การออกเดินทางไปใช้ชีวิตเป็นสิ่งที่เราต้องทำในทุกๆวัน แต่สมัยนี้ยังไม่ทันก้าวเท้าออกจากบ้านคุณก็รับรู้เรื่องราวต่างๆได้จากในโทรศัพท์ โทรทัศน์ หรืออาจจะเป็นเสียงเม้าท์ของคนข้างบ้านก็ได้ วันนี้ได้กลับมาเจอเพื่อนสมัยม.ปลาย "เจ้าหงิญ" เป็นหนังสือเล่มแรกที่อ่านแล้วรู้สึกได้ออกมาเห็นการใช้ชีวิตในหลายมุมมอง
จุดเริ่มต้นที่กลับมาเจอกันและรู้จักกันได้อย่างไร
ช่วงนี้เป็นช่วงว่างยาวของเรา (และอาจจะของคนอื่นด้วย) อยู่ๆก็นึกอยากอ่านหนังสือขึ้นมาและเล่มแรกที่นึกถึงก็คือ เจ้าหงิญ เพราะเป็นหนังสือที่ซื้อมาแล้วอ่านโดนใจมากที่สุด เรื่องสั้นบางเรื่องก็ให้ความรู้สึกว่าตรงกับเราเลยนะ เราก็เคยเป็นแบบนี้ เคยคิดแบบนี้ เคยทำแบบนี้
ย้อนกลับไปสมัยม.ปลาย อยากอ่านหนังสือซีไรต์ที่ผู้ใหญ่หลายๆคนบอกว่าเป็นหนังสือดี อ่านแล้วได้ แง่คิด เรานี่ก็อยากจะมีแง่คิดแบบผู้ใหญ่กับเขาบ้างเลยเข้าร้านหนังสือไปหาหนังสือซีไรต์สักเล่มทั้งๆ ที่ไม่ดูข้อมูลหนังสือเล่มไหนมาก่อนเลย สุดท้ายที่มาเลือกหนังสือเล่มนี้เพราะเห็นว่าหนังสือเล่มบางดี เปิดดูก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องก็จบแล้วแถมมีภาพน่ารักๆอีก เราเลยมั่นใจว่าอ่านจบแน่นอน
หนังสือเล่มบางๆเล่มนี้มีเรื่องราวการเดินทางมากมายมาเล่าให้ฟังโดยรวมเรื่องสั้นไว้ด้วยกันทั้งหมด 8 เรื่อง ทุกเรื่องจะเล่าผ่านการเดินทางไปใช้ชีวิตในแต่ละแบบ แม้ว่าแต่ละเรื่องจะมีการเดินทางเป็นของตัวเองแต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าเรื่องราวทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันอยู่เหมือนกับการเล่าเรื่องหนึ่งเพื่อไปต่อกับอีกเรื่องหนึ่ง การเดินทางออกไปใช้ชีวิตก็เป็นแบบนี้เหมือนกันเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกันตรงไหนแต่สุดท้ายแล้วมันกับเป็นเหตุและผลให้กันและกัน
การเดินทางบนถนนสายชีวิตของใครบ้าง
ของทุกคนเลยล่ะ!
เจ้าหงิญจะพาเราออกเดินทางไปเรียนรู้ชีวิตจากการเล่าเรื่องแบบนิทานต่อนิทาน ไม่ใช่นิทานที่อยู่กับจินตนาการหรอกนะ เป็นเรื่องจริงของคนเราเนี่ยแหละซึ่งเราขอจำกัดความของคนแต่ละคนกับเรื่องสั้นที่อยู่ในเจ้าหงิญไว้ ดังนี้
สำหรับคนเป็นพ่อแม่
ใครบ้างที่ไม่มีความคาดหวังกับลูกเลย แค่วันที่เขายังไม่ลืมตามาดูโลกพ่อแม่ก็คาดหวังอยากให้เขาเกิดมาแข็งแรง ครบสามสิบสองแล้ว นี่ล่ะนะที่มาของคำพูดว่า"ลูกคือความหวัง" ซึ่งเจ้าหงิญได้มาเล่ามุมมองความคิดของพ่อแม่ผ่านเรื่อง 'โลก' ของเจ้าหญิงนกบินหลายกับเจ้าชายนกบินหา และมุมมองความจริงอีกด้านของครอบครัวในเรื่อง 'สีที่แปดของรุ้งกินน้ำ'
สำหรับคนเหงา
อยู่คนเดียวไม่เหงาหรอ? คุณเคยถูกถามอย่างนี้หรือเปล่า สำหรับเจ้าหงิญมีคำตอบของคำถามนี้ไว้ง่ายๆจากเรื่อง 'ชายเดียวดายแห่งภูเขาภาคเหนือ' ชายคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบ้านบนภูเขาเพียงคนเดียวไม่เคยร้องขอให้ใครมาอยู่ด้วยแต่เขากลับไม่เหงาเลยสักนิด
สำหรับคนรอ
การรอคอยอาจเป็นเรื่องงี่เง่า ไม่คุ้มค่าสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับเด็กชายจากเรื่อง 'แดฟโฟดิลแดนไกล' และเจ้าชายจากเรื่อง 'เจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดาวดวงที่สี่' ทั้งสองคนต่างมีความคิดเดียวกันการรอคอยนี่สิคือ เรื่องพิเศษ
สำหรับนักเดินทาง
เรื่องสั้นของเจ้าหงิญก็เกี่ยวกับนักเดินทางด้วยกันทั้งนั้น แต่นักเดินทาง 3 คนที่จะแนะนำต่อจากนี้น่าสนใจมากเลยล่ะ
- คนที่1 'เก้าอี้ดนตรี' ความสวยของมันเป็นที่ถูกใจของใครหลายคนทำให้ได้เดินทางไปสู่บัลลังก์การแย่งชิง เก้าอี้ดนตรีน่ะก็ฟังดูน่าสนุกดีนะ แต่ใครล่ะจะเห็นค่า
- คนที่2 'นักเดินทางผู้หญิงใหญ่' เขาเป็นเจ้าลูกปลาที่อยากเดินทางไปสู่โลกกว้าง คำถามเดียวที่เกิดขึ้นกับเขาทุกครั้งก่อนออกเดินทางก็คือ "กลัวไหมว่าอาจจะไม่ได้กลับมา" ใครกันนะจะช่วยตอบคำถามของเขาได้
- คนที่3 'ลูกหาม'กับสามสหาย นักเดินทางผู้กล้า ยังเด็กอยู่กันทั้งนั้นแต่กลับแก้ปัญหาให้ผู้ใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
การเดินทางของเจ้าหงิญยังมีรายละเอียดและข้อคิดดีๆให้คนอ่านได้อีกมาก ถ้าคุณมีโอกาสได้เจอกับเจ้าหงิญก็อยากให้คุณได้ทำความรู้จักกับเธอสักครั้ง ไม่ยากหรอกคุณเจอเธอได้ที่ร้านหนังสือทั่วไป แต่ถ้าใครอยากรู้จักเธอตอนนี้กดที่
'เจ้าหงิญ' แล้วเธอจะพาคุณออกเดินทางเอง
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องเล่าของคนว่างๆ คนนี้ แล้วจะกลับมาเล่าใหม่อีกครั้ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in