1
มีคนเคยบอกว่า วัยเด็กเป็นวัยที่มีความฝันและจินตนาการ แต่ไม่มีแรง และประสบการณ์
วัยหนุ่มสาว จะเป็นวัยที่มีความฝันและจินตนาการ มีแรงกำลัง แต่จะขาดประสบการณ์
ส่วนวัยผู้ใหญ่ จะไม่มีความฝัน ไม่มีแรง แต่มีประสบการณ์เข้ามาทดแทน
ไม่รู้ว่าคนที่อ่านบทความนี้อยู่ กำลังอยู่ในช่วงวัยไหนบ้าง
ส่วนผมอยู่ในวัยผู้ใหญ่ที่ผ่านมาทั้งสามช่วงวัย และยอมรับว่าสิ่งที่ใครบางคนบอกนั้นจึงเหลือเกิน จนแอบอิจฉาคนหนุ่มสาววัย 20-30 ที่เป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความฝัน+แรงกำลังที่จะทำให้สิ่งต่างๆ.ให้เป็นจริงไม่ได้ แม้จะขาดประสบการณ์ แต่ยุคนี้ก็สามารถหาได้จากการถามผู้ใหญ่ที่เคยผ่านมาก่อน หนังสือ หรือในอินเทอร์เน็ตที่ปัจจุบันมีคนแชร์ไว้มากมาย(ไม่เหมือนในอดีต)
ต่างจากวัยผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ แต่ไม่มีแรงและเวลาไปทำอะไรที่บ้าบิ่นเท่าเดิมอีกแล้ว ซึ่งบางอย่างก็อาจโง่ บ้า และไม่คุ้มค่า เมื่อมองจากวัยนี้ แต่อาจคุ้มค่ามากเมื่ออยู่ในวัยหนุ่มสาว แน่นอนว่าอาจถูกหลอกบ้าง ผิดพลาดบ้าง ไม่รู้บ้าง เพราะขาดประสบการณ์ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะทำ ดีกว่าอยู่ใน Save Zone หรือไม่ลงมือทำสิ่งที่อยากทำสักที
2
เพราะประสบการณ์ที่เราเก็บเกี่ยวในวัย 20-30 อาจกลายเป็นวัตถุดิบชั้นยอดที่ช่วยสร้างชีวิตในปัจจุบันและอนาคตต่อไปได้ ซึ่งผมหวังว่าคนหนุ่มสาวทุกคนจะไม่ปล่อยโอกาสและช่วงเวลาเดียวนี้ผ่านไปเปล่าๆโดยไม่ลงมือทำอะไร ซึ่งถ้ากลับไปบอกตัวเองในวัยนั้นได้สักข้อผมจะบอกอะไรเขา ผมคงบอกว่า สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนหนุ่มสาวที่เราคิดว่าเหมือนกันหมดนั้นน่าจะมีอยู่ 3 ประเภท และถ้าเรารู้จักตัวเองก็จะเติบโตง่ายขึ้น
1 หนุ่มสาวช่างคิด
เป็นคนชอบคิด ใช้หัวคิดเก่ง แต่ไม่ชอบลงมือทำ เป็นเจ้าโปรเจคและไอเดียสารพัดสารพัน ชีวิตนี้มีแผนและเป้าหมายเต็มไปหมด แต่ไม่ลงมือทำสักที ชอบสั่ง ใช้ตรรกะและเหตุผล อยากเป็นเจ้าของกิจการ (ศูนย์หัว)
2 หนุ่มสาวช่างฝัน
เป็นคนที่ละเอียดอ่อน ความรู้สึกไว ใช้หัวใจในการดำเนินชีวิตใช้อารมณ์และความรู้สึกในการตัดสินใจและแก้ปัญหาต่างๆ เป็นคนที่เข้าใจคนอื่นได้ดีแต่มักจะไม่เข้าใจตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่รู้ว่าตัวเองไม่ชอบอะไร มีความรู้สึกอ่อนไหวต่อสิ่งต่างๆเสมอ อยากเป็นนักเขียน ศิลปิน ทำงานแวดวงศิลปะ (ศูนย์ใจ)
3 หนุ่มสาวช่างทำ
เป็นคนชอบทำ ทำไปก่อนโดยไม่คิด เป็นพวกชอบเรียนรู้จากการลงมือทำก่อนเสมอ จะรู้สึกหรือคิดได้แจ่มชัดก็เมื่อทำไปแล้ว ถ้าเรื่องที่ทำดีก็โชคดี แต่ถ้าเรื่องที่ทำแย่ก็จะรู้สึกเสียใจภายหลัง คนไม่ชอบคิดแต่ชอบทำแบบนี้ อาจเหมาะที่จะเป็นผู้จัดการ โปรดิวเซอร์
จะเห็นว่าคนหนุ่มสาวทั้ง 3 แบบต่างมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป และเราต้องรู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน
3
ถ้าเป็นคนชอบคิด ก็ต้องเพิ่มการทำ และความรู้สึก(เข้าอกเข้าใจคนอื่น)
ถ้ารู้สึกเก่ง ก็ต้องเพิ่มการกระทำ และเรื่องเหตุผล(วางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่ใช้อารมณ์อย่างเดียว)
ส่วนถ้าชอบทำ ก็ต้องฝึกคิด และความรู้สึก (ว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลเสียหรือเปล่า)
เพราะว่าคนที่เติบโตและค้นพบตัวเองได้เร็วกว่าคนอื่น มักจะมี 3 สิ่งนี้อยู่ในตัวเองอย่างสมดุล ไม่เอนเอียงไปด้านใดด้านนึงมากเกินไป ช่วงเวลาหนุ่มสาวนั้นอาจจะแสนสั้น แต่เป็นวัยที่น่าจดจำและเปี่ยมด้วยความหมาย
ลองฝึกเป็นคนช่างคิด / ช่างฝัน / และช่างลงมือทำ
สามสิ่งนี้จะทำให้คุณเป็นคนหนุ่มสาวที่ยอดเยี่ยม
มากกว่าผมและคนทุก Generation ที่ผ่านมาครับ
_ _ _
หนังสือ “ไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา” (I Don’t Care.) ที่ผมเขียน
หาซื้อได้แล้วที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ
หรือที่ https://shope.ee/20JLFpOYsL (คลิกลิงค์ได้เลย)
ขอบคุณมากครับ:)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in