AAside Main Story Extra 1
บทที่ 1 : ความทุกข์ของอัจฉริยะ
[ณ แชร์เฮาส์ -Argonavis-]
ริโอะ : ...เพลงในครั้งนี้ก็เป็นดนตรีจังหวะเร็วสมกับเป็น Argonavis
ถึงจะทำเสร็จออกมาแบบที่กล้าบอกว่า “ต้องเพลงนี้เท่านั้น” ก็เถอะ...
แต่มันก็เท่านั้น ไม่ได้ดีกว่าเพลงที่เคยแต่งมา
(นี่คือขีดจำกัดของฉันอย่างนั้นเหรอ หรือก็แค่ “กรอบ” ที่เผลอตีไว้โดยไม่รู้ตัวกัน ——)
...อย่างไหนกันแน่นะ
——————————————
ยูโตะ : — โยช ใช้ได้เลย!
บันริ : อย่างนี้เฟสวันจริงก็ต้องไปได้สวยแน่
วาตารุ : เฉพาะเพลงที่มีอยู่ล่ะก็นะ ถ้ามีเพลงใหม่น่าจะยากอยู่
ยูโตะ : เพลงใหม่งั้นเหรอ... มีเพลงที่ริโอะแต่งไว้เล่นๆ เมื่อก่อนหน้านี้อยู่สินะ
เร็น : อื้ม แล้ววาตารุก็แต่งเนื้อร้องจากไอเดียของทุกคนให้...
บันริ : แล้วริโอะคุงก็ปรับเพลงให้เหมาะกับเนื้อเพลงที่เสร็จออกมาสินะ
ริโอะคุง ตอนนี้เป็นไงบ้างแล้ว?
ริโอะ : ขอโทษที ทำไปจนถึงจุดที่เกือบจะสมบูรณ์มาหลายครั้งแล้ว...
วาตารุ : แต่ก็ยังไม่ใช่เพลงที่พูดได้ว่า “ต้องอันนี้เท่านั้น” สินะ?
ริโอะ : หืม?
วาตารุ : ตัวเองพูดเองก็น่าจะจำได้ไม่ใช่เหรอ
——————————————
ริโอะ : ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่... มันก็พูดออกไปด้วยความมั่นใจไม่ได้ใช่ไหมล่ะว่าต้องเป็นเพลงนี้เท่านั้น
วาตารุ : “ต้องเพลงนี้เท่านั้น”... มันก็พูดไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเวลาคิเคียวแต่งเพลงเสร็จเป็นยังไงล่ะ
ริโอะ : พูดได้อย่างมั่นใจเลย
วาตารุ : บ... แบบนั้นมันก็แค่มั่นใจเกินไปไม่ใช่เหรอ
——————————————
ริโอะ : จำได้ด้วยสินะ
วาตารุ : ไม่มีทางลืมหรอก
ยูโตะ : ...อย่างนี้นี่เอง เพราะพูดไม่ได้ว่า “ต้องเพลงนี้เท่านั้น” เลยเท่ากับว่ายังไม่สมบูรณ์สินะ
ริโอะ : เปล่า... ต่างอยู่นิดหน่อย ถ้าจะให้อธิบายแบบสั้นๆ ก็คงยาก...
......
นานาโฮชิ แต่เดิมก็มีความสามารถในการร้องเพลงที่ทำให้รู้สึกได้ถึงพรสวรรค์อยู่แล้วแถมตอนนี้ยังขัดเกลาขึ้นไปอีก
เร็น : เอ๊ะ
ริโอะ : โกเรียว พอใจร้อนก็เล่นพลาดอยู่บ้าง แต่ช่วงนี้ก็เริ่มมีความมั่นคงแล้ว
ยูโตะ : อ โอ้...
ริโอะ : ชิโรอิชิ ไม่ได้มีแค่พาวเวอร์แต่มีสตามิน่าด้วย ตอนนี้ก็ตีกลองด้วยจังหวะหนักแน่นไปจนจบได้แล้ว
บันริ : เดี๋ยวสิ อยู่ดีๆ...
ริโอะ : ส่วนมาโตบะก็เลือกใช้คำในการแสดงเนื้อเพลงออกมาได้หลากหลายมากขึ้น ฝีมือการเล่นเบสเองก็พัฒนา
วาตารุ : ...มันก็ปกติไม่ใช่เหรอที่พัฒนา ก็ซ้อมมาตั้งขนาดนี้นี่นา
ริโอะ : แล้วฉันล่ะ?
ฉันไม่เปลี่ยนไปเลย มีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่พัฒนาขึ้น
ยูโตะ : งั้นเหรอ? ไม่อะ ถึงอย่างนั้นความสามารถของริโอะก็เป็นของจริงนะ
บันริ : ใช่ๆ ก็ริโอะคุงเป็นอัจฉริยะนี่นะ
ริโอะ : ...ไม่พอ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ยังไม่พอ
เร็น : ริโอะ...?
วาตารุ : ......
ริโอะ : วงที่มาเข้าร่วมเฟสมีแต่วงที่มีความสามารถสูงกันทั้งนั้น นี่คงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
เพราะฉะนั้นฉันเองก็เลยพอใจที่เป็นอยู่ไม่ได้ และฉัน...
ไม่อยากคิดว่านี่คือขีดจำกัดของตัวเอง
บทที่ 2 : ตามหาหนทาง
วาตารุ : ...เข้าใจที่คิเคียวอยากบอกแล้ว
แต่ถ้าเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดก็ยิ่งอยากได้เพลงใหม่ที่สมน้ำสมเนื้อเลยนี่สิ
เอาเท่าที่ได้ตอนนี้ก่อนก็ได้ แค่อยากให้ลองเปิดให้ฟังดูสักครั้งน่ะ
ริโอะ : ...ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะเปิดให้ฟังได้ด้วยซ้ำ ยังไม่เข้าที่เข้าทางเลย
บันริ : ไม่อยากเชื่อเลยว่าวันที่ได้ยินคำนั้นจากปากริโอะคุงจะมาถึง...
แบบว่าพอแก้ไปเรื่อยๆ ก็หลงทางสินะ?
ริโอะ : ...ประมาณนั้น เพิ่งเคยเป็นแบบนี้ครั้งแรกเลย เอาจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง
บันริ : ฮึ่มๆ อย่างนี้นี่เอง~ หรือก็คือริโอะคุงกำลังอยู่ในช่วงฝีมือตกชั่วคราวนี่เอง
ริโอะ : ฝีมือตก...? ฉันน่ะเหรอ...?
เร็น : ฝีมือตก... ริโอะเพิ่งเคยเป็นนี่เอง
ริโอะ : อา แบบนี้เรียกว่าฝีมือตกสินะ
วาตารุ : เฮ้อ... คิเคียวนี่เป็นช่างเหน็บแนมจริงๆ
ยูโตะ : อย่าพูดแบบนั้นสิ ริโอะเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันนั่นแหละ
แต่ก็นะ ถ้าเป็นฝีมือตกก็คงช่วยไม่ได้... อย่าไปกดดันตัวเองมากล่ะ ริโอะ
ริโอะ : อา
——————————————
[ณ แชร์เฮาส์ -Argonavis-]
ยูโตะ : อ๊า— หิวชะมัด—! ข้าวเย็นวันนี้คือ...
บันริ : ทงคัตสึ กะหล่ำปลีซอย แล้วก็ซุปมิโสะ
เร็น : กะหล่ำปลีนี่ซอยยากจังเลยเนอะ ออกมาชิ้นใหญ่เชียว
ยูโตะ : นี่มัน... ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าซอยหรือหั่นดี... เอาเถอะ ลงท้องไปก็เหมือนๆ กันนั่นแหละเนอะ!
บันริ : เหลือแค่ซอส... ยูโตะคุง เป็นคนตักข้าวให้หน่อยได้ไหม?
ยูโตะ : ได้เลย ...ว่าแต่วาตารุกับริโอะล่ะ?
วาตารุ : ยู ตักเผื่อผมด้วย ส่วนของคิเคียวไว้ทีหลังดีกว่ามั้ง?
ตอนแรกก็ว่าจะไปเรียกอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนจะกำลังมีสมาธิน่ะ
ยูโตะ : ยังมีปัญหาเหมือนเดิมสินะ
บันริ : ริโอะคุงที่ไม่ว่าอะไรก็จัดการได้สบายๆ คนนั้น... ไม่ค่อยเห็นเป็นแบบนี้เลยเนอะ
เร็น : อื้ม...
วาตารุ : ...คิเคียวอาจจะฝีมือตกไปอีกสักพักใหญ่ๆ เลยก็ได้
ยูโตะ : อาจจะไม่ทันเฟสรอบจริงด้วยสินะ
บันริ : งั้นตอนนี้ก็เอาเพลงที่เสร็จแล้วไปก่อนก็ได้ไม่ใช่เหรอ? ส่วนเรื่อง Arrange ต่อจากนั้นก็ช่วยกันเอา!
เร็น : ผม... อยากรอจนกว่าริโอะจะโอเคกับเพลงนั้นจริงๆ
เพราะเวลาสับสนหรือเป็นไปได้ไม่สวยแล้วมันรู้สึกทุกข์ใจก็จริง แต่ก็อยากให้ริโอะมองไปข้างหน้าแล้วก้าวไปพร้อมกับพวกเรา
ยูโตะ : นั่นสินะ พอผ่านเรื่องนี้ไปได้เมื่อไร สิ่งที่ริโอะจะได้มาต้องยิ่งใหญ่แน่ๆ!
เร็น : แต่ทำไมอยู่ๆ ริโอะถึงได้เป็นแบบนั้นกันนะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ...
บันริ : ...เหมือนจะนึกออกล่ะ
เร็น : เอ๊ะ จริงเหรอ?
บันริ : ริโอะคุงกับฉันพยายามช่วยกันจับตัวคนร้ายที่มาก่อกวนใช่ไหมล่ะ?
ยูโตะ : อา...
บันริ : ตอนนั้นก็ปกปิดจากทุกคนได้เนียนอยู่หรอก แต่ที่จริงแล้วริโอะคุงโกรธอยู่เหมือนกันล่ะ
วาตารุ : คิเคียวน่ะเหรอ?
บันริ : บอกว่าของสำคัญของเพื่อนถูกเผาเลยนะ จะไม่โกรธได้ยังไงล่ะ
สำหรับริโอะคุงเอง สมุดโน้ตของวาตารุคุงเป็นสิ่งสำคัญน่ะ
เห็นว่าเพราะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ริโอะคุงมาเข้า Argonavis
วาตารุ : ......
บันริ : ริโอะคุงเป็นคนที่ทำอะไรด้วยตัวเองได้หมดแท้ๆ แต่กลับชอบอะไรเป็นทีมเหมือนอย่างเบสบอลนี่นะ
คงกำลังคิดอยู่ว่าในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของ Argonavis แล้ว ตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้างน่ะ
ยูโตะ : ...อย่างนี้นี่เอง งั้นพวกเราก็ต้องทำในสิ่งที่พวกเราทำได้ด้วยสินะ!
บทที่ 3 : ฝีมือตกเป็นครั้งแรก
[สตูดิโอฝึกซ้อม]
ยูโตะ : —ก็ตามนั้นล่ะ พวกเราเองก็ขอช่วยอีกแรง!
ริโอะ : งั้นเหรอ... ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนกันนะ
ยูโตะ : ก็เป็นเพื่อนกันนี่นา เวลามีปัญหาทางนี้ก็ต้องช่วยเหลือกันและกันสิ ไม่ต้องคิดมากหรอก!
วาตารุ : ก่อนอื่นขอดูหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้เพลงเป็นยังไง?
ก็เข้าใจความรู้สึกที่ว่าไม่อยากให้ฟังเพลงที่ยังไม่เสร็จอยู่หรอก แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาของคิเคียวคนเดียวนะ
ริโอะ : ...เข้าใจล่ะ
——————————————
ริโอะ : ...ประมาณนี้
ยูโตะ : ก็ดีเลยนี่...?
เร็น : อื้ม... ผมว่าเป็นเพลงที่ดีเลยนะ!
บันริ : ฟังไม่ออกเลยว่าไม่ดีตรงไหน...
วาตารุ : แต่คิเคียวยังไม่โอเคสินะ?
ริโอะ : อา
ถึงจะแสดงครั้งแรกในเฟสไปก็ไม่ค่อยมีอิมแพคเท่าไร ไม่ได้ต่างจากเพลงที่มีมาของ Argonavis เลย
คนฟังจะคาดหวังกับเพลงใหม่ไว้สูง แต่เพลงนี้ไม่มีเสน่ห์ที่สามารถตอบรับความคาดหวังนั้นได้
วาตารุ : พูดได้อย่างมั่นใจเลยสินะ
แต่ผมคิดว่าคนที่จะมาตัดสินว่ามีเสน่ห์หรือเปล่าไม่ใช่คิเคียวนะ
ริโอะ : ก็จริงอยู่...
วาตารุ : ไม่ได้คิดเลยสินะว่าการที่ไม่มีเซอร์ไพรส์อะไรให้ผู้ชมต่างหากที่จะทำให้ผู้ชมผิดหวัง
ริโอะ : ...ถึงอย่างนั้นก็ใช้เพลงนี้ไม่ได้
วาตารุ : ......
ริโอะ : ฉันรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน และนี่อาจจะเป็นแค่ความเอาแต่ใจของฉันก็ได้
แต่ถ้าเกิดยอมไปครั้งนึงแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่สามารถแต่งเพลงของ Argonavis ได้อีก
คงต้องวางมือจากหน้าที่แต่งดนตรีไป
ยูโตะ : เฮ้ยๆๆ อย่าคิดมากไปสิ!
ริโอะ : ...ถ้าเป็นตอนนี้ก็เข้าใจความรู้สึกของโกเรียวตอนที่จะออกจาก Argonavis เลย
วาตารุ : อะไรน่ะ... จะบอกว่าถ้าแต่งเพลงไม่ได้ก็จะออกจาก Argonavis เหรอ?
ริโอะ : ถึงฉันจะยังอยู่ใน Argonavis แต่ก็ควรไปหาคนอื่นที่สามารถแต่งเพลงได้มาดีกว่า
วาตารุ : ......
ริโอะ : ไม่สิ... ขอโทษที ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดออกไปง่ายๆ สินะ
แต่ว่า...
ถึงจะแต่งต่อไปทั้งๆ แบบนี้ก็คงไม่สามารถแต่งเพลงที่สมบูรณ์แบบเหมาะกับ Argonavis ได้ คงยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
วาตารุ : งั้นก็แต่งใหม่เรื่อยๆ สิ
ริโอะ : ทั้งที่จะถึงเฟสวันจริงแล้วน่ะเหรอ?
วาตารุ : พูดแบบนั้นแล้วจะยอมแพ้ไปน่ะเหรอ?
ไม่รู้ว่าควรทำยังไงงั้นเหรอ? ไม่เห็นแปลกเลย ก็ต้องมีแต่เรื่องที่ไม่รู้อยู่แล้ว
ก็พยายามไขว่คว้ามาสุดแรงเลยนี่ ก็ต้องสับสน ต้องทรมานอยู่แล้ว
พยายามดิ้นรนจนดูไม่ได้ให้มากกว่านี้อีกสิ บางอย่างก็ไม่ได้มาหรอกนะถ้าไม่ทำแบบนั้น
อย่างนายเองต้องเข้าใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
ริโอะ : ......
ยูโตะ : เอ้า พอแค่นี้! วันนี้ซ้อมกันเท่านี้แหละ
ริโอะเอง ถ้ายังทำเพลงไม่เสร็จก็คงกังวลใจจนไม่มีสมาธิด้วยสิ
มาคิดกันอีกสักวันเถอะว่าจะเตรียมเพลงใหม่ให้ทันเฟสไหม แบบนี้วาตารุเองก็โอเคใช่ไหม
วาตารุ : ...เข้าใจแล้ว
บทที่ 4 : สับสน
ริโอะ : ......
ยูโตะ : อยู่นี่เองเหรอ
ริโอะ : โกเรียวเหรอ... ไม่ได้ตรงกลับบ้านเลยสินะ
ยูโตะ : ก็ทั้งคู่ล่ะนะ
เห็นริโอะจากตรงถนนน่ะ ขอนั่งด้วยได้ไหม?
ริโอะ : อา
ยูโตะ : ฝีมือตกงั้นเหรอ... ลำบากเลยสินะ
ริโอะ : รู้สึกสับสนมากกว่าลำบากซะอีก
ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มาโตบะทำหน้าแบบนั้นเลย...
ยูโตะ : ก็เพราะพูดไปว่าเข้าใจความรู้สึกตอนที่จะออกจาก Argonavis ไง
ตอนนั้นริโอะก็โกรธฉันด้วยแท้ๆ ...”ถ้าเลิกล่ะก็ เหมือนตกนรกเลยนะ” ใช่ไหมล่ะ?
ริโอะ : ...ไม่ได้บอกว่าจะออกจาก Argonavis สักหน่อย
ยูโตะ : แต่บอกให้ไปหาคนอื่นที่แต่งเพลงได้นี่
ริโอะ : ......
ยูโตะ : พูดแบบนั้นทุกคนก็ต้องตกใจน่ะสิ ส่วนวาตารุเองก็ต้องโกรธด้วย
ริโอะ : ...แต่ดูเหมือนโกเรียวจะไม่ได้ทั้งตกใจและโกรธเลยสินะ
ยูโตะ : ก็นะ ถ้าถามว่ารู้สึกยังไงก็ดีใจอยู่หน่อยๆ ซะมากกว่า
ริโอะเคยเล่าเรื่องสมัยที่เล่นเบสบอลให้ฟังใช่ไหมล่ะ?
เรื่องที่เสียใจภายหลังที่แบกรับอะไรเอาไว้คนเดียวแล้วไม่ได้ปรึกษาใครเพราะอยากให้ทีมชนะ
ริโอะ : อา
ยูโตะ : แต่ก็อุตส่าห์มาคุยกับพวกเรานี่! แปลว่าสำหรับริโอะแล้ว Argonavis กลายเป็นสถานที่ที่สามารถคุยได้ทุกเรื่องไง!
ก็รู้อยู่หรอกว่านายลำบากอยู่ แต่มันรู้สึกดีใจนิดๆ น่ะ
ริโอะ : ...อย่างนี้นี่เอง
ยูโตะ : ฉันก็ประมาณนี้แหละ แต่วาตารุคงซับซ้อนน่ะ
เพราะคิดว่าคนที่สัมผัสถึงความสุดยอดของเพลงที่ริโอะแต่งได้มากที่สุดก็คือวาตารุนั่นแหละ
พอริโอะที่แต่งเพลงที่สุดยอดมาได้ตลอดเกิดฝีมือตกขึ้นมา วาตารุเลยกังวลในแบบของวาตารุน่ะ
ริโอะ : ...ถ้าอย่างนั้นฉันก็ทำเรื่องไม่ดีกับมาโตบะไปแล้วสินะ
ยูโตะ : ไม่ได้ผิดอะไรหรอก แบบนั้นแหละดีแล้ว
คิเคียว ริโอะกำลังยืนอยู่บนสเตจเดียวกับพวกเรา พวกเรา Argonavis ทั้ง 5 คนได้ขึ้นเรือลำเดียวกันแล้วออกเดินทางไปในทะเลกว้างใหญ่ยังไงล่ะ
——————————————
วาตารุ : ......
บันริ : ......
วาตารุ : ...บันริคุง ผมอยู่คนเดียวได้นะ
บันริ : ทำแบบนั้นไม่ได้สิ
วาตารุ : ......
??? : ...ทำไมถึงหยุดยืนกันอยู่ตรงนั้นล่ะ?
วาตารุ : ...! คุณคือ...
ไดมอน : ...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
วาตารุ : เปล่าครับ...
ไดมอน : ......
...ถ้ามีเวลาก็แวะมาที่คาเฟ่หน่อยไหมล่ะ? น่าจะดีกว่ามายืนอยู่ตรงนี้
บทที่ 5 : คนแต่งดนตรีกับคนแต่งเนื้อร้อง
เฟลิกซ์ : กลับมาแล้วเหรอ ไดมอน พาแขกที่ไม่ค่อยเห็นมาด้วยนะเนี่ย
ไดมอน : เจอกันตรงนั้นน่ะ
...นั่งกันสบายๆ ได้เลยนะ วันนี้วันหยุดน่ะ อยู่ที่นี่กันได้ตามใจเลย
วาตารุ : ขอบคุณครับ
บันริ : ร้านหยุดแท้ๆ ขอโทษนะครับ
ไดมอน : ไม่ต้องคิดมากหรอก ทางนี้เป็นคนชวนมาเองด้วย
เฟลิกซ์ : ฮึ่ม... ดูเหมือนทั้งสองคนจะมีเรื่องกลุ้มใจกันสินะ
ขอถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?
ทั้งสองคน : ......
วาตารุ : ที่จริงแล้ว——
——————————————
เฟลิกซ์ : ...อย่างนี้นี่เอง เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นสินะ
วาตารุ : เพลงของแฟนท่อมนี่ซุซากิซังมือกีต้าร์เป็นคนรับหน้าที่แต่งสินะครับ
คือว่า... ซุซากิซังเคยฝีมือตกบ้างไหมครับ?
ไดมอน : ...ฟังเรื่องของพวกเราไปก็อาจจะช่วยอะไรได้ไม่เท่าไรนะ
จุนมักจะโดนเฟลิกซ์โยนอะไรที่เป็นไปไม่ได้ให้ทำและโดนบีบคั้นอยู่เสมอน่ะ
สิ่งที่ฉันทำได้ก็มีแต่การรับฟังกับชงกาแฟให้เท่านั้นล่ะ
เฟลิกซ์ : ไม่ได้ตั้งใจจะโยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้ทำหรอก เพราะรู้อยู่แล้วว่าจุนทำได้น่ะ
เพราะเชื่อใจจุนยังไงล่ะ
ไดมอน : จุนเองก็รู้ว่าทุกคนฝากไว้ที่ตัวเอง ถึงจะทำไปตัดพ้อไปแต่ก็ทำออกมาจนเสร็จ
เฟลิกซ์ : แต่ถึงอย่างนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างคนแต่งดนตรีกับคนแต่งเนื้อร้องก็มีหลายรูปแบบ
แล้ววาตารุกับริโอะกำลังสร้างความสัมพันธ์แบบไหนกันอยู่ล่ะ?
วาตารุ : (เพราะเชื่อใจ อย่างงั้นเหรอ...)
——————————————
ริโอะ : เนื้อเพลงที่มาโตบะแต่งต้องไม่ใช่แบบนั้นไม่ใช่เหรอ
——————————————
วาตารุ : ...จริงด้วย
(คำพูดนั้น คือความเชื่อใจของคิเคียวที่มีต่อเรานี่เอง...)
(งั้นสิ่งที่เราทำได้ก็คือ—)
ขอบคุณนะครับ เฟลิกซ์ซัง คุสุโนกิซัง!
ไปกันเถอะ บันริคุง!
บันริ : เอ๊ะ? เดี๋ยวสิ วาตารุคุง...!
อ้าว ไปซะแล้วนี่นา! อ...เอ่อ ขอบคุณสำหรับกาแฟนะครับ!
เฟลิกซ์ : ด้วยความยินดี
ไดมอน : กลับบ้านดีๆ นะ
...เหมือนจะเผลอไปช่วยคู่แข่งซะแล้วสิ
เฟลิกซ์ : ถึงพวกเขาไม่มาที่นี่ ผลลัพธ์ก็คงไม่เปลี่ยนไปหรอก
ฮึๆ ตั้งตารอเฟสวันจริงเลยเนอะ
——————————————
ริโอะ : ...มาโตบะ?
วาตารุ : กลับมาแล้วเหรอ
ริโอะ : อา ...ยังไม่นอนสินะ
วาตารุ : เพราะมีเรื่องจะพูดกับคิเคียวเลยรอกลับมาน่ะ
ริโอะ : เรื่องอะไรเหรอ?
วาตารุ : ...เป็นเรื่องก่อนที่คิเคียวจะมาเข้า Argonavis น่ะ——
คิเคียวอ่านเนื้อเพลงของผมแล้วแต่งเพลงมาใช่ไหมล่ะ ตอนที่ได้ฟังเพลงนั้น ตกใจเลยจริงๆ
เนื้อเพลงที่เคยเป็นแค่ตัวอักษรบนสมุดโน้ตกลับมีสีสันขึ้นมา รู้สึกเหมือนโลกแผ่กว้างออกไป
เพียงแค่อยู่ในเมโลดี้ที่คิเคียวเป็นคนแต่งก็ออกมาเป็นโลกใบหนึ่ง... รู้สึกแบบนั้นเลย
ริโอะ : ......
วาตารุ : อย่ามาประเมินกันต่ำเกินไปนะ ที่แต่งเพลงด้วยกันอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะนายเป็นอัจฉริยะ
แต่กำลังแต่งเพลงของ Argonavis ไปกับ “คิเคียว ริโอะ” ต่างหาก
ริโอะ : ...เข้าใจล่ะ
วาตารุ : ...ได้ยินมาว่าโกรธที่โน้ตผมโดนเผา
ริโอะ : แน่อยู่แล้วสิ
ถึงจะรู้ว่าอารมณ์โกรธเป็นดาบสองคม แต่กลับควบคุมอารมณ์ไม่ได้
วาตารุ : ...อย่างนั้นก็แปลว่ามีไฟขึ้นมาน่ะสิ
ริโอะ : ...นั่น ...สินะ
วาตารุ : มีอีกอย่างที่อยากบอกนายไว้
ริโอะ : หือ?
วาตารุ : ถึงนายจะบอกว่าไม่สามารถแต่งเพลงที่สมบูรณ์แบบเหมาะกับ Argonavis ในตอนนี้ได้ แต่ของแบบนั้นน่ะ ทั้งผมแล้วก็ทุกคนไม่ได้ต้องการหรอกนะ
ไม่ต้องการเพลงที่ “สมบูรณ์แบบ” อะไรนั่นหรอก
การที่ใส่เนื้อเพลงของผมลงไปในดนตรีที่คิเคียวแต่งแล้วแสดงด้วยกันกับทุกคน แล้วเร็นก็เป็นคนร้องออกมา...
นั่นแหละคือเพลงของ Argonavis
ถ้ายังหลงทางเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองอยู่ก็เลิกทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ แล้วทำให้สุดไปเลยสิ
ริโอะ : ...!
......
ในวันนั้น... ที่ได้อ่านเนื้อเพลง “Goal Line” ในสมุดโน้ตที่ได้รับมาหลังจากคุยกับนานะโฮชิ
ก็คิดว่าอยากแต่งดนตรีให้กับเนื้อเพลงนี้ อยากทำไปกับวงนี้
...เพราะอ่านเนื้อเพลงของนายที่เขียนอยู่ในโน้ตเล่มนั้น ฉันถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้
วาตารุ : ...อืม
ริโอะ : การที่อยากได้ “ความสมบูรณ์แบบ” ที่ตัวเองคิดขึ้นมาเอง ก็เหมือนกับการวางขีดจำกัดของตัวเองสินะ
จะรบกวนทุกคนและลองทำให้เต็มที่เลย
เพื่อไขว่คว้าสิ่งที่อยู่เหนือขีดจำกัดออกไป——
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in