ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ หลายเหตุการณ์ หลายเรื่อง หลากหลายผู้คน
ทั้งคนใกล้ชิด สนิทสนมกันมานานนม คนที่ห่างกัน คนในทุกๆ สถานะในชีวิต
ความสัมพันธ์ในหลายรูปแบบ ต่างเป็นสิ่งที่ทำให้เราทบทวนความรู้สึกตัวเอง
ทบทวนความคิด ความเห็นของตัวเองอีกครั้งใหญ่ ว่ามีสิ่งใดที่ไม่เหมือนเดิม
เราเองที่เปลี่ยนไปหรือเพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนเรา
ยกกรณีศึกษา
ในความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนสนิท ในมิตรภาพที่คบหากันมานาน 10-20 ปีขึ้นไป
เพื่อนที่เราเคยไม่ต้องไปคิดไรมาก ไม่ร่ำไร ไม่งอนจนต้องง้อ ไม่ง้อ ไม่ต้องใส่ใจ
แต่ก็เป็นไปด้วยความเข้าใจได้เสมอมา จนกระทั่งเรามีความเปลี่ยนแปลงในชีวิต
ความที่เคยเป็นมาในบางส่วน บางอย่าง เราค้นพบจากการทบทวนตัวเองว่า
เราไม่ได้โอเคกับบางเรื่องที่เราเคยยอมรับได้แล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราไม่ร่ำไร
เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราก็รู้และไม่เคยใส่ใจ จนวันนี้ เรากลับมองผ่านมันไม่ได้
ที่มองผ่านไม่ได้เพราะนำเรื่องนั้นมาพูดถึง ทั้งที่เราเคยยอมรับมัน แต่ตอนนี้กลับไม่
เราทบทวนตัวเองเสมอ ทั้งความรู้สึก พฤติกรรม ความคิด ว่าจะคงมาตรฐานที่ดี
ดีในแบบพื้นฐานอยู่มั้ย แต่เราเองกลับรู้สึกว่า ทำไมตัวเองจุกจิกมากขึ้นกว่าเดิม
ทำไมมองผ่านเรื่องเล็กน้อยนี้ไม่ได้ หรือเราเองที่ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่คนอื่นก็ปกติ
ในความเปลี่ยนแปลงของชีวิตที่กล่าวมานั้น อยู่ในขอบเขตของการเปลี่ยนที่ทำงาน
เปลี่ยนเมืองทำงาน จากต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพ ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม
เราไม่มีเจตนาจะโบ้ยให้สังคมเมืองเป็นผู้รับเคราะห์จากความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมของเรา
แต่ก็ปล่อยหลุดปัจจัยนี้ไม่ได้ ถ้าเราต้องทบทวนตัวเองเพื่อหาสิ่งสมดุลให้ตัวเอง
ปัจจัยนี้มีส่วนอยู่ในชีวิตประจำวัน สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ผู้คน รูปแบบ
ล้วนได้รับการซึมซับมาไม่มากก็น้อย ซึ่งเราเองก็ปรับตัวตามโดยอัตโนมัติในบางเรื่อง
แต่บางเรื่องก็คงความเป็นตัวเองแบบเดิมอยู่ จึงนำมาวิเคราะห์ในความที่ไม่เหมือนเดิมนี้
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทิ้งไม่ได้เหมือนกันคือ อายุที่มากขึ้น วัยวุฒิเราที่ไม่ใช่วัยรุ่น 18-19 ปี
ไม่ใช่วัยนักศึกษา 22-23 ปี ไม่ใช่วัยทำงานเบื้องต้น 24-28 ปี แต่กำลังสู่วัยกลางคนตอนต้น
เราคิดวิเคราะห์ว่า ปัจจัยนี้มีส่วนพอสมควร อายุที่มากขึ้นเรื่อยๆ บางเรื่องเราก็ไม่ได้โอเคกับมันแล้ว
เราอาจจะโฟกัสในสิ่งอื่น ให้ความสำคัญกับสิ่งใหม่ พอเจอเรื่องเดิมแล้วก็รู้สึกไม่ใช่แล้ว
การทบทวนตัวเองเพื่อจะได้เคลียร์ใจในสิ่งที่ตัวเองสงสัย ที่มันเกิดขึ้นให้ข้องใจ
ไม่ใช่เพื่อหาว่าอะไรผิด แล้วฉันเท่านั้นที่ถูก เราแค่อยากดำเนินชีวิตไปด้วยความคล่องตัว
ไม่ยึดติด ค้างคา กับสิ่งใด ่ถ้าได้คำตอบและเคลียร์ใจได้ มันก็เป็นสมดุลให้ชีวิต
กระบวนการของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน และนี่เป็นกระบวนการนึงของเรา
ในการหา สร้าง ความสมดุลให้ชีวิต ในยามที่จิตใจไม่ใสสะอาด เกิดฝุ่นคราบจนหมองมัว
เราจำเป็นต้องเคลียร์มันให้ปลอดโปร่งขึ้น เพื่อรับสิ่งใหม่ๆ ได้ ที่เข้ามาโดยอัตโนมัติ
การยกกรณีศึกษาข้างต้น เป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่นำมาทบทวน
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร บางอย่างเหมือนเดิม บางสิ่งอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว
และการหาสมดุลให้ตัวเองได้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ก็เป็นสิ่งสำคัญ
หรือความจริงแล้ว ระบบการคิด ความคิดความเข้าใจเราเองที่ผิดแผกไปจากเดิม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in