The confession of a waste maker
เราจำไม่ได้ว่าสำนึกรักสิ่งแวดล้อมของเราเกิดมาจากตอนไหน
อาจจะเป็นตอนเด็กๆที่เดินเอาขยะไปทิ้งแล้วต้องแยกขยะก่อนเพราะนั่งร้องเพลง "อ๊ะ อ๊ะ อย่าทิ้งขยะ ตาวิเศษเห็นนะ ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง" หรืออาจจะเป็นตอนที่เอากล่องนมมาประดิษฐ์เป็นหมวกในคาบวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ
แต่นั่นมันก็คือช่วงชีวิตที่เราเป็นเด็กไง คุณครูสอนอะไรก็ทำตามนั้น อะ แยกขยะก็แยก รีไซเคิลประดิษฐ์สิ่งของต่างๆก็ทำ ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆเพราะกลัวเปลืองไฟ แต่ตัวเองไม่ได้เล็งเห็นถึงปัญหาขยะหรือปัญหาสิ่งแวดล้อมต่างๆอย่างจริงจังแต่อย่างใด พอโตขึ้นมาก็... ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ดูดชานมไข่มุกไปวันๆ แยกขยะบ้าง ไม่แยกขยะบ้างเพราะคิดเอาเองว่าตอนที่เขามาเก็บ เขาก็เก็บทุกอย่างๆรวมๆกันไป และเพราะมองว่า โอ้ยยย ทุกอย่างมันช่างไกลตัว
เรียกได้ว่าใช้ชีวิตแบบใช้ความสะดวกสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง
โดยปราศจากความคิดที่ว่า
เฮ้ย...ไอ้ที่ทำๆอยู่เนี่ยก็เป็นสาเหตุที่ทำให้โลกของเราแย่ลง
คือก็รู้แหละ แต่มิได้นำพา รู้ว่าโลกร้อน รู้ว่าปัญหาขยะมีมาก โฟมและพลาสติกจะอยู่คู่โลกไปหลายร้อยปี รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มันส่งผลกระทบต่อๆกันไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกเศร้าเวลาเห็นภาพหมีขั้วโลกผอมโซไม่มีที่อยู่เพราะแผ่นน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือละลาย แต่... มันยังไม่ถึงตัวเรานี่ ขี้เกียจอะ ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆมันก็สบายดีนี่นา จะทำยังไงได้ จะเปลี่ยนอะไรได้ ก็คนทั้งโลกเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น...
จนกระทั่งเรามาดำน้ำและได้เห็นความงดงามของท้องทะเลที่สวยสดใส และตกใจที่เห็นสุสานปะการังฟอกขาวที่เหมือนเห็นภูเขาหัวโล้นไม่มีต้นไม้ เห็นภาพสัตว์ทะเลต่างๆว่ายน้ำไปกับขยะ
เชี่ย สิ่งนี้แม่งโคตรไม่โอเคเลยว่ะ
เราเริ่มหาข้อมููลเพิ่มขึ้น กดไลค์เพจต่างๆ รับรู้เกี่ยวกับปัญหาแพขยะกลางมหาสมุทร เห็นภาพวาฬ เต่า และสัตว์ทะเลอื่นๆตายเพราะกินพลาสติกเข้าไป ตกใจที่ไทยแลนด์แดนสยามเป็นประเทศที่ทิ้งขยะลงทะเลเป็นอันดับที่ห้าของโลก
เราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว และอย่างแรกที่ทำได้ก็คือ
การเปลี่ยนที่ตัวเองก่อน
Greenery Challenge - ภารกิจมอบของขวัญแก่โลก
หลังจากที่มีปณิธานอันแรงกล้าว่าข้าพเจ้าจะ go green จะลดการใช้ขยะลง ใช้ชีวิตให้เขียวขจีมากยิ่งขึ้น จากเดิมเริ่มมาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ เน้นความออแกนิกต่างๆ มาจนถึงเรื่องของเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยซื้อสินค้าที่เป็น fast fashion brand เปลี่ยนมาเป็น sustainable + ethical clothing แทน และสนับสนุนแบรนด์เสื้อผ้าไทยที่น่ารักกุ๊กกิ๊ก (ทุกคนจงไปเดิน ecotopia ที่สยามเซ็นเตอร์ มีหลายแบรนด์มาก น่ารักมาก หรือไม่ก็รองานบ้านและสวนแฟร์ ไม่ก็งานผลิตภัณฑ์ไทยที่สวนลุม ทุกอย่างช่างน่ารัก ผ้านิ่มละมุนละไม ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญมากๆ)
สองข้อแรกนั้นยังลด ละ และทำได้เลย
แล้วทำไมเรื่องการลดขยะเราจะทำไม่ได้ว้า
และโชคก็เข้าข้างที่เราไปเจอกับเพจ
Greenery ที่มีโครงการ
Greenery Challenge ซึ่งเป็นกรุ๊ปในเฟสบุ๊คและแท็กในทวิตเตอร์ที่มีสมาชิกมากมาย มีกิจกรรมให้เหล่าสมาชิกร่วมกันทำทุกเดือน โดยมีเป้าหมายคือร่วมกันลดการผลิตขยะ นำขยะต่างๆกลับมาใช้ใหม่ ตลอดจนแชร์ทริกลดขยะหรือการ DIY สิ่งต่างๆรอบตัวอีกด้วย
แน่นอนว่าเราไม่รีรอที่จะกด Join เป็นสมาชิกด้วย
การที่เราเปิดเฟสบุ๊คขึ้นมาทุกวัน และเห็นคนนั้นคนนี้โพสต์ว่าลดขยะไปกี่ชิ้น วันนี้เอาแก้วมาที่ทำงานด้วย มันดีอะ มันเป็นแรงผลักดันทางบวกที่ดีให้เราเริ่มทำอะไรแบบนี้บ้าง เช่น เราเลิกซื้อน้ำขวดจากร้านค้าแล้วเปลี่ยนมาสั่งเป็นแกลลอนแทน เพราะไม่อยากสร้างขยะที่เป็นขวดน้ำพลาสติกเพิ่ม และพกกระบอกน้ำติดตัวไปบินด้วย เพราะไม่อยากใช้แก้วน้ำพลาสติกบนเครื่องที่ดื่มไปสามอึกแล้วก็ทิ้ง เราเริ่มเอาแก้ว keep cup ไปซื้อกาแฟก่อนไปบินเพราะลดการใช้แก้วกระดาษจนพนักงานที่ร้านจำได้แล้ว (ฮา) หรือเราหิ้วปิ่นโตไปซื้ออาหารเพราะไม่อยากใช้กล่องโฟม
เอาจริงๆ การใช้ชีวิตแบบนี้มันไม่ได้ยากเลยนะ
แถมทำแล้วสุขใจอีกด้วย
จากนี้ก็จะพยายามกรีนให้มากขึ้นกว่าเดิมแหละ
เราเปลี่ยนโลกไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้
และส่งต่อแนวความคิดนี้ออกไปให้กับคนอื่นๆในสังคมได้นะ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in