เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึกการอ่านmenalin
กาลครั้งหนึ่งในพม่า ของโยดายาบอยชื่อวิชัย
  • "ความทรงจำบางอย่างไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเขียนบันทึกลงหน้ากระดาษ แต่ถูกออกแบบมาเพื่อสักบันทึกลงไปบนตัวของเรา
    ด้วยเงื่อนไขง่าย ๆ ว่า เราต้องอยู่กับมัน"
    - วิชัย (หน้า 145)


    "โยดายาบอย (Yodaya Boy)"

    วิชัย มาตกุล เขียน
    สนพ. อะบุ๊ก
    พิมพ์ครั้งแรก, กรกฎาคม 2559

    ภาพ cover myanmar.travel

              นี่ไม่ใช่บล็อกนำเที่ยวแต่อย่างใด แม้ว่ารูป cover ที่หามาประกอบบวกกับชื่อเรื่องดูจะพาไปในแนวทางนั้น หากแต่เป็นบันทึกการอ่าน โยดายาบอย หนังสือเล่มใหม่ล่ามาแรงของพี่วิชัยซึ่งเราสอยมาจากงาน a book fair ที่ Terminal 21 และพกติดตัวไว้อ่านบน BTS ค่อย ๆ ละเลียดอ่านไปทีละนิดหน่อยจนในที่สุดก็จบเมื่อไม่กี่วันก่อน ในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ถ้าใครเห็นป้าแว่นคนนึงยืนขำตัวสั่นตัวโยนอยู่บน BTS ระหว่างสถานีวุฒากาศ - ศาลาแดงแล้วล่ะก็ คนที่คุณเห็นนั้นอาจเป็นเราเอง ฮาาา

              ช่วงจังหวะชีวิตที่นับเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องตัดสินใจเลือกหนทางเดินครั้งสำคัญสำหรับเราก็คงจะมีหลัก ๆ อยู่ที่ตอนจบม. 3 ที่ต้องคิดว่าจะเอายังไงดี จะเลือกเรียนสายอาชีพ (ปวส.) หรือว่าเรียนม. ปลาย ต่อมาก็ตอนต้องเลือกคณะก่อนสอบเอ็นทรานซ์ จะเรียนคณะไหน เอกอะไร มหาวิทยาลัยไหนดี ถัดมาก็แน่นอนตอนเรียนจบที่ต้องเลือกหางานทำ แต่ด้วยความที่จังหวะชีวิตแต่ละช่วงนับได้ว่าค่อนข้างมีโชค จึงผ่านมาได้ดี เป็นชีวิตเรียบง่ายโทนสีพาสเทล ไม่หวือหวาอะไร จะมีให้ตื่นเต้นหน่อยก็แค่ตอนลุ้นผลเอ็นฯ กับตอนรู้ว่ามหาวิทยาลัยที่สอบติดบังคับให้นิสิตปี 1 ไปอยู่หอเป็นเวลา 1 ปี ครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ต้องระหกระเหินออกไปอยู่นอกบ้าน ใช้ชีวิตนอกกรอบ เป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขและอิสระมากที่สุด

              แต่พี่วิชัยต้องเผชิญชะตากรรมโหด มัน ฮา กว่าเยอะ หลังจบม. 6 ก็ถูกส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ แถมยังเป็นประเทศที่ ณ ขณะนั้นคงไม่มีใครอยากไปใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังทั้ง ๆ ที่เพิ่งเรียนจบม. ปลาย แน่ ๆ  (เอาว่าแค่ไปเที่ยว ในช่วงเวลานั้นก็ไม่น่าจะถูกจัดอยู่ในลำดับต้น ๆ ที่คนจะเลือกไปหรอกมั้ง) เรียนต่อในพม่าเนี่ยนะ ทำไมไม่ไปประเทศอื่นที่ดูน่าอยู่มากกว่านั้นอะ นับถือความใจเด็ดของคุณพ่อคุณแม่พี่เขาเลยที่ส่งไป นั่นคือความคิดแรกตอนเราเห็นโฆษณาหนังสือเล่มนี้ จากนั้นก็เป็นความอยากได้ใคร่รู้ล้วน ๆ ที่ทำให้ซื้อมาอ่าน

              ถ้าคุณเคยอ่านงานของพี่วิชัยมาก่อนก็คงจะรู้ว่าปกติสไตล์การเล่าเรื่องของพี่แกจะออกยียวนกวนบาทา และช่างประชดประชันเหน็บแนมแบบ (โคตร) ฮา ๆ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบทจะซึ้งก็เล่นเอาคนอ่านนี่ถึงกับน้ำตาซึม แอบจุกไปเบา ๆ ซึ่งเราเริ่มสัมผัสได้ชัด ๆ ตั้งแต่ตอนอ่าน Don't Worry, Be Daddy พอมา โยดายาบอย เราก็ได้เห็นอีกมุมของผู้ชายคนนี้ พี่วิชัยดราม่าได้ peak มาก ๆ อ่านแล้วได้คะแนนความเห็นใจไปแบบเต็ม ๆ แถมลุ้นเอาใจช่วยให้ผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ (แต่พี่คะ เหตุการณ์ที่พี่เล่าในตอน A Whole New World นี่ บอกตรง ๆ ลุ้นยังไงก็ไม่คิดว่าพี่จะรอด กรี๊ดตั้งแต่พี่ยอมไปแล้วอะค่ะ 555)

              การใช้ชีวิตในต่างแดนปกติก็คงไม่ง่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปอยู่ประเทศไหนก็ตาม ระยะแรก ๆ ก็ต้องมีปัญหากับการปรับตัวกันทุกคนแหละ แต่สำหรับประเทศที่สิ่งอำนวยความสะดวกน้อย และการติดต่อกับโลกภายนอกเป็นเรื่องยากอย่างพม่าด้วยแล้ว คงจะยากเป็นเท่าทบทวีคูณ ไหนจะไฟดับบ่อย (เรื่องไฟดับนี่เท่าที่เคยได้ยินมาปัจจุบันก็ยังมีปัญหานี้อยู่ แต่คงไม่บ่อยเท่าช่วงเวลาที่พี่วิชัยอยู่ที่นั่น ที่รู้เพราะบังเอิญว่าบริษัทที่เราทำงานอยู่มีสาขาอยู่พม่า ทั้งเพื่อน พี่ และน้องที่ทำงานหลายคนก็เลยมีเหตุต้องเดินทางไปทำงานที่นั่นบ้าง และปัญหาไฟดับก็เป็นปัญหาที่เคยได้ยินบ่นถึงกันและค่อนข้างเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับผู้ให้บริการด้านไอที) โทรทางไกลก็ยาก อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี ส่งจดหมายยังลำบาก แล้วเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งจะใช้ชีวิตยังไงให้รอดพ้นไปได้ในแต่ละวันโดยไม่บ้าไปเสียก่อน แค่คิดก็เครียดแล้ว

              แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า คุณพ่อพี่วิชัยนั้นมองการณ์ไกลจริง ๆ ดูจากเหตุผลที่ส่งลูกไปพม่า และพอมารวมกับความขวนขวายเอาตัวรอดของพี่เขา มันก็เลยออกมาในรูปแบบของการนำมาใช้งานได้จริง พูดถึงพ่อพี่เขาแล้วก็นึกถึงอยู่ตอนหนึ่งที่พี่วิชัยเล่าในหนังสือตอนไปไจก์ทีโย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนนั้นอ่านแล้วทำให้เรายิ้มปนน้ำตาซึมหน่อย ๆ พร้อมกับความรู้สึกว่านายทองน่ารักอะ!! (ขออนุญาตเรียกนายทองตามพี่เขาหนนึงนะคะ) "แปดไมล์...เราเดินมาไกลจริง ๆ" (หน้า 259)

              อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความดราม่า ยังมีความฮา ตัวละครอื่น ๆ ที่ปรากฏตัวในแต่ละบทแต่ละตอนนั้นนับว่าเติมสีสันให้เนื้อเรื่องชีวิตของพี่วิชัยไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นมะจิ๊ด พี่นัท อานนท์ เจอมันนี สกุ๊ด และตัวโปรดที่สุดของเรา ตะโหย่ว ที่ปรากฏตัวทีไรก็ทำเราขำได้ทุกที (พร้อมกับอุทานในใจว่า โอ๊ยยย ตะโหย่วมึง! อิบ้าาา 55) เป็นอีกหนึ่งผลงานของพี่วิชัยที่เราชอบ และน่าจะครบรสที่สุด จัดว่าเฌ

              ถึงพี่วิชัย (ถ้าบังเอิญเรามีบุญ พี่ผ่านมาเห็นบล็อกนี้)
              ขอบคุณที่เขียนหนังสือสนุก ๆ แบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ มาให้อ่านค่ะ สกุ้ดดี เฌมาก ชอบอะ
              ขอบคุณที่เซ็นหนังสือให้ (ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีจังหวะโอกาสดี ๆ แบบนี้ แบบไม่ต้องต่อคิว นี่เป็นลายเซ็นแรกที่ได้ ดีใจมากจริง ๆ ค่ะ)
     

    "ไม่แน่ใจว่าตัวเองชินหรือปลง
    เราไม่ได้เข้มแข็งขึ้นสักเท่าไรหรอก
    เราแค่เข้าใจเงื่อนไขมากขึ้น
    เท่านั้นเอง
    "
    (หน้า 235)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in