จะดีแค่ไหน? หากเรามีโอกาสแก้ไขสิ่งที่เราทำผิดพลาดไปในอดีตได้
มีประโยคหนึ่งที่พ่อเราชอบพูดเสมอคือ “รู้อะไรไม่สู้รู้งี้” มันเป็นประโยคที่คอยเตือนใจให้เราคิดก่อนลงมือทำอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสที่จะรู้สึกเสียใจทีหลังเมื่อทำอะไรสักอย่างลงไป แต่เมื่อเราเป็นมนุษย์ที่หมายความว่าโอกาสผิดพลาดมันมีอยู่ทุกที่และทุกวัน บางครั้งคำว่า “รู้งี้…” ก็ยังหลุดออกมาจากปากเราอยู่บ่อยครั้ง
อย่างที่บอกไปทีแรกว่าถึงจะมีพล็อตเรื่องที่เกี่ยวกับการแก้แค้นและความรักของสองคนที่ดูจะเข้ากันไม่ได้ แต่การใช้เรื่องเวลาและเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเข้ามาเป็นตัวเดินเรื่องหลักทำให้เรื่องน่าติดตามขึ้น รวมถึงการใช้ประโยชน์จากการเล่าเรื่องแบบไม่เป็นเส้นตรงตลอดทั้ง 8 ตอน สร้างความตื่นเต้นและชวนให้คนดูตั้งคำถามว่าสิ่งที่กำลังดูอยู่นั้น อันไหนคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกันแน่ แต่ในทางเดียวกันการดำเนินเรื่องแบบนี้หลายคนอาจมองว่ามันชวนสับสนจนยากเกินจะเข้าใจ พาลให้ไม่ชอบซีรี่ส์ทั้งเรื่องได้เลย
ความจริงเบื้องหลังการมองเห็นอนาคตและเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดกับเกรทคือทุกอย่างที่เกิดในช่วงที่นาฬิกาหยุดเดินเป็นสิ่งที่เกิดในความคิดช่วง 4 นาทีหลังหัวใจของเกรทหยุดเต้น ณ เวลา 11.00 เป็นสิ่งที่เกรทอยากกลับไปแก้ไขในความจริง ซึ่งจากนี้จะขอเรียกเส้นเรื่องนี้ว่าเป็นมิติ 4 นาที ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจช่วยป้าที่เขาขับรถชน หรือการตัดสินใจช่วยโดมให้ไม่ถูกไตเติ้ลฆ่าตาย หรือการที่เขาตัดสินใจช่วยธามหาหลักฐานเอาผิดครอบครัวตัวเอง ซึ่งตลอดครึ่งเรื่องแรกที่เราได้ดูจะเป็นเรื่องที่เกิดในมิติ 4 นาทีของเกรททั้งหมด ก่อนที่เรื่องจะบรรจบกับเส้นความจริงตรงที่เกรทถูกยิงจนโคม่า
ส่วนต่อมาจะเป็นการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่เกรทขับรถชนแล้วหนี เกรทช่วยไตเติ้ลทิ้งศพโดม ธามเข้าหาเกรทเพราะต้องการแก้แค้นเพียงอย่างเดียว ถึงแม้จะมีความสงสารให้เกรทอยู่บ้างเมื่อรู้ว่าเกรทก็โตมาในครอบครัวที่แตกสลายไม่ต่างกับตัวเอง จบลงตรงที่เกรทถูกยิงโดยต้นกล้า พี่ชายของโดมที่ต้องการแก้แค้น และธามถูกยิงโดยพวกเดียวกับพ่อของเกรท
หลังจากนั้นในตอนสุดท้ายของซีรี่ส์เราจะเห็นว่าคนที่เห็นนาฬิกาหยุดเดินที่เวลา 11.00 น. คือธามแทนที่จะเป็นเกรท นั่นหมายถึงว่าตอนนี้เป็นการเล่าเรื่องในมิติ 4 นาทีของธาม และยังอนุมานได้ว่าในชีวิตจริงธามกำลังโคม่าอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกเช่นกัน
ในมิตินี้ภาพที่แสดงให้เห็นล้วนเป็นความอบอุ่นที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเขากับเกรท การใช้ชีวิตแบบคู่รักปกติพร้อมกับยายของธาม ไม่มีการแก้แค้นที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรกับใครอีกแล้ว
ในช่วงสุดท้ายจะเป็นการบอกเงื่อนไขสุดท้ายของมิติ 4 นาทีว่า เมื่อเวลาในมิติ 4 นาทีเริ่มเดิน คนที่เข้าไปในมิตินี้ต้องฟื้นขึ้นมาก่อนจะครบ 4 นาที ไม่งั้นจะตายในชีวิตจริง ซึ่งหมอเด็น เพื่อนของธามเป็นคนปลุกธามให้ฟื้นขึ้นมา ขณะเดียวกันธามก็เป็นคนตามเกรทให้ตื่นจากมิติ 4 นาทีนั่นเอง
มิติ 4 นาที กับเหตุการณ์ที่อยากจะให้เกิดขึ้นจริง
ถึงหน้าหนังจะดูเป็น Suspense Drama แต่ถ้าจะให้พูดถึงแก่นแท้ของเรื่อง 4 Minutes จริง ๆ แล้ว อยากจะนิยามมันว่าเป็น “เรื่องที่ก่อนตายอยากกลับไปแก้ไข” มากกว่า ฟังดูเป็นปรัชญาชีวิตประมาณหนึ่ง แต่ด้วยความที่ 4 Minutes กล่าวถึงการเลือกในเส้นทางที่ชีวิตจริงไม่ได้เลือก (What If) จะเห็นว่าตลอดเรื่องทุกเหตุการณ์ที่เกิดในมิติ 4 นาที เป็นเหตุการณ์ที่ล้วนไม่ได้เกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น ตามทฤษฎีที่ว่า ก่อนตายเรามักจะเห็นภาพเหตุการณ์ที่เราอยากกลับไปแก้ไข หรือเหตุการณ์ที่เราเคยเสียดายในอดีต
ภาพที่เห็นในมิติ 4 นาทีเป็นเหมือนความคาดหวังของตัวละครที่อยากให้ในชีวิตจริงเป็นแบบนั้น ทั้งการที่เกรทคาดหวังจะให้ความสัมพันธ์ของเขาและธามเป็นไปในทางที่ดี ราบรื่น หรือการที่ธามอยากให้ตัวเขาเองได้ใช้ชีวิตธรรมดาร่วมกับเกรทและยาย ไม่มีการแก้แค้นเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ เพราะธามได้เลือกทางใช้เกรทเป็นเครื่องมือแก้แค้นไปแล้ว ส่วนเกรทเองก็เลือกกระโดดเข้าไปในเกมของธามด้วยความเต็มใจ
ทำไมต้องเป็น 4 นาที?
ส่วนหนึ่งในซีรี่ส์ได้เล่าให้เราฟังไปแล้วว่า เวลา 4 นาที เป็นเวลาที่นานที่สุดที่สมองจะสามารถทนต่อการขาดออกซิเจนได้เมื่อหัวใจหยุดเต้น หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อหัวใจของเราหยุดเต้น เราจะไม่ตายในทันที แต่จะมีเวลา 4 นาทีก่อนที่สมองจะขาดออกซิเจนจนเสียหาย 4 นาทีนั้นจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายของคนคนหนึ่ง และเป็นช่วงเวลาสำคัญที่หมอจะช่วยให้คนไข้ไม่ตายได้นั่นเอง
ความจริงเบื้องหลังเวลา ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถถอยหลังกลับได้
คำถามสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นกับเราหลังดูจบคือ หากไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันในมิติ 4 นาที เกรทและธามจะรักกันได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบนั้นชัดเจนและแสนง่าย คือไม่มีทางเป็นไปได้ ถึงเกรทจะเป็นเด็กที่ขาดความรัก ต้องการการเติมเต็ม แต่ทั้งหมดที่เกรทมองธามไม่ใช่ความรักแต่เป็นเพียงความใคร่และความต้องการเท่านั้น ส่วนธามเองก็ตั้งใจเดินเข้าหาเกรทด้วยความแค้นและตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะใช้เกรทเป็นเครื่องมือ แน่นอนว่าทั้งสองคนไม่มีทางรักกันได้เลยในชีวิตจริง ถือเป็นความโชคดีที่ทั้งสองคนได้มีโอกาสเข้าไปทำความรู้จักและเรียนรู้กัน รวมถึงได้รับรู้ถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเองในมิติ 4 นาที ที่ทั้งสองหัวใจหยุดเต้นไปพร้อมกัน และมีโอกาสได้กลับมาแก้ตัวเพื่อเป็นคนรักที่ดีให้กันและกันในโลกความเป็นจริง
น่าเสียดายที่ความเป็นจริงในชีวิตเราไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขความผิดพลาดที่เคยทำไปแล้วได้ เพราะนั่นคือความจริงข้อที่สำคัญที่สุดของเวลา ดังนั้นแล้ว ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง หรือตัดสินใครสักคน จงคิดให้ดี เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้แก้ตัวหรือพูดคำว่าขอโทษ
งานอาร์ตสุดคราฟต์ ที่อาจจะไม่ได้ถูกใจทุกคน
ถ้าจะให้คะแนนภาพรวมของซีรี่ส์ เราอาจจะให้สูงถึง 9/10 เลย เพราะนอกจากวิธีเล่าและประเด็นต่าง ๆ ที่แทรกเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง งานภาพยังผ่านการคราฟต์มาอย่างดีในทุกฉาก การเลือกใช้แสงและคอมโพสภาพในการเล่าเรื่องทำออกมาได้อย่างดี แม้ถ้าพูดถึงเหตุผลและพล็อตเส้นเรื่องหลักจริง ๆ แล้วจะบางและมีช่องโหว่อยู่บ้าง แต่ภาพรวมเป็นชิ้นงานที่ทำออกมาได้ดีมากทีเดียว
แต่ที่บอกว่ามันอาจจะไม่ได้ถูกใจทุกคนก็เป็นเพราะการเลือกใช้วิธีเล่าเรื่องแบบไม่เป็นเส้นตรงแบบที่กล่าวไปตอนต้น เรียกว่าถ้าไม่ติดก็ไม่ติดเลย หรือถ้าหลุดโฟกัสอาจจะตามไม่ทันไปตลอดทั้งเรื่องที่เหลือเลยก็ได้
ถ้าใครชอบแนวเล่าเรื่องแบบหลายเส้นเรื่อง หรือชอบเรื่องราวมัลติเวิร์สมิติเวลาต่าง ๆ อยากแนะนำให้ดู 4 Minutes จริง ๆ อยากให้มองข้ามว่าเป็นซีรี่ส์ Boy Love ไปเพราะนั่นเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของงานศิลปะชิ้นนี้ อยากให้ลองเปิดใจดูเพราะคุณอาจจะพบว่าผลงานคุณภาพไม่ต้องไปหาไกลเลย ฝีมือคนไทยก็มีให้รับชม.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in