"Holding Eleanor's hand was like holding a butterfly. Or a heartbeat. Like holding something complete, and completely alive."
- Park (p. 71)
"Park touched her hands like they were something rare and precious, like her fingers were intimately connected to the rest of her body."
- Eleanor (p. 76)
"eleanor & park"
ผู้เขียน: rainbow rowell
St. Martin's Griffin New York
International Edition: Oct. 2013
Eleanor สาวผมแดง แต่งตัวสุดจะแหวกแนวไม่เหมือนใคร (และคงไม่มีใครอยากเหมือน) เพิ่งย้ายโรงเรียนมา เธอตกเป็นเป้าการกลั่นแกล้งตั้งแต่วันแรกที่ปรากฏตัวบนรถโรงเรียน วันนั้นไม่มีใครยอมให้เธอนั่งด้วย แต่แล้วเด็กหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งก็เขยิบที่ให้เธอนั่งข้าง ๆ เขา นั่นคือการพบกันครั้งแรกของ Eleanor และ Park
Park รู้สึกหงุดหงิดใจที่ต้องแบ่งที่นั่งกับแม่สาวผมแดงแสนประหลาดคนนั้น แต่นอกจากเขาแล้วคงไม่มีใครจะยอมนั่งกับเธออีก เขารู้สึกโล่งอกที่เธอเข้าใจท่าทีเย็นชาของเขา และไม่แม้แต่จะพยายามกล่าวขอบคุณ เขาเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ และฟังเพลงของเขาไปตลอดทางทั้งขาไป และขากลับ แต่แล้วเขาก็ค่อย ๆ เริ่มสนใจเธอทีละเล็กทีละน้อย และเมื่อได้ยินคำตอบของเธอต่อคำถามของครูในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ เขาก็เกิดความคิดอยากจะคุยกับ Eleanor
หนังสือ และเสียงเพลงดึงดูดพวกเขาให้ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น พื้นที่ว่างที่คั่นระหว่างที่นั่งบนรถโรงเรียนของ Eleanor และ Park ค่อย ๆ ลดลง Eleanor ชอบ Park และ Park เองก็ชอบ Eleanor จากความชอบพัฒนาเป็นความรัก แต่ภายใต้เรื่องราวซึ้ง ๆ น่ารัก ๆ ของทั้งคู่ ยังแฝงไว้ด้วยความคุกคามของพ่อเลี้ยงของ Eleanor และเพื่อนร่วมชั้นตัวแสบที่ชอบกลั่นแกล้งเธอ อ่านแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบส่งกำลังใจไปให้ทั้งคู่
"There's only one of him, she thought, and he's right here.
He knows I'll like a song before I've heard it. He laughs before I even get to the punch line. There's a place on his chest, just below his throat, that makes me want to let him open doors for me.
There's only one of him."
- eleanor (p. 301)
หลังจากอ่านแล้วทิ้งค้างกลางทางมานานเพราะหันไปติดอ่านนิยายจีน ในที่สุดก็หยิบเล่มนี้มาลุยอ่านจนจบเมื่อวานนี้เอง ตอนแรกคิดว่าเป็นนิยายรักวัยรุ่นใส ๆ กรุบกริบทั่วไป ที่ไหนได้เนื้อเรื่องมันดราม่ากว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง A Walk to Remember (สร้างจากบทประพันธ์ของ Nicholas Sparks) กับ Love, Rosie (สร้างจากบทประพันธ์ของ Cecelia Ahern) มันมีความก้ำกึ่งของสองเรื่องนี้ปน ๆ กันอยู่ คือทั้งน่ารัก อบอุ่นจาง ๆ เหมือนสายแดดอ่อน ๆ ยามเช้า โรแมนติก แล้วก็ดราม่าเคล้าน้ำตา แม้ว่าจะมีแอบรำคาญความอาร์ตตัวแม่ของยัย Eleanor ในหลาย ๆ ครั้ง แต่โดยรวมแล้วก็ชอบนะ ให้คะแนน 4/5
และถ้าคุณเกิดมาทันยุคอัดเพลงลงเทปล่ะก็ เชื่อว่าจะยิ่งอินกับเรื่องนี้ เคยไหม อัดเพลงลงเทปเป็นม้วน ๆ แล้วเอาไปให้คนที่เราชอบ หรือแอบชอบฟัง โอ๊ยยย คุณเอ๋ย ฉากที่ Park อัดเพลงที่ Eleanor อยากฟังให้นี่กรี๊ดเลย แล้วไหนจะ Walkman อีก รู้จักกันไหม เมื่อก่อนใครมีนี่เท่มาก อารมณ์แบบมี iPod เลยนะ มันเป็นความรู้สึกแบบที่เด็กตั้งแต่ยุคแผ่น CD เรื่อยมาไม่น่าจะเข้าใจ 55
Eleanor and Park ได้รับเลือกให้เป็น Winner ใน Goodreads Choice ปี 2013 และเหมือนค่าย Dreamworks จะซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว ตัวผู้เขียน Rainbow Rowell เองมีส่วนร่วมในการเขียนบทภาพยนตร์ด้วยนะ ไม่รู้ว่าจะได้ดูกันเมื่อไร ตอนอ่านเรานึกจินตนาการถึงหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนังที่เต็มไปด้วยเพลงประกอบที่เลือกเพลงดังครั้งอดีตมาใช้ เพราะช่วงเวลาของเรื่องเกิดในปี 1986 (แอบกรี๊ดช่วงเวลา ตรงกับปีเกิดพอดี) เหมือน Love, Rosie ที่ดูแล้วกรี๊ดเพลงประกอบอยู่หลายเพลงมาก ๆ คือเป็นเพลงที่รู้จักกันดีในคนรุ่นเดียวกันแน่ ๆ Eleanor and Park เองก็เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยเพลงประกอบแนว rock / punk ล่ะมั้งนะ เพลงที่อยู่ในเรื่องนี่หลายเพลงเราไม่รู้จักเลย มีคนทำลิสต์ไว้ด้วย กะว่าว่าง ๆ จะมาไล่ฟัง
foreveryoungadult.com/2013/08/30/eleanor-park-mixtape
นอกจากเพลงแล้ว Eleanor กับ Park ยังชอบอ่านหนังสือ Park จะอ่านพวก comic เสียเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาคุยกันถึงตัวละคร ถึงเนื้อหา ถกกันอย่างสนุกสนาน สำหรับ Eleanor รู้สึกจะชอบอ่านพวกวรรณกรรม หรือนิยาย เราว่าหนังสือคือหลุมหลบภัยของนาง ก่อนนางจะมาเจอ Park ความสุขของ Eleanor ก็คงมีอยู่ไม่มากนัก 1 ในนั้นก็คือการอ่านเนี่ยแหละ ตอนที่ Eleanor มอบ "
The Catcher in the Rye" หรือในชื่อไทยคือ "
จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น" ผลงานของ J.D. Salinger ให้ Park เป็นของขวัญ เรารู้สึกว่ามันเป็นสัญญาณบางอย่าง บางที Eleanor กำลังสื่อถึงตัวเอง หรือไม่ก็อาจกำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ (
menalin.blogspot.com/2015/03/jd-salinger )
อีกประเด็นที่น่าสนใจก็เรื่องการแกล้งกันในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นในภาพยนตร์ หรือในหนังสือเราเคยเห็นอยู่บ่อย ๆ ถึงฉากการรังแกกันอย่างใจร้ายของเด็ก ๆ เด็กที่มาใหม่ หรือคนที่อ่อนแอมักจะตกเป็นเป้าของเด็กเกเร หรือเหล่าคนดังของโรงเรียนเสมอ ซึ่งเหตุการณ์พวกนี้มันมีในชีวิตจริง ๆ เนี่ยแหละ อย่างในอเมริกา หรือญี่ปุ่นนี่ก็ดูเหมือนว่าจะแกล้งกันแรงจนถึงขนาดคนถูกแกล้งฆ่าตัวตายเพราะทนไม่ไหวกันเลยก็มีมั้ง มันคือการทำร้ายกันทางจิตใจ อะไรทำให้เด็กพวกนั้นใจร้ายต่อเพื่อนได้ขนาดนั้น? แล้วครูหรือผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องก็อาจจะไม่ได้หาวิธีจัดการที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ถูกแกล้งสักเท่าไรเสียด้วยสิ คงมองแค่ว่าเป็นเรื่องของเด็ก ๆ ที่เดี๋ยวแกล้งกันเบื่อแล้วก็คงเลิกไปเอง ดูอย่างตอนที่ Mrs. Burt พูดกับ Eleanor สิ แม้จะช่วยหาชุดก็เถอะ แต่คำพูดแบบนั้นออกจะใจร้ายกับ Eleanor ในตอนนั้นไปนิดหรือเปล่า คือสำหรับ Mrs. Burt มันอาจจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่กับจิตใจของเด็กผู้หญิงแบบ Eleanor มันมีผลกระทบไม่น้อยเลยนะเราว่า ถ้าหากไม่มีใครเข้ามาดูแลอย่างเหมาะสมก็อาจจะนำไปสู่เหตุการณ์บานปลายก็ได้
เล่มที่เราอ่านนี่เป็นฉบับภาษาอังกฤษ (อีกหนึ่งสาเหตุที่อ่านช้าเหลือเกิน) ซื้อก่อนฉบับแปลไทยจะออก ใครอยากฝึกภาษาก็ลองหามาอ่านได้ ศัพท์ไม่ยากเท่าไร แต่ศัพท์แสงวัยุร่นมีเยอะอยู่ อาจจะต้องพึ่ง google ช่วยนิดนึง ส่วนตัวเราอ่านดิบ ๆ ไม่เปิด dict ไม่ได้เก่งนะ แต่ขี้เกียจ อ่านเอารู้เรื่องพอ สำหรับฉบับแปลไทยเป็นลิขสิทธ์ของสนพ. เอิร์นเนสต์ ตีพิมพ์ออกมาแล้ว สนใจซื้อหากันได้ตามร้านหนังสือทั่วไป ไม่ก็ตามร้านออนไลน์อย่าง
readery.co
"That's what people say--'it's not good-bye'--when they're too afraid to face what they're really feeling."
- eleanor (p. 310)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in