เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
INDIGO,BLUElomtula
Distrust
  • 2
    ‘คุณอยากเป็นสีฟ้าที่ถูกระบายบนผืนผ้าใบ ส่วนผมอยากเป็นสีครามที่ถูกแต่งแต้มบนท้องฟ้า’



    กลิ่นหอมสดชื่นของส้มฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน ภาพฟ้าไม่อยากจะยอมรับว่าเด็กคนนั้นรู้ใจเขาดีเกินไป เช้าที่ฟ้าครึ้มกับความรู้สึกบางอย่างที่ค้างเติ่งหลังจากได้รับข่าวของผ้าใบ orange espresso น่าจะเป็นความสดใสเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาสามารถลากสังขารตัวเองไปทำงานได้
    ส้มวาเลนเซียที่ถูกฝานส่วนบนออก คว้านเนื้อด้านในและนำส่วนที่ฝานออกในตอนแรกบีบลงไปในผลส้ม ครามตักกาแฟคั่วอ่อนบดหยาบที่ทำทิ้งไว้ตั้งแต่สองสามวันก่อนหนึ่งช้อนเท มันลงไปในผลส้มกลวงๆ ก่อนจะตามด้วยน้ำเปล่าธรรมดาในปริมาณที่พอเหมาะ ห่อส่วนล่างของผลส้มด้วยฟรอยด์ ก่อนจะตั้งบนเตาแก๊ส กลิ่นหอมสดชื่นของน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มเคล้าเมล็ดกาแฟลอยคลุ้ง ภาพฟ้าอดยอมรับไม่ได้ว่าแผ่นหลังของครามเวลาที่กำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่างตรงหน้า มันดูมีเสน่ห์เกินกว่าจะละสายตา
    “กาแฟครับ” เด็กตรงหน้าหันมาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เขาเบนสายตามองไปทางอื่น เช่น แมมลูกแมวขนฟูสีขาวในกระถาง 
    “ขอบใจ”
    รสชาติถูกใจเขา แต่ภาพฟ้าไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ เพื่อตอบรับสายตาคาดหวังที่มองมา ว่าเขาชอบมัน ว่ากาแฟในมือที่อีกฝ่ายชงให้ทุกเช้าถูกใจเขา ฝ่ามือเรียวหยิบครัวซองค์ขึ้นมากัด ก่อนจะเปิดดูเมลล์ในมือถือ ทันได้เห็นเด็กตรงหน้าแลบเลียริมฝีปากด้วยใบหน้างอง้ำหน่อยๆ ด้วยความสัตย์จริง ภาพฟ้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงพยายามผลักไสทุกไมตรีดีๆ ของคนเด็กกว่าที่พยายามทำเพื่อเขาออกไป แต่ก็อย่างกับว่าเขาจะพยายามหาคำตอบ ภาพฟ้าไม่อยากหาคำตอบอะไรเกี่ยวกับครามให้ต้องวุ่นวายใจทั้งนั้น
    “วันนี้ผมติดรถไปด้วยนะ”
    มองจากชุดนิสิตชายเสื้อหลุดลุ่ยที่เด็กตรงหน้าใส่ เขาก็พอจะรู้ว่าครามมีเรียนเช้า
    “อืม”
    ตอบรับไปเพียงเท่านั้น และไม่มีบทสนทนาอื่นใดอีกระหว่างมื้ออาหารของพวกเขา



    ครามเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่สี่ ที่ยังทำตัวคล้ายกับว่ามีผู้ปกครองมาส่งและมารับในบางวัน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเขาสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง ทว่าครามพอใจในแบบนี้ แม้ว่าความเงียบระหว่างพวกเขาอาจจะไม่ได้เรียกว่าการใช้เวลาด้วยกัน แต่ช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ครามจะทึกทักเอาว่าเขาใช้มันไปกับภาพฟ้า ช่วงเวลาที่ภาพฟ้าอาจจะไม่ได้ใส่ใจหรือเหม็นเบื่อที่จะอยู่กับเขาเสียเต็มประดา ครามรู้ว่าเวลาของเขาเหลือน้อยลงทุกที ภาพฟ้าไม่น่าจะได้เบื่อเขาไปนานกว่านี้ เพราะว่าหลังจากที่เขาเรียนจบ หลังจากสิ้นคำขอร้องและคำสัญญาที่ให้ไว้กับผ้าใบ ยังไงวันที่ครามจะต้องเดินออกจากบ้านของคุณหมอภาพฟ้าก็ต้องมาถึง
    “ขอบคุณครับ”
    ครามบอกหลังจากที่ภาพฟ้าจอดรถแถวหน้าตึกคณะของเขา เขาแกล้งหยิบจัดกระเป๋าเป้ของตัวเอง เพื่อที่จะถ่วงเวลาให้นานอีกหน่อย
    “ฟ้า”
    เจ้าของชื่อหันมามองเขา ใบหน้าสวยติดขมวดคิ้วนิดหน่อย
    “เมื่อเช้ากาแฟอร่อยไหม”
    คนโตกว่าเบนสายตามองไปทางอื่น นิ่งไปสักพักก่อนตอบ
    “ก็เหมือนทุกวัน”
    “ชอบไหม”
    ครามโน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อที่จะได้มองใบหน้าของคุณหมอภาพฟ้าที่เอาแต่มองไปทางอื่นนอกจากหน้าเขาอย่างลืมตัว
    “อืม”
    ภาพฟ้าไม่คิดว่าท่าทางของเขาจะดูเหมือนการยอมแพ้ แต่เขาก็ดันรู้สึกแบบนั้นอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งนั่นมันน่าหงุดหงิดใจ เขาไม่อยากยอมรับว่าสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและท่าทางของครามดูน่ารัก 
    “งั้นผมขอรางวัลหน่อยได้ไหม”
    แต่คนอย่างครามน่ารักได้ไม่ถึงนาทีหรอก
    “หวังผลแบบนี้ วันหลังไม่ต้องทำให้ผมก็ได้ เดี๋ยวผมทำเอง ลำบากครามเปล่าๆ”
    ครามทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่เขา และภาพฟ้าทำอะไรไม่ถูก
    “แค่หนึ่งนิ้วก้อย”
    ไม่บ่อยนักที่คนหน้านิ่งๆ อย่างครามจะงัดใบหน้าเด็กอ้อแอ้มาออกมาใช้
    “อะไรของคุณ”
    “แค่หนึ่งนิ้วก้อยได้ไหมครับ”
    ภาพฟ้าถอนหายใจ
    “จะทำอะไรก็ทำเถอะ ผมสายแล้ว”
    สิ้นคำของคนที่โตกว่า ครามก็เอื้อมคว้ามือเรียวของคุณหมอขึ้นมากุมไว้ ก่อนจะทำตามอำเภอใจเพราะเขาถือว่าได้รับการยินยอมแล้ว
    “คราม!”
    “ขอบคุณครับ”
    ภาพฟ้ามองหลังไวๆ ของเด็กที่เพิ่งวิ่งลงจากรถเขาไป ก่อนจะพยายามคิดถึงงานที่รออยู่และขับรถออกมาจากตรงนั้น คิดถึงงาน คิดถึงงาน เพื่อลบภาพของเด็กนิสัยไม่ดีที่บรรจงจูบนิ้วก้อยของเขาอย่างแผ่วเบาออกไป





    ในที่สุดวันแต่งงานของผ้าใบก็มาถึง ความรู้สึกหลายอย่างปะเดปะดังเข้ามาในใจของเขา มันเป็นทั้งความยินดีท่วมท้นและตื้นตันจนล้นใจ ครามในชุดสูทสีอ่อนมองตัวเองในกระจก เขาไม่เคยมีน้องชายมาก่อนในชีวิต แต่ก็ดันมีความรู้สึกเหมือนกำลังจะได้ส่งตัวน้องชายในวันสำคัญจริงๆ ตื่นเต้นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกใจก็นึกห่วงคนที่เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดสองสัปดาห์ เรื่องราวของคุณหมอภาพฟ้ากับผ้าใบ เป็นเรื่องราวที่น่าตลกขบขันของคุณหมอที่แอบหลงรักคนไข้ ส่วนเขาเป็นบุคคลที่สามที่ผ่านมาพบเจอเรื่องราวเหล่านั้น เป็นเพียงผู้เฝ้าดูเหตุการณ์และทำอะไรไม่ได้
    “ฟ้า”
    เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าประตูห้องของคุณหมอ เขายืนเรียกอยู่เป็นหนที่สามก่อนจะตัดสินใจบิดลูกบิดประตูอย่างถือวิสาสะ ภาพฟ้าในชุดสูทสีครีมสะอาดตากำลังยืนหันหลังให้เขา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองเลยออกไปนอกหน้าต่าง ไอควันจางๆ จากมืออีกข้างที่เขาไม่ทันได้เห็น คุณหมอของครามสูบบุหรี่อีกแล้ว 
    “ได้เวลาไปกันแล้วนะ”
    เป็นเหมือนอย่างทุกครั้งที่ครามจะไม่ได้รับความสนใจใดๆ จากภาพฟ้า เขาชินแล้ว
    “ฟ้าครับ”
    “!”
    ครามไม่รู้ว่าการแย่งบุหรี่ในมือของอีกฝ่าย ขยี้มันทิ้งลงตรงหน้าจะทำให้คุณหมอผู้มีภาพลักษณ์สุขุมเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแววตาไม่มั่นคงของภาพฟ้า เป็นครั้งแรกที่ครามเห็นภาพฟ้าหัวเสียมากขนาดนี้ แม้กระทั่งตอนที่เขาทำเรื่องไม่ดีกับผ้าใบ ภาพฟ้าก็ยังไม่เคยแสดงสีหน้าแบบนี้ให้เขาเห็นเลยสักครั้ง
    “ได้เวลาแล้ว”
    ภาพฟ้าเบนหน้าไปทางอื่น แลบเลียริมฝีปากอย่างพยายามข่มอารมณ์
    “ผมขอโทษ”
    ไร้การตอบรับ คนตรงหน้าเขาทำเพียงแค่ปรายตามองมาแล้วหันหลังเดินออกไป ครามรีบสาวเท้าตาม และเขาทำเพียงเท่านั้น ไม่ได้รั้งให้กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง หรือพูดอะไรอื่นอีก เขาแค่เดินตามแผ่นหลังของคุณหมอภาพฟ้าเหมือนอย่างทุกครั้ง และแอบเฝ้าภาวนาในใจลึกๆ ไม่สนใจกันไม่เป็นไร จะทำเหมือนเขาเป็นเพียงก้อนหินหน้าบ้านหรือซองจดหมายเก่าๆ ที่ถูกทับถมหน้าตู้รับจดหมายรอวันโล๊ะทิ้งก็ไม่เป็นไร ขอเพียงอย่างเพิ่งไล่เขาตอนนี้ อย่าหันกลับมาแล้วเอ่ยปากไล่เขาก็พอ



    งานแต่งถูกจัดขึ้นที่บ้านหลังเล็กใจกลางเมือง ผู้คนไม่มากมายนักแต่ทุกพื้นที่ถูกครอบคลุมไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม นัยน์ตากลมของผ้าใบเหมือนโอบอุ้มดาวนับล้านดวงไว้ในนั้น ในตอนที่อีกฝ่ายเดินแจกยิ้มและต้อนรับแขกไปทั่วงาน รอยยิ้มที่แสนสดใสที่สุด รอยยิ้มที่มีความสุขมากที่สุด ความสุขของผ้าใบถูกส่งผ่านจากของชำร่วยเล็กๆ ที่เป็นเครื่องปั้นดินเผาจิ๋ว ผ่านอาหารรสชาติถูกปากที่คัดสรรร้านมาเป็นอย่างดี ผ่านลูกโป่งและสายรุ้งระโยงรยางค์หลากสี ผ่านเสียงเพลงบรรเลงออเครสต้าแสนหวาน ความสุขของผ้าใบทั้งหมดนั่นถูกส่งผ่านมายังคราม ที่น่าตลกก็คือ เขาดันรู้สึกถึงมวลความสุขนั้นอย่างเข้มข้นและเผลอมีอารมณ์ร่วมไปด้วย ครามสามารถพูดคำว่ายินดี ได้เต็มปาก เขายินดีกับผ้าใบมากจริงๆ
    “คราม” เจ้าของความสุข มุ่งตรงมาหาเขา สองมือเล็กๆ นั่นกุมฝ่ามือของเขาเอาไว้ “ดีใจที่ครามมา” นัยน์ตากลมเริ่มคลอหน่วงไปด้วยหยาดน้ำใสๆ 
    “ขี้เว่อร์” ครามบอก ห้ามความปากเสียของตัวเองไม่ได้เลยสักครั้ง
    “จริงๆ นะ” ผ้าใบยืนยันตาใส จนครามอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบศีรษะเจ้าของงานในวันนี้ หลังจากนั้นพวกเขาสองคนก็ทำตาโตใส่กันโดยมิได้นัดหมาย ก็คนอย่างคราม เคยทำอะไรแบบนี้กับผ้าใบที่ไหนล่ะ แต่ก่อนที่บรรยากาศมันจะดูประดักประเดิดไปมากกว่านี้ “อยู่นู่นหน่ะ” ครามพยักเพยิดหน้าไปอีกทางเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าเบนสายตาราวกับกำลังมองหาใครบางคนอยู่ ผ้าใบยิ้มตาหยีใส่เขาก่อนจะบอกว่า “เดี๋ยวเรามานะ”
    เจ้าของความสุขวิ่งไปหาคนที่ครามเฝ้าฝันว่าอยากให้เป็นความสุขของเขาสักครั้ง คุณหมอภาพฟ้ากำลังยืนคุยอยู่กับ ดิน เพื่อนคุณหมอแผนกจิตเวชด้วยกันที่ถูกเชิญมางานนี้ด้วย ผ้าใบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงสนทนานั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ หมอดินเองก็รู้จักผ้าใบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เพราะทั้งสองฝ่ายเคยเป็นเพื่อนกัน แต่ดินสอบเทียบชั้น เลยเรียนจบก่อน และกลายเป็นรุ่นน้องในที่ทำงานเดียวกันกับหมอฟ้า พูดตามตรงครามเป็นคนนอกในทุกความสัมพันธ์รอบตัวของภาพฟ้าด้วยซ้ำ ที่ต่อให้เขาพยายามเลียบๆ เคียงๆ เข้าไปในวงโคจรมากมายขนาดไหน สุดท้ายก็ถูกภาพฟ้าผลักออกมาอยู่ดี




    งานแต่งงานดำเนินไปจนถึงพิธีส่งตัวเจ้าสาว มือของเขาชื้นเหงื่ออย่างไม่มีเหตุผล หลังตรงแน่วและแขนเกร็งเป็นท่อนไม้ให้ผ้าใบแตะตอนกำลังย่างก้าวไปข้างหน้า ครามเห็นสายตาล้อเลียนของคนที่เดินเคียงข้างกัน ‘เกร็งอะไรขนาดนั้น’ สานตาของผ้าใบบอก ‘ไม่ได้เกร็งขนาดนั้นหรอกหน่า’ เขาเถียงกลับไปผ่านสายตาเช่นกัน ก็ตั้งแต่เกิดมายี่สิบสามปี เพิ่งได้เคยเดินส่งตัวคนอื่นในงานแต่งงานก็วันนี้ จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไงล่ะจริงไหม นี่มันโคตรจะสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้น ‘หยุดมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้วหน่า ตัวแสบ’
    ที่ด้านหน้าของครามมีบาทหลวงและนายเด็ดเดี่ยว คนรักของผ้าใบยืนรออยู่ บนพรหมแดงที่ปลายเท้าหนักอึ้ง ครามพาคนในครอบครัว(?)ก้าวไปข้างหน้า ผ่านเพื่อนๆ ของเขาที่กำลังชูไม้ชูมือและโดนหนึ่งในกลุ่มปรามว่าควรจะต้องทำตัวมีมารยาทในเวลาแบบนี้ ผ่านเพื่อนเพียงคนเดียวของผ้าใบที่กำลังใจจดใจจ่อกับการเก็บภาพข้างๆ คนรักของตัวเอง ผ่านญาติผู้ใหญ่ที่แสนจะใจกว้างของเจ้าบ่าวอย่างนายเด็ดเดี่ยว และผ่านคุณหมอภาพฟ้า ผ่านสายตาที่ไร้แววคู่นั้น ผ่านความรู้สึกที่หน่วงในใจทุกครั้งเวลาที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ครามอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งในความเสียใจของภาพฟ้า ทั้งๆ ที่ผ้าใบออกจะมีความสุขมากขนาดนี้ 
    เด็ดเดี่ยวรับผ้าใบต่อจากคราม พวกเขาสองคนกล่าวคำปฏิญาณ หมดหน้าที่ของครามแล้ว





    ‘คืนนี้มึงจะไม่ออกไปกับพวกกูจริงดิ’ แชทกลุ่มเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือในขณะที่ครามกำลังไถปลายนิ้วไปเรื่อยเปื่อย 
    ‘ไม่อ่ะ ไม่อยากทิ้งฟ้าไว้คนเดียว’ เขาพิมพ์ตอบกลับไป นนท์ – เจ้าของคำถามเมื่อครู่ส่งสติ๊กเกอร์หน้าเหม็นเบื่อมาให้
    ‘หายใจเข้าก็ฟ้า หายใจออกก็ฟ้าว่ะ’ คราวนี้เป็นไป๋ ตัดสินจากความคิดเห็นส่วนตัวว่าเป็นพวกปากไม่ดีที่สุดในกลุ่มโต้ตอบกลับมา
    ‘เสือก’ ครามคิดว่าคำตอบของเขาสั้น กระชับ และได้ใจความที่สุดแล้ว
    ‘อุแง้งงงงงงง’ เห็นข้อความนี้ของไป๋แล้ว ครามรู้สึกเท้ากระตุกอย่างบอกไม่ถูก
    ‘ห่วงเขา แคร์เขา แล้วเขาเคยแคร์มึงป้ะ’ หลังประโยคนี้ของเฟรม เพื่อนอีกสองคนในกลุ่มก็ตามแซวยับ แต่ก็ต้องแอบยอมรับว่ามันจี้ใจเขาจนไปต่อไม่ถูก
    ‘ไม่ได้ขอให้มาแคร์ป่าววะ’
    ‘แต่ก็หงอยเป็นหมา’ เฟรมเป็นเพื่อนประเภทพูดน้อยต่อยหนักโดยธรรมชาติ ปากไม่ดีแบบไป๋ แต่ก็มีเหตุผลมากๆ แบบนนท์ เพราะแบบนั้นกับเรื่องที่เกี่ยวกับภาพฟ้า ครามเลยไม่อยากให้เฟรมพูดมากสักเท่าไหร่ พูดทีเหมือนเอาไม้หน้าสามมาฟาดหน้า เจ็บไปหมดแล้ว
    ‘มึงเกลียดอะไรกูก่อน’ 
    ‘หยอกๆ’
    ‘ไอ้ครามมันร้องไห้ไปยัง’ คำถามที่เหมือนจะเป็นห่วงมากๆ จากนนท์
    ‘/ยื่นทิชชู่’ และความหวังดีกลัวเขาไม่มีอะไรซับน้ำตาจากไป๋
    ครามรู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนรักเขามากมายขนาดไหน
    เขาถึงได้พิมพ์ตอบกลับไปอย่างสำนึกในความรักที่ท่วมล้นสุดขั้วหัวใจว่า ‘ไอ้พวกเหี้ย’




    ก๊อกๆ
    ระหว่างบทสนทนาในแชทกลุ่มที่พยายามจะลากเขาออกไปให้ได้ในคืนนี้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ครามเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงที่นอนเกลือกกลิ้งกว่าครึ่งชั่วโมงด้วยรู้ดีว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก
    “ฟ้า” คุณหมอภาพฟ้ายืนจ้องหน้าเขาเขม็ง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเห็นจุดสีดำเล็กๆ ใกล้กลีบปากสีอ่อนชัดเจน ภาพฟ้าเดินชนไหล่เขาเข้ามาในห้อง โยนซองกระดาษที่กำมันเอาไว้แน่นก่อนหน้านี้ลงบนเตียงของเขา
    “คุณต้องการอะไร”
    “หมายความว่ายังไงฟ้า ผมงงนะ”
    สายตาของคุณหมอภาพฟ้าที่ปราดมองกัน มันทิ่มแทงราวกับว่าเขามันเป็นเด็กที่เหลือเกินจนยากจะรับมือได้แล้วจริงๆ
    “ตีหน้าซื่อไปก็เท่านั้นแหละคราม คุณบอกผมมาตรงๆ เลยดีกว่าว่าต้องการอะไร จะได้ไม่ต้องลำบากมาคอยถ่ายรูปพวกนี้”
    ครามก้มลงหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลนั่นขึ้นมา หยิบสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมาดูด้วยความสงสัย ก่อนจะพบกับรูปแอบถ่ายของคุณหมอภาพฟ้าในอิริยาบถต่างๆ ทั้งจากที่ทำงาน ทั้งจากสถานที่ที่ครามไม่เคยรู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายไปไหน ทั้งจากในบ้านและที่สำคัญ ภาพที่ทำให้ครามใจเต้นไม่เป็นส่ำ มือไม้สั่นระริกและชื้นไปด้วยเหงื่อ 
    คือภาพของคุณหมอภาพฟ้าที่กำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง ราวกับคนที่กำลังถ่ายภาพ ยืนป้วนเปี้ยนอยู่ในห้องๆ นั้นโดยที่เจ้าของห้องไม่รู้ตัว




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in