขียนตอนต่ออ
อกมาแล้ว ก็คิดอยู่ว่า ไปเอามาอ่านต่อละกัน เผื่อจะได้เห็นตัวละครโตขึ้นหรือมีอะไรน่าสนใจมากขึ้น เพราะไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบการประกวดแล้ว ถ้าได้อ่าน และไม่เผลอดองไปซะก่อน ก็น่าจะได้เอามาคุยอีก
ป.ล. 2 ในบรรดานิยายสืบสวนรางวัลนานมีฯ ปีเดียวกันที่ได้อ่าน ก็ยังชอบ 'กาลมรณะ' ของคุณจัตวาลักษณ์มากกว่าอยู่ดี ในแง่ของกลวิธีการเล่าเรื่อง การวางปม การดำเนินเรื่อง และการสร้างตัวละครหลัก น่าจะได้คุยถึงเป็นการรายการต่อไปค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in