"นึกดูดีๆ...รูปอยู่ที่ไหน ค่อยๆ นึกนะ เผื่อจะนึกออกว่ารูปอยู่ไหน"
"ไม่รู้จริงๆ ว่าเครื่องบินที่ไหน อันนี้พูดจริง"
"แล้วตอนนี้ รูปอยู่ที่ไหน"
"อยู่ๆ ก็นึกไม่ออกอ่ะ"
ทิชงค์งัวเงียตื่นขึ้นมากลางดึก
เขาฝันถึงอาอรอีกแล้ว...
หลังจากตัดสินใจขับรถพาอีกฝ่ายไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการที่ข้อเท้าและไปส่งที่บ้านเสร็จสรรพ ชายหนุ่มกลับมาที่ออฟฟิศและอาบน้ำเข้านอนตามปกติ
แต่หลับไปได้ไม่นานก็ฝันถึงแม่ของเพื่อนสนิทอีกครั้ง และครั้งนี้เหตุการณ์ในฝันมันสมจริงมากจนเขารู้สึกหน้าร้อนผ่าวราวกับว่าเคยเกิดขึ้นจริง
ภาพอาอรที่แกล้งเย้าแหย่เขาจนเกือบจะจูบกันบนโซฟาในฝันนั้นทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะจนต้องยกมือขึ้นมากุมอกด้านซ้ายไว้
และรอยยิ้มห้ามยากก็ปรากฎขึ้นมาท่ามกลางความมืดอย่างไม่มีสาเหตุ
หลังจากที่เขาไปส่งอาอรที่บ้านและโทรบอกภามเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น วันนี้อัยร์กับภามเลยแวะเข้ามาเอารถของอาอรกลับ และเมื่อมีโอกาสอยู่เพียงลำพังกับภาม ทิชงค์เลยตัดสินใจถามในสิ่งที่สงสัยอีกครั้ง
"ภาม กูมีเรื่องจะถาม"
"เรื่อง?"
"ก่อนที่กูจะเสียความทรงจำไป กูกับอาอร..."
เมื่อจับสังเกตและเห็นว่าเพื่อนมีท่าทีอึกอักไม่กล้าพูดต่อ ภามก็หลุดขำจนอีกฝ่ายส่งสายตาคำถามกลับมา
"ขำอะไรของมึง เรื่องซีเรียสนะเว้ย"
"โทษทีๆ เห็นมึงเลิ่กลั่กแล้วกูตลก ไม่เห็นเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบแอบไปไหนมาไหนกับแม่กูเลย"
"ห๊ะ/เชี่ย ฉิบหายแล้ว"
และทั้งคู่ก็อุทานออกมาพร้อมกันก่อนที่ภามจะเป็นฝ่ายเหวอบ้างจนก้าวขาไม่ออก
"มึงรีบอธิบายมาเลยนะ"
ทิชงค์กอดอกมองอย่างคาดคั้น
"ก...ก็สนิทกันเพราะตอนนั้นมึงช่วยแม่กูสืบเรื่องพ่อภาคย์จนรู้ตัวคนร้ายนี่หว่า"
"แล้วทำไมไม่เห็นมีใครบอกกูเรื่องนี้เลย"
"ทุกคนไม่อยากยัดอะไรที่มึงยังจำไม่ได้เข้าไปในหัวมึงไง ถ้ามึงจะจำได้ก็อยากให้มึงจำได้เอง"
พอได้ฟังที่เพื่อนตอบชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทุกคนก็คงเป็นห่วงเขาเลยไม่บอกเรื่องที่เคยเกิดขึ้น แต่ตอนนี้เขาเองก็เริ่มคิดวนเวียนจนเข้าขั้นหมกมุ่นกับความฝันจนเริ่มจะปวดหัวขึ้นมาแล้วเหมือนกัน จะเล่าให้ใครฟังก็กลัวโดนหาว่าเพ้อเจ้อ เพราะเรื่องราวในฝันมันก็ค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก
"มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า มึงดูเครียดๆ นะช่วงนี้"
ภามถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเพื่อน
"ถ้ากูเล่า มึงคงไม่เชื่อหรอก"
"มึงรู้ได้ไงว่ากูจะไม่เชื่อ เล่ามาก่อนดิ"
ทิชงค์ถอนหายใจก่อนจะหันมาสบตาเพื่อนนิ่ง เมื่อเห็นแววตาที่ดูจริงจังของภามจึงตัดสินใจเล่าให้อีกฝ่ายฟังเรื่องความฝันแปลกๆ หลังจากที่เขาฟื้นจากความตาย
"เพราะแบบนี้กูถึงสงสัยไงว่าก่อนหน้านี้กูกับอาอรสนิทกันแค่ไหน"
หลังจากเล่าจบ มือใหญ่ก็ยกขึ้นนวดขมับเบาๆ ก่อนที่จะเงยหน้ามาสบตาคนฟังอีกรอบ
"กูตอบได้แค่ว่ามึงกับแม่กูสนิทกันเป็นพิเศษ แต่เรื่องรายละเอียดในฝันที่มึงเล่าเนี่ย กูไม่รู้จริงๆ ว่ะ"
"หรือกูจะลองถามอาอรดู"
ท่าทางที่กำลังครุ่นคิดของเพื่อนสนิททำให้ภามอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ
"ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า"
"อืม ไว้มีโอกาสกูจะถามดู ขอบใจมึงมาก"
ภามพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินไปหาอัยร์ในครัว ชายหนุ่มยิ้มให้กับความคิดในหัวตัวเองจนคนรักที่กำลังจัดจานมื้อเที่ยงถามขึ้น
"ภามยิ้มอะไรคนเดียวน่ะ"
"ยิ้มให้กับเรื่องดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นหละมั้ง"
ถ้าหากเพื่อนของเขาจำเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นได้ มันก็คงจะเป็นเรื่องดีๆ ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าในตอนนี้แม่จะทำเป็นเหมือนว่าทำใจปล่อยวางกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ลึกๆ แล้วภามรู้ ว่าแม่ยังคงเศร้าและเสียใจกับเรื่องของทิชงค์ เพียงแค่พยายามเข้มแข็งเพื่อไม่ให้เขากับคนรอบข้างเป็นห่วงก็เท่านั้น
ถ้าหากจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกสักครั้ง ภามก็หวังว่าจะเป็นเรื่องนี้
เพราะครั้งนี้ไม่ว่าแม่กับทิชงค์จะมีความสัมพันธ์กันแบบไหน เขาก็จะไม่ห้ามอีกต่อไปแล้ว ขอเพียงแค่แม่ของเขาได้มีความสุขจริงๆ เสียที
..........................................TBC......................................
ขอบคุณทุกคนที่ยังรออ่านอยู่นะคะ ช่วงนี้ก็งานสุมเช่นเคยจะรีบมาก็กลัวว่ามันจะออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แล้วคอมยังมางอแงอีก จะร้องไห้ ?
ตอนหน้าน่าจะรอไม่นานเท่าครั้งนี้ หวังว่าจะทำให้ทุกคนยิ้มได้บ้างนะคะ เจอกันตอนหน้าพร้อมทิชงค์กับอาอรน้า ??
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in