Title - The Yard
Author - Alex Grecian
ลอนดอนยุควิคตอเรียน มุมมืดของมหานคร และอาชญากรในตำนาน
สามอย่างนี้เป็นองค์ประกอบที่เป็นจุดอ่อนของตัวเองเอามาก ๆ หนังสือเล่มไหนมีส่วนประกอบอะไรทำนองนี้ ก็มักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ และ The Yard ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเรื่องนี้มีฉากเป็นลอนดอน ยุควิคตอเรียน ปี 1889 หนึ่งปีหลังจาก Jack the Ripper ก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องในย่าน Whitechapel โดยที่สก็อตแลนด์ยาร์ด หรือ ตำรวจนครบาล ที่มีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า 'เดอะ ยาร์ด' ไม่สามารถปิดคดีได้
คดีแจ็คเดอะริปเปอร์ไม่ทันหาย คดีใหม่ก็เกิดขึ้นและมีเหยื่อเป็นตำรวจของสก็อตแลนด์ยาร์ดเอง คือ สารวัตรลิตเทิลที่หายตัวไปถูกพบเป็นศพอยู่ในหีบแถวสถานีรถไฟในสภาพถูกเย็บปากกับตาเอาไว้ สารวัตรวอลเตอร์ เดย์ (Inspector Walter Day) ซึ่งเพิ่งมาทำงานกับสก็อตแลนด์ยาร์ดได้เพียงสัปดาห์เดียวได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีนี้ โดยมี ดร. คิงส์ลีย์ (Dr. Kingsley) และพลตำรวจแฮมเมอร์สมิธ (PC (Police Constable) Hammersmith) เป็นผู้ช่วย แต่ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังพบศพของสารวัตรลิตเติล ก็มีคนตายเพิ่มขึ้นอีก แต่ละรายดูเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับมีจุดเกาะเกี่ยวบางอย่างที่เชื่อมถึงกันอย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับตัวเอง โดยภาพรวม The Yard สนุกใช้ได้ แต่ในความเป็น thriller novel มากกว่า ไม่ใช่ความสนุกในแบบของ detective novel หรือ police procedure novel เพราะการเล่าเรื่องเป็นการเล่าสลับระหว่างการทำงานของตำรวจกับเรื่องเล่าฝั่งคนร้ายว่าวางแผนจะทำอะไรต่อไป แต่ไม่ค่อยได้ความรู้สึกแบบสืบสวนแท้ ๆ สักเท่าไหร่ อีกจุดที่น่าสนใจ คือ มีคนที่ทำตัวน่าสงสัยเยอะ และมีคดีซ้อนกันไปมาให้ต้องเดาว่า คนร้ายเป็นคนเดียวกันหรือเป็นคนละพวก
ถึงโดยภาพรวมจะโอเค แต่จริง ๆ เรื่องนี้จุดอ่อนค่อนข้างเยอะ ที่น่าเสียดายคือ เปิดหัวมาดี แต่ยืนระยะความน่าตื่นเต้นได้ไม่สุดจนจบเรื่อง ถ้าพูดกันตรง ๆ คือ ถ้าตัดรายละเอียดบางอย่างออก หรือจับคดีที่ซ้อนกันอยู่มาแยกเป็นคนละเล่มไปเลย น่าจะเดินเรื่องได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนตัวมองว่า ปมในคดีรองสนุกกว่าปมในคดีหลักซะอีก แถมยังนัวร์กว่าด้วย
ในส่วนของตัวละคร ถือว่าเปิดตัวมาดี วางตัวละครได้ลงตัว คือ มีสารวัตรเดย์เป็นสารวัตรสืบสวนคนใหม่ของ Murder Squad ซึ่งมาแทนนายตำรวจมือดีที่เกษียณไป โดยที่เดย์เป็นตำรวจมาจากบ้านนอก คือ เมืองเดวอน ทางใต้ของเกาะอังกฤษ เพิ่งแต่งงานสร้างครอบครัวมาได้ไม่นาน (แถมเป็นคู่ดอกฟ้ากับหมาวัดได้อีก) ดร. คิงสลีย์ เป็นศัลยแพทย์สถานะพ่อม่าย ที่อาสามาทำหน้าที่ชันสูตรศพให้กับหน่วยสืบสวนคดีฆาตกรรมของสก็อตแลนด์ยาร์ด ที่มีฟิโอนา ลูกสาวเป็นผู้ช่วย และ พลฯ แฮมเมอร์สมิธ เป็นตำรวจในกองงานสืบสวน เป็นหนุ่มหล่อและโสดที่หายใจเข้าออกเป็นงาน เรียกว่าเป็นบอยแบนด์สก็อตแลนด์ยาร์ดที่คนอ่านแทบจะชูป้ายไฟอวยกันได้เลย แต่ก็แอบน่าเสียดายที่เล่มหลัง ๆ ความเป็นบอยแบนด์แผ่วปลายในเล่มหลัง ๆ ซึ่งคงมีโอกาสพูดถึงในคราวต่อไป
ถึงจะวางตัวละครหลักมาดี แต่ว่าด้วยความที่พยายามจะเกลี่ยบทให้เท่า ๆ กัน และอธิบายที่มาที่ไปของแต่ละคนแทรกมาในคดีหรือระหว่างบรรยายการทำงาน ทำให้อ่านสะดุดไปพอควร เวลาอ่านเลยยังไม่ค่อยผูกพันกับตัวละครเท่าไหร่ ความอยากเอาใจช่วยเลยน้อยไปนิดนึง
สำหรับตัวละครรองหรือผู้ต้องสงสัยทั้งหลาย ด้วยความที่สร้างพฤติกรรมมาแบบค่อนข้าง freaky ทำให้รู้สึกว่ามัน surreal ไปนิดนึง แทนที่จะจริงจังก็เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าจะอ่านด้วยอารมณ์ไหนดี เพราะจะนัวร์ก็ไม่นัวร์ จะดาร์กก็ไม่ดาร์กมากนัก แอบเสียดายบทของแคลร์ ภรรยาของสารวัตรเดย์ คือ ถ้าทำให้แคลร์ไม่เป็นแค่ไม้ประดับ แต่ได้แสดงความฉลาดสักหน่อยก็ยังดี ให้สมกับเป็นสาวชนชั้นสูงที่ตัดสินใจเมินคนที่เหมาะสมกับตัวเองมากกว่ามาแต่งงานกับหนุ่มชนชั้นกลาง แถมจนกว่าอีก เพราะเห็นอะไรดี ๆ ในตัวของผู้ชายคนนี้มากกว่าฐานะบ้าง คู่นี้จะเป็นคู่ที่น่ารักของเรื่องได้เลย สำหรับตัวละครประกอบอื่น ๆ โดยส่วนตัวชอบ Blackleg ที่สุด เพราะถึงจะเป็นพวกตีนแมว แต่พอมาจับคู่เป็นคนให้ข้อมูลกับแฮมเมอร์สมิธที่เป็นตำรวจแต่ก็ยอมเสี่ยงเชื่อจนได้ไปเจออะไรบางอย่างกลับเข้ากันได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะตอนจบ สองคนนี้ bromance มาเลย เคมีเข้ากันดีกว่าสารวัตรเดย์กับแคลร์ซะอีก ส่วน ดร. คิงสลีย์กับลูกสาว เป็นพ่อลูกที่น่ารักดี แต่มีอะไรที่ยังไม่ convincing เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกของเจ้าตัวอยู่บ้าง
อีกเรื่องที่แอบเสียดาย คือ เรื่องนี้อยู่ในอังกฤษ แต่ขาดบรรยากาศกับอารมณ์แบบอังกฤษอย่างรู้สึกได้ อาจเพราะคนเขียนเป็นอเมริกัน และอีกเรื่องที่หลุดจริง ๆ คือ เรื่องของ class ในสมัยวิคตอเรียน เช่น การอนุญาตให้คนที่เพิ่งรู้จักเรียกชื่อตัวของตัวเองแทนนามสกุล ซึ่งวิธีการเรียกชื่อคนอื่นหรือการแบ่งชนชั้นแบบมีแบบแผนยังคงมีอยู่ ไม่ได้ง่ายแบบนั้น ถ้าใครอ่านนิยายคลาสสิกยุคนี้มาก็จะนึกออกว่าเป็นยังไง ถ้าดึงตรงนี้ออกมาได้ น่าจะได้บรรยากาศขึ้นเยอะเลย
จุดที่เสียดายที่สุดสำหรับเรื่องนี้ คือ เฉลยตัวฆาตกรง่ายไป และมี clues ให้คนอ่านเดาตัวฆาตกรเล่นค่อนข้างน้อย และจุดจบของฆาตกรก็ง่ายไปอีกเหมือนกัน ทั้งที่ปูพฤติกรรมมาอย่างโหด และด้วยความที่ระยะเวลาของเรื่องเกิดขึ้นแค่สามวัน (แต่เขียนออกมาได้ 580 หน้า) impact ตอนที่ตัวละครบางตัวในเรื่องตายก็เลยเฉย ๆ แบบ 'อ๋อ เหรอ ตายแล้ว RIP นะ' มากกว่าจะตกใจหรือเสียดาย ที่สำคัญ คือ อธิบายแรงจูงใจของการกระทำของฆาตกร ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้สารวัตรลิตเติลเข้ามาพัวพันกับคดีจนเป็นเหตุให้ต้องถูกฆ่าในที่สุดน้อยไปหน่อย ก็เลยยังค้างคานิดหน่อยในตอนจบ
โดยสรุป คือ เป็นนิยายที่อ่านได้เพลิน ๆ ไม่เอาจริงเอาจังมาก ถ้าเป็นอาหารก็จะมีรสชาติอร่อยพอประมาณ แต่สามารถเติมให้อร่อยได้มากกว่านี้อีก แล้วก็ตัดเครื่องปรุงที่ไม่จำเป็นออกบ้าง ถ้าคนเขียนตัดสินใจฆ่าตัวละครแบบไม่ปรานีตัวละครกับคนอ่านได้ จะนัวร์ก็นัวร์ไปเลย เพราะยุคสมัยกับพฤติการณ์มันเอื้อให้ทำได้อยู่แล้วละ
ถึงจะบ่น แต่เราก็ยังอ่านซีรี่ส์นี้ครบทั้ง 5 เล่มอยู่ดี.... /เหม่อ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in