day1
เราขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปในหมู่บ้านที่ลึกกว่าปกติที่เราได้ยินว่าตรงนี้มีบ้านร้างที่เฮี้ยนมากอยู่หลังหนึ่งหมู่บ้านของเราค่อนข้างเงียบกันไวมากสักสองทุ่มก็เงียบกันทั้งหมู่บ้านแล้วเสียงหมาเห่าจากที่ไกล ๆ กลิ่นไข่เจียวที่ลอยมาจากบ้านทางขวามือ ทำให้เรายังพออุ่นใจได้บ้างแต่ทันทีที่เราเลี้ยวขวาเข้ามาในซอยย่อยทั้งอย่างกลับเงียบหมดไม่เหลือแม้แต่เสียงแมลง ไฟทางก็เหมือนเป็นใจเพราะดวงเดียวที่ยังติดอยู่คือหน้าบ้าน“หลังนั้น”
“เฮ้ย ถ้ามึงหาโลเฮี้ยน ๆ หลอน ๆถ่ายเทปหน้าไม่ได้นี่อดโบนัสนะเว้ย” เสียงของพี่หัวหน้าแว่วมาในหัว ทำให้เราบิดมอเตอร์ไซค์ตรงเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังนั้นเราตัดสินใจเปิดไฟฉุกเฉินไว้ เผื่อถ้ายามขับผ่านมาจะมาไล่เราออกไปขาสองข้างของเรามันน้ำหนักมากเหลือเกินทำให้การก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ของเรานั้นใช้เวลานานมหาศาลแต่พอรู้ตัวอีกทีนึงยิ่งเราอ้อยอิ่งมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดึกมากขึ้นเท่านั้น แม่งเอ้ยข้ามไปเช้าเลยไม่ได้เหรอวะ
ที่จริงโบนัสมันก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่เลยนะเว้ยเดือนเดียวเองมึงดูดิหน้าบ้านนี่รกจะตาย ถ้าไม่เจอผีมึงก็เจองูแหละ เสียงฝ่ายหนึ่งดังแว่วมาในหัว
แต่มันก็หลายตังนะเว้ย ผ่อนรถได้ค่าห้องได้ เปย์ซีดีน้องเฌอก็ได้นะเว้ย เสียงอีกฝ่ายดังขึ้นตามมา
เอาวะ! เพื่อน้องเฌอ! เราหยิบไฟฉายออกจากใต้เบาะรถส่องไปหาตัวบ้าน กดดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือก็อีก15 นาทีจะสี่ทุ่ม หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหน้าบ้านแล้วส่งให้พี่หัวหน้า
“แม่ย้อย เด็ดมาก แค่เห็นนี่ขนก็ลุกแล้ว”- หัวหน้า
“ถ้าปวดขี้พี่ก็ไปขี้นะพี่” -คิดในใจ
เราเดินไปหยิบกุญแจที่รั้วขึ้นมาแล้วไขออกใช่...เรามีกุญแจบ้าน... บ้านนี้เป็นของลุงเราเองแต่ด้วยความเฮี้ยนของบ้านหลังนี้นี่แหละที่ทำให้แม้แต่ลุงเรายังไม่อยู่บ้านของตัวเองตอนที่เราไปเอาเรื่องหาโลเคชั่นถ่ายสำรวจบ้านร้างไปเล่าให้ลุงฟังแกก็โยนกุญแจมาให้เราอย่างง่ายแต่บอกทิ้งท้ายว่า คิดให้ดีก่อนเข้าไปโอ้โหเล่นเปิดมาแบบนี้เรานี่แทบจะเอากุญแจใส่พานแล้วถวายคืนให้
น้องเฌอ! น้องแคน! เสียงเวรในใจดังขึ้นมาอีกครั้งนึงแม่งเอ้ยย
เราใช้เวลาประมาณ15 นาทีในการสำรวจรอบบ้าน แปลก…น่ากลัวน้อยกว่าที่คิดแถมเรายังรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนเรามีความทรงจำว่าเคยมาวิ่งเล่นในบ้านหลังนี้แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เมื่อเดินมาถึงประตูหน้ากำลังจะออกจากตัวบ้านเราต้องผ่านกระจกขนาดเท่าตัวคนที่ตั้งอยู่ทางซ้ายวินาทีนั้นเองฉากทั้งหลายในหนังผีก็ประดังประเดเข้ามาในหัวแต่ดูจะมีฉากนึงชัดที่สุด อย่าหันมายิ้มนะมึง! แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนเราปิดล็อคกุญแจรั้วนอกบ้าน
“น้องเป็นเจ้าของบ้านเหรอครับ”เสียงหนึ่งดังขึ้นมาทำให้เราสะดุ้งจนทำกุญแจหล่น
“ไม่ใช่หรอกครับผมเป็นหลานเจ้าของบ้าน พอดีมีธุระเลยมาสำรวจบ้านอะครับ”เราตอบระหว่างก้มหน้าก้มตาหยิบกุญแจ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นผู้ชายคนนั้นใส่เครื่องแบบยามของหมู่บ้านยืนส่องไฟฉายไปรอบบริเวณ
“โหย โล่งใจไปตอนแรกนี่ผมนึกว่าต้องเรียกรถมูลนิธิมาอีกแล้วนะเนี่ย เดือนที่แล้วก็คนนึง” แกพูดขึ้น
“ว่าไงนะพี่” หา คนนึงอะไรวะเฮ้ยเดี๋ยว เอาดี ๆ
“อ๋อ มีพวกวัยรุ่นมันเข้าไปลองของในบ้านแล้วไม่รู้อีท่าไหนตกบันไดมาคอหักตายอีกคนก็สติแตกวิ่งออกมาจากบ้าน ชาวบ้านทางนู้นเขาได้ยินเสียงมันวิ่งแหกปากโวยวายเลยออกมาดูถึงได้รู้นั่นแหละ”พี่ยามเล่าอย่างออกรสเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เอง
"ตั้งแต่ตอนนั้นคุณเจ้าของบ้านเขาก็จ้างเพิ่มให้ผมคอยมาดูหน้าบ้านตอนดึกว่ามีใครจะเข้าไปในบ้านอีกไหมอะไรอย่างนั้นถ้ายังไงไม่มีอะไรแล้วผมก็ขอตัวนะครับ กลับบ้านดี ๆ เด้อ" พี่ยามพูดเสร็จก็ขึ้นคร่อมรถแล้วขี่ออกไป
เราก็สตั้นไปครู่หนึ่งก่อนขี่รถกลับบ้านเราบ้าน
พอถึงบ้านอาบน้ำเสร็จก็ลงมากินข้าวคุณแม่กับคุณพ่อก็กำลังนั่งดูละครกันอยู่อย่างดุเดือด(?) อีใจเร็งนี่มันน่าตบจังเลยอะพี่
ระหว่างกินข้าวเราก็เลยโทรไปหาลุงเพื่อบอกว่าพรุ่งนี้จะเอากุญแจไปคืนพอเราเล่าถึงยามคนนั้นลุงแกเงียบไปพักหนึ่ง
“นี่เราบอกว่า ยามคนนั้นชื่ออะไรนะ” ลุงถามกลับมาหลังจากที่เงียบไป“น่าจะสมโภชน์นะลุง ดูจากป้ายชื่...”
“เชี่ย! ไอ้สมโภชน์นั่นแหละยามที่เข้าไปสำรวจบ้านกับยามอีกคนแล้วตกบันไดมาคอหักตาย!”
“เฮ้ย ลุงเอาดี ๆ ดิผมไม่เล่นนะลุง”
“ถ้าเอ็งไม่เชื่อข้านะตอนเช้าไปถามยามหน้าหมู่บ้านได้เลย”
“...” เรานิ่งเงียบไปพักหนึ่งพยายามประมวลผลสิ่งที่ได้ยินหลังจากนั้นก็ขอบคุณอะไรกันอีกหน่อยก่อนจะวางสาย
แม่เห็นเราทำท่าแปลก ๆ เลยเข้ามาคุยเราก็ค่อยๆ เล่าตั้งแต่เรื่องที่ทำงานให้เราหาสถานที่จนกระทั่งไปคุยกับลุง จังหวะนั้นที่แม่หน้าซีดบอกเราว่าให้รอแป๊บนึงนะ พ่อเราที่ฟังอยู่กันหน้ามาทำหน้าไก่ต้มไม่ต่างจากแม่ แม่เราที่หายไปในครัวก็หยิบกระปุกยาแก้ไข้มากระปุกหนึ่งที่ข้างบนนั้นมีข้อความเขียนว่า “ที่ระลึกงานฌาปนกิจ นาย_____________ วันที่_____________”
“แม่! แม่เล่นอะไรกับลุงปะเนี่ย” ชื่อที่อยู่บนขวดยานั้นคือชื่อของลุงที่เราเพิ่งโทรศัพท์หาและก่อนหน้าก็เพิ่งไปหาแกมาที่บ้าน ส่วนวันที่ก็คือวันนี้!
เรารีบกดโทรศัพท์กลับไปอีกรอบแต่กลายเป็นว่าเบอร์นั้นไม่ได้เปิดเครื่องอยู่แม่เราค่อย ๆ ลูบหัวเราช้า ๆ จากข้างหลัง ทันใดนั้นก็มีข้อความเข้ามาในมือถือเรา
“แก ทำใจดี ๆ นะ พี่กำลังไปโรงพยาบาลพ่อกับแม่รถชนตอนกลับจากงานศพลุง” - พี่
Fin…
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in