Pairing : Two Popetorn / Wan Thanakrit ( #ไข่เจียวซอสศรีราชา )
***หมายเหตุ : ฟิคเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวศิลปิน ไม่ได้มีเจตนาทำให้ตัวศิลปินนั้นเสียหาย ฟิคนี้สร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง และขอความกรุณาอย่า Tagged ตัวศิลปิน เพื่อความสบายใจของผู้อ่านและลูกเรือ***
ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเจอใครที่ประหลาดมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
วันนั้นเป็นเช้าวันเสาร์ที่ผมจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาออกกำลังกาย เวลาฤดูใบไม้ร่วงในบรูคลินนี่มันดีจริงๆ (มาทำงานแถวนี้เป็นการชั่วคราว) ตัวผมที่กำลังวิ่งจ๊อกอยู่นั้น สายตาผมไปสะดุดกับชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่โดยไม่คิดจะขยับไปไหนเลย ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นบ้าอะไรกันแน่คือ เขาใส่หน้ากากดำน้ำ เขาทำให้ผมต้องหยุดวิ่งและมองเขา ผมไม่สามารถบรรยายใบหน้าของเขาได้ แต่จะพออธิบายได้ว่าเขารูปร่างเป็นอย่างไร แน่นอนว่าเขาน่าจะสูงกว่าผมเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร เขาเป็นคนที่ดูหมี (เขาไม่อ้วนนะ) นี่คือสิ่งที่ผมบรรยายได้เพียงเท่านี้ "แปลกดีนะ.." ผมเอ่ยกับตัวเอง เขาหันมามองที่ผมแทบจะในทันที ผมและเขาได้สบตากันแบบตรงๆ แววตาของเขาดูเหมือนสัตว์ดุร้ายในทุ่งหญ้าสะวันน่า ผมไม่รู้ว่าเขาได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า แต่ก็ต้องรีบเดินออกไปในทันทีเพื่อไปร้านกาแฟร้านประจำของเขาที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงก่อนกลับ
"อรุณสวัสดิ์ครับพี่ตู่"
"คาปูชิโน่ร้อนนะ ทอม"
"ได้เลยครับ"
เสียงเจื้อยแจ้วของทอมที่ทำให้ผมนึกถึงนกร้องปลุกตรงริมหน้าต่างในยามเช้าที่สดใส ทอมเป็นเพื่อนรุ่นน้องของผมที่มาทำงานพิเศษในช่วงระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย ทอมทักทายผมด้วยน้ำเสียงที่สดใสพร้อมกับรอยยิ้มยิ้มตาหยี หลังจากที่เจ้าตัวหายไปได้สักพัก ก็เดินกลับมาพร้อมกับแก้วและยื่นมาให้ผม ผมยื่นเงินตามจำนวนพอดี (หรือเกิน ก็ไม่แน่ใจ ถือว่าเป็นทิปให้ก็แล้วกัน) "ขอบคุณนะ" ผมเอ่ยขอบคุณและยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากร้านไป อา...อยากกินแซนด์วิชจัง
ผมเดินมาจนถึงหน้าห้องของตัวเอง ในขณะที่ผมกำลังจะไขกุญแจ ผมได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดแปลกๆ เหมือนหายใจในหน้ากากดำน้ำ ผมจะให้คุณลองจินตนาการเสียงเวลาดาร์ธ เวเดอร์หายใจในหน้ากาก เสียงมันก็จะประมาณนั้น ผมใช้หางตามองผู้ที่เดินผ่านผมไป เขาคนนั้นอีกแล้ว มนุษย์ที่แปลกประหลาดที่สุดในย่านบรูคลิน (เท่าที่ผมสำรวจมา) เมื่อไขกุญแจได้เรียบร้อย ผมจึงเปิดประตูและเข้าห้องไปในทันทีก่อนจะปิดประตูลงพร้อมจิบเจ้าคาปูชิโน่ในมือเพื่อให้ตัวเองได้รู้สึกสงบสติและผ่อนคลาย กลิ่นคาปูชิโน่ยามเช้านี่มันหอมเกินเยียวยาจริงๆ ผมวางแก้วลงบนโต๊ะทานข้าวที่อยู่ตรงริมหน้าต่าง มันเป็นเพียงแค่โต๊ะไม้เล็กๆ สำหรับคนเดียวเท่านั้น และไปหาส่วนประกอบหลักสำหรับทำแซนด์วิชในเช้าวันนี้ ขอบคุณพระเจ้าที่ยังให้ส่วนประกอบครบถ้วน...
"คุณภพธร วันนี้คุณจะได้ทำงานร่วมกับนักเปียโนคนหนึ่ง"
"เขาชื่อธนกฤต เรียกว่าว่านก็ได้นะ เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่"
ผมขอสาปส่งตัวเอง! นี่มันมนุษย์ต่างดาวที่ผมพบเจอระหว่างทางในตอนเช้านี่หว่า เขายังมิวายที่จะถอดหน้ากากที่ดูตลกๆ นั่นเสียที "ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร" ว่านโพล่งขึ้นมาในทันทีจนทำให้ผมแทบสะดุ้ง(จนแอบผวาน้อยๆ) หมอนี่มันอ่านใจผมได้งั้นหรอ? ที่ผมอยากรู้อยู่อย่างเดียวคือ เขาเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ไม่สามารถหายใจด้วยออกซิเจนบนโลกหรือไง? ผมอยากจะถามเขาให้รู้แล้วรูดรอดไปเลย แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูด ว่านกลับพูดมาอีกครั้ง "เป็นมนุษย์นะ" ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเจอบทสนทนาที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตมาก่อน (ถ้าไม่รวมว่า "คุณชอบทำอะไรดึกๆ" ซึ่งผมคิดว่ามันแปลกที่สุดแล้ว) ว่านไม่พูดอะไรต่อและปล่อยให้ผมยืนเก้ออยู่แบบนั้น ผมเพียงแค่เดินไปนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับว่าน เหลือเพียงแค่ความเงียบงันที่เข้ามาแทนที่การสนทนา ความกดดันที่แทรกมาระหว่างบุคคล ว่านได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล้องถ่ายรูปและยื่นมาที่ผมจนเกือบจะกระแทกหน้าแล้ว..
"ถ่ายรูปให้หน่อย"
"ทำไมผมต้องถ่ายรูปคุณด้วย ทั้งๆ ที่เรายังไม่สนิทกันเลย"
"เนี่ย คุณเป็นคนแบบเนี้ย ขี้บ่นเป็นแม่ไปได้ ถ่ายให้หน่อยสิครับ"
"อะไรของคุณเนี่ย"
"แล้วอะไรของพี่ล่ะ"
"แล้วมาวานให้ผมถ่ายรูปทำไม"
"เอาน่า ถ่ายให้ผมไม่ได้หรือไงครับ คุณภพธร"
"คุณนี่กวนโอ๊ยซะจริง"
"ถ่าย"
เขาจบประโยคเพียงแค่นี้พร้อมด้วยสีหน้าที่เอาจริงเอาจัง จนผมต้องถอนหายใจและรับกล้องมาจากมือของว่าน ทำไมต้องเป็นคนที่กวนโอ๊ยอะไรขนาดนี้ "ครับๆ" ผมตอบส่งเดชน์ไป เขากลับไปนั่งลงที่เก้าอี้หน้าเปียโนและตั้งท่าเรียบร้อย ผมมองเขาผ่านเลนส์กล้องและกดถ่าย ว่านลุกขึ้นยืนเดินมาหาผมพร้อมแบมือมาตรงหน้าผมเหมือนจะสื่อว่าคืนกล้องมาด้วยผมจึงคืนกล้องให้เขาและลุกขึ้นเดินออกไป ความรู้สึกว่าจะปวดหัวมาอีกแล้ว...
หลังจากจบกิจกรรมที่น่าปวดหัวในวันนี้ที่ร่วมทำกับนายว่านต่างดาวตลอดทั้งวัน(ขอเรียกว่ามาอยู่เพื่อทำความรู้จักจะดีกว่า) ผมขึ้นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายคันประจำของผม แต่ก็ยังมิวายที่จะพ้นเจ้ามนุษย์ต่างดาวนั่น หายใจออกหรอวะ หลังจากที่ผมเห็นหมอนั่นใส่มาตลอดทั้งวัน เขาไม่เคยมีความคิดจะถอดออกบ้างหรือไง และแล้วก็เดินตรงดิ่งมาหาผมพร้อมยื่นกล้องถ่ายรูปให้ ผมถึงกับขั้นต้องถอนหายใจออกมาต่อหน้าเขา
"ให้ถ่ายให้?"
"ใช่"
"โอเค"
นี่แหละ มนุษย์ที่
แปลกประหลาด(ที่ผมคิดว่าเขาคือ
มนุษย์ต่างดาว)ที่สุดในย่านบรูคลิน
(end.)
(มนุษย์ต่างดาวย่านบรูคลิน - ภพธร, 2017)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in