รีวิวฉบับ หลายบรรทัด (ไร้สปอยส์ เล่าไม่เกินที่เห็นในตัวอย่างหนัง)
Demolition คือหนังดราม่า/ตลกร้าย จาก Jean-Marc Vallée ผกก.เรื่อง Dallas Buyers Club , Wild หนังส่วนใหญ่ของเค้าจะเป็น coming of age ของผู้ใหญ่ ที่ผ่านมรสุมชีวิตมาอย่างหนัก
เป็นหนังประเภทที่ไม่บันเทิง ดูแล้วไม่สนุก เป็นตลกร้ายที่บางทีก็ขำไม่ออก ดีเด่นเรื่องบรรยากาศในตัวหนัง , บท , การแสดง ที่มันช่างสมจริงเหลือเกิน ตัวละครต้องเจ็บปวด ต้องก้าวผ่านมรสุมชีวิต ระหว่างดูนี่เราสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของตัวละคร ซึ่งเป็นการที่ดูหนังที่ทรมานพอสมควร (และผมก็ยังทนดูอยู่ทุกเรื่องของพี่แกไปเนอะ)
แต่หลังจากดูจบ แล้วมองย้อนกลับไป มันกลับกลายเป็นหนังที่สวยงามมากๆ ความเจ็บปวดพวกนี้แหละคือสิ่งที่ทำให้หนังมีความสมจริง , ไม่แฟนตาซี , รู้สึกจับต้องได้ , คือสิ่งที่ทำให้ตัวละครมีชีวิตขึ้นมา และส่วนนี้แหละที่ทำให้ผมรักผกก.คนนี้
หนังเรื่องนี้ก็เป็นโทนนั้นเหมือนกัน นำเสนอเกี่ยวกับชีวิตช่วงหนึ่งของนักธนาคารหนุ่ม ฐานะดี ชีวิตมั่นคง ที่อยู่ดีๆ ก็ต้องสูญเสียภรรยา จากอุบัติเหตุรถยนต์ เล่าถึงการข้ามผ่านมรสุมของชีวิต
นำแสดงนำโดย Jake Gyllenhaal ชื่อนี้การันตีได้เลยว่า คุณจะได้เห็นการแสดงที่ทรงพลังและตัวละครที่มีความจิตและบ้าคลั่งอย่างแน่นอน
หลังจากการจากไปของภรรยา ชีวิตของเดวิด(พระเอก) ก็เหมือนพังทลายลงไปด้วย เค้ารู้สึกตัวว่าที่ผ่านมาเค้าไม่ได้ใส่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับภรรยาเลย เหมือนมีอะไรมันพัง ความสูญเสียมันเริ่มทำให้เค้ามองเห็น สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่ผีนะครับ) เช่น รูน้ำรั่วในตู้เย็น
หรือเพราะที่ผ่านมาเค้าไม่ได้ใส่ใจ สายตาเค้าเลยพลาดสิ่งเหล่านี้ไป
เค้าเริ่มรื้อถอนสิ่งของต่างๆที่พัง นับแต่วันที่สูญเสียภรรยา มันเริ่มตั้งแต่ เค้าเจอตู้กดขนมที่พัง หลังจากกลับบ้านเค้าเริ่มเขียนจดหมายถึงบริษัทที่รับผิดชอบตู้กดขนมนี้ และยังเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวในอดีตของตัวเองลงไปในจดหมายอีก และหนังมันก็เริ่มสนุกตั้งแต่ตรงนี้แหละครับ เราไม่รู้เลยว่าพระเอกจะทำอะไรต่อไป เพราะสิ่งที่พระเอกทำ มันเริ่มไม่เหมือนสิ่งที่คนจิตใจปกติเค้าทำกันแล้ว
ทุกครั้งที่พระเอกเขียนจดหมาย หนังจะแฟลสแบล๊ค ฉากอดีตในวันที่พระเอกและนางเอกยังรักกันขึ้นมาให้เราเห็น นี่เป็นเทคนิคการเล่าเรื่องที่ผมชอบมากในเรื่องนี้ เพราะหนังไม่เคยเล่าอะไรให้เราฟังมาก่อนเลย เราเลยไม่รู้แบล๊คกราวน์ของพระเอก/นางเอกเลย พอไม่รู้มันก็เลยเกิดความสงสัย ความอยากรู้นี่แหล่ะ ที่ทำให้เรื่องนี้มันสนุกน่าติดตาม ทั้งความสัมพันธ์ของพระเอก/นางเอก และสิ่งที่พระเอกกำลังจะทำต่อไป
สไตล์ของหนังเรื่องนี้คือ จะค่อยๆเฉลยเบื้องหลังความสัมพันธ์ของพระนางให้เราเห็น ไอ้เราก็จะเริ่มอ๋อขึ้นเรื่อยๆ และด้วยการแสดงอันทรงพลัง , บทที่ดูสมจริง , และฉากต่างๆที่มันดูจริงเหลือเกิน ทุกอย่างมันดูจริงไปหมด อารมณ์ร่วมของเราต่อหนังมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึง เราก็ติดอยู่ในภวังค์ของหนังไปซะแล้ว เรารู้สึกได้ถึงความรู้สึกต่างๆที่พระเอกรู้สึก ทั้งความเจ็บปวด ,ความสูญเสีย ,ความเคว้งคว้าง และเริ่มเข้าใจถึงทุกสิ่งอย่างที่พระเอกทำ และส่วนนี้แหละคือเวทมนต์ของผกก.คนนี้
และคงเป็นส่วนที่เยี่ยมที่สุดของหนังเรื่องนี้ด้วย
ใครสนใจอยากดูเรื่องนี้ ในตัวอย่างหนังบอกไว้ว่า จะเข้าไทยวันที่ 26 พฤษภา ปีนี้ ... แต่นี้มันก็ผ่านมาแล้ว สรุปคือหนังน่าจะไม่ได้ฉายในไทยแล้ว (หรือฉายในวงแคบ ผมก็ไม่รู้) คงต้องรอดูแผ่นเอา ตอนนี้เมืองนอกออกแผ่นแล้ว ไม่นานแผ่นคงเข้าไทย
ปล.นี่เป็นการรีวิวหนังยาวๆครั้งแรกของชีวิตเลยนะเนี่ย ผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยครับ
เข้ามาคุย และติชมกันได้ที่ twitter : @narawit1601 ครับ
หลังดูจบ (อาจมีสปอยส์นะจ้ะ !)
ผมคิดว่าการที่เดวิด(พระเอก) ได้รื้อถอนและแยกสิ่งต่างๆออกมาเป็นชิ้นๆ กับสิ่งของมากมายในชีวิต นัยหนึงมันคือการที่ จะรู้ว่า อะไรในชีวิตที่มันพัง และกำจัดสิ่งนั้นออกไป เพราะการที่ตัวเองสูญเสียภรรยาไป แต่ตัวเองไม่เสียใจเลย มันต้องมีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน
อีกนัยหนึ่ง ก็คือการที่เค้ารื้อถอนทุกอย่าง เป็นการสะท้อนการพังทลายของจิตใจของตัวเค้าเอง
การสูญเสียภรรยา เกือบทั้งเรื่อง เค้าไม่ได้แสดงออกมาเลยว่าเศร้า แต่อันที่จริงแล้ว การที่ใช้ชีวิตล่องลอยแบบนั้นนั่นแหละ มันคือการแสดงความเศร้าของเค้า
ในท้ายที่สุด หลังจากรื้อถอนสิ่งของ , สิ่งปลูกสร้าง , หน้าที่การงาน , ความสัมพันธ์แทบจะทุกอย่างในชีวิตเค้าแล้ว สุดท้ายเค้าก็รู้ว่าอะไรมันพัง แต่กว่าจะรู้หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเค้าก็ถูกรื้อถอนซะย่อยยับหมดแล้ว โดยที่เค้าเป็นคนทำมันเอง
บางทีประโยคที่ว่า "ถ้าหากอยากซ่อมแซมแก้ไขอะไรบางอย่าง คุณต้องแยกสิ่งต่างๆ ออกเป็นชิ้นๆ เพื่อดูภาพรวมทั้งหมดของมัน ซ่อมส่วนที่พัง แล้วสิ่งๆนั้นก็จะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง"
มันก็ใช้ไม่ได้กับทุกสิ่งเสมอไป เพราะบางที การที่เรารื้อสิ่งๆหนึงออกมาหมด เพื่อจะรู้ว่ามันทำงานยังไง ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ถ้าอะไรมันพัง เราก็แค่ซ่อมส่วนนั้น สิ่งๆนั้นก็น่าจะทำงานได้ตามปกติแล้ว แต่บางครั้งการที่เราแยกชิ้นส่วนมันออกมา มันก็เป็นเรื่องยากเหลือเกิน ที่จะประกอบมันกลับเหมือนเดิม
ในเรื่องนี้ผมเห็นได้ชัดเลยว่า อะไรที่พระเอกไม่สามารถประกอบกลับไปเป็นชิ้นเดิมได้
และสิ่งๆนั้นก็คือ "จิตใจของเค้าเอง"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in