เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#30daymarknoumumunum
Day 2 - promise
  • Title : promise

    Author : umumunum

    คำเตือน : มันจะมึนๆงงๆตัดจบอย่างรวดเร็วเหมือนเคย  สัญญาว่าครบ 30 วันแล้วจะแต่งให้ดีขึ้นค่ะT^T

     

     



              “ถ้าเราสอบเข้ามหาลัยได้  จะตกลงเป็นแฟนด้วย”

     

              “สัญญาแล้วนะ”

     

              “เออ สัญญา”

     

     

                ชีวิตม.6ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา เจโน่ใช้เวลาที่โรงเรียนน้อยมากจนตอนนี้แทบจะลืมหน้าตาเพื่อนไปเลยด้วยซ้ำ  เขาบ้าเรียนบ้าอ่านหนังสืออย่างหนักจนป๊าม๊าที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันยังแทบไม่ได้เห็นหน้าค่าตา แล้วนับประสาอะไรกับคุณปีหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในรั้วมหาลัยกลับบ้านแต่เดือนละ3 ครั้งกัน

     

                มาเจอหน้ากันไม่ได้แค่ส่งข้อความมาให้กำลังใจสักคำก็ยังดี

     

                แต่นี่ไม่มีเลย แล้วจะให้เชื่อได้ไงว่าถ้าสอบติดแล้วจะได้เป็นแฟนกัน

     

                คิดแล้วก็หงุดหงิด!

     

                 สุดท้ายก็กลายเป็นเจโน่เองที่ทนอยู่กับความเหงานี้ไม่ได้  หนังสือชีวะที่อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัวถูกวางทิ้งไว้บนเตียง  เด็กชายก้าวไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะอ่านหนังสือมาไว้ที่มือ  ก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง

     

                แอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ของเจโน่ถูกลบหมดเกลี้ยงโดนฝีมือของเจ้าตัวเอง เหลือทิ้งไว้แค่แอพไลน์ที่พี่ชายบ้านข้างๆของเขาเล่นบ่อย  แต่นี่ขนาดเล่นบ่อยนะยังไม่ทักอะไรเขามาเลย

     

                ไหนบอกชอบกันไงวะ!

     

                ถ้ามาขอกันเมื่อไหร่จะให้ม๊าเรียกค่าสินสอดแพงๆ!

     

                เจโน่ตัดสินใจกดโทรออกจากรายชื่อที่เขาเมมไว้ว่า‘ไอ้พี่มาร์ค’ ตอนนี้หัวสมองเขาไม่เปิดรับอะไรทั้งสิ้น จะให้อ่านหนังสือต่อก็คงไม่ไหว ถ้าพี่มาร์คไม่รับก็คงจะโทรต่อไปจนแบตหมดกันไปข้าง

     

                (มีไร)

     

                เออ  ปากยังเหมือนเดิม

     

                “คิดถึงไม่ได้ไง”

     

                (ไร้สาระไหมเนี่ย)  ปลายสายตอบกลับเสียงเบา  เจโน่ได้ยินเสียงลมพัดอย่างแรงจนสงสัยว่าไอ้พี่มาร์คมันอยู่ท่ามกลางพายุหรือเปล่าทำไมเสียงลมดังขนาดนี้ (ไม่อ่านหนังสือหรือไง)

     

                “อ่านอยู่  แต่ไม่มีหมาตัวไหนส่งกำลังใจมาเลยไม่อ่านแล้ว”  เจ้าบงซิกกระโดดขึ้นมานอนกลางอกของเจโน่ นอนหลับพริ้มจนความทาสแมวทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้  “แล้วอยู่ไหนเนี่ย  เสียงดังจัง”

     

                (นั่งวินอยู่  กำลังจะกลับบ้าน)

     

                “อ่อ  มาก็มาดิ ไม่ต้องมาเจอกันนะ”

     

                (ก็ไม่เจออยู่แล้วป่ะ กลับบ้านทีไหร่ม๊าเล่าให้ฟังตลอดว่าน้องเจโน่ตั้งใจเรียนมากกกกกกกกกก  พี่มาร์คไปเล่นกับน้องไม่ได้หรอกนะ)  ปลายสายถอนหายใจ  (ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ  ใช้คำว่าเล่นเนี่ย  ม๊าพูดไร้สาระมาก)

     

                “ฟ้องแม่มึงแน่พี่มาร์ค” 

     

                (ฟ้องเลย  ไม่กลัวหรอก— เท่าไหร่ครับ) ประโยคหลังเหมือนพี่มาร์คจะเลือนโทรศัพท์ออกมาเลยได้ยินเสียงไม่ชัดเท่าไหร่ แต่เท่าที่เดาพี่เขาคงกำลังจ่ายเงินค่ารถอยู่  (แล้วสอบเสร็จวันไหน)

     

                “พรุ่งนี้”

     

         %3

  • Title : promise

    Author : umumunum

    คำเตือน : มันจะมึนๆงงๆตัดจบอย่างรวดเร็วเหมือนเคย  สัญญาว่าครบ 30 วันแล้วจะแต่งให้ดีขึ้นค่ะT^T

     

     



              “ถ้าเราสอบเข้ามหาลัยได้  จะตกลงเป็นแฟนด้วย”

     

              “สัญญาแล้วนะ”

     

              “เออ สัญญา”

     

     

                ชีวิตม.6ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา เจโน่ใช้เวลาที่โรงเรียนน้อยมากจนตอนนี้แทบจะลืมหน้าตาเพื่อนไปเลยด้วยซ้ำ  เขาบ้าเรียนบ้าอ่านหนังสืออย่างหนักจนป๊าม๊าที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันยังแทบไม่ได้เห็นหน้าค่าตา แล้วนับประสาอะไรกับคุณปีหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในรั้วมหาลัยกลับบ้านแต่เดือนละ3 ครั้งกัน

     

                มาเจอหน้ากันไม่ได้แค่ส่งข้อความมาให้กำลังใจสักคำก็ยังดี

     

                แต่นี่ไม่มีเลย แล้วจะให้เชื่อได้ไงว่าถ้าสอบติดแล้วจะได้เป็นแฟนกัน

     

                คิดแล้วก็หงุดหงิด!

     

                 สุดท้ายก็กลายเป็นเจโน่เองที่ทนอยู่กับความเหงานี้ไม่ได้  หนังสือชีวะที่อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัวถูกวางทิ้งไว้บนเตียง  เด็กชายก้าวไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะอ่านหนังสือมาไว้ที่มือ  ก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง

     

                แอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ของเจโน่ถูกลบหมดเกลี้ยงโดนฝีมือของเจ้าตัวเอง เหลือทิ้งไว้แค่แอพไลน์ที่พี่ชายบ้านข้างๆของเขาเล่นบ่อย  แต่นี่ขนาดเล่นบ่อยนะยังไม่ทักอะไรเขามาเลย

     

                ไหนบอกชอบกันไงวะ!

     

                ถ้ามาขอกันเมื่อไหร่จะให้ม๊าเรียกค่าสินสอดแพงๆ!

     

                เจโน่ตัดสินใจกดโทรออกจากรายชื่อที่เขาเมมไว้ว่า‘ไอ้พี่มาร์ค’ ตอนนี้หัวสมองเขาไม่เปิดรับอะไรทั้งสิ้น จะให้อ่านหนังสือต่อก็คงไม่ไหว ถ้าพี่มาร์คไม่รับก็คงจะโทรต่อไปจนแบตหมดกันไปข้าง

     

                (มีไร)

     

                เออ  ปากยังเหมือนเดิม

     

                “คิดถึงไม่ได้ไง”

     

                (ไร้สาระไหมเนี่ย)  ปลายสายตอบกลับเสียงเบา  เจโน่ได้ยินเสียงลมพัดอย่างแรงจนสงสัยว่าไอ้พี่มาร์คมันอยู่ท่ามกลางพายุหรือเปล่าทำไมเสียงลมดังขนาดนี้ (ไม่อ่านหนังสือหรือไง)

     

                “อ่านอยู่  แต่ไม่มีหมาตัวไหนส่งกำลังใจมาเลยไม่อ่านแล้ว”  เจ้าบงซิกกระโดดขึ้นมานอนกลางอกของเจโน่ นอนหลับ%

  • Title : My Sunshine

    Author : umumunum

    คำเตือน : มันจะมึนๆงงๆตัดจบอย่างรวดเร็วเหมือนเคย  สัญญาว่าครบ 30 วันแล้วจะแต่งให้ดีขึ้นค่ะT^T

     

     



              “ถ้าเราสอบเข้ามหาลัยได้  จะตกลงเป็นแฟนด้วย”

     

              “สัญญาแล้วนะ”

     

              “เออ สัญญา”

     

     

                ชีวิตม.6ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา เจโน่ใช้เวลาที่โรงเรียนน้อยมากจนตอนนี้แทบจะลืมหน้าตาเพื่อนไปเลยด้วยซ้ำ  เขาบ้าเรียนบ้าอ่านหนังสืออย่างหนักจนป๊าม๊าที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันยังแทบไม่ได้เห็นหน้าค่าตา แล้วนับประสาอะไรกับคุณปีหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในรั้วมหาลัยกลับบ้านแต่เดือนละ3 ครั้งกัน

     

                มาเจอหน้ากันไม่ได้แค่ส่งข้อความมาให้กำลังใจสักคำก็ยังดี

     

                แต่นี่ไม่มีเลย แล้วจะให้เชื่อได้ไงว่าถ้าสอบติดแล้วจะได้เป็นแฟนกัน

     

                คิดแล้วก็หงุดหงิด!

     

                 สุดท้ายก็กลายเป็นเจโน่เองที่ทนอยู่กับความเหงานี้ไม่ได้  หนังสือชีวะที่อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัวถูกวางทิ้งไว้บนเตียง  เด็กชายก้าวไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะอ่านหนังสือมาไว้ที่มือ  ก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง

     

                แอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ของเจโน่ถูกลบหมดเกลี้ยงโดนฝีมือของเจ้าตัวเอง เหลือทิ้งไว้แค่แอพไลน์ที่พี่ชายบ้านข้างๆของเขาเล่นบ่อย  แต่นี่ขนาดเล่นบ่อยนะยังไม่ทักอะไรเขามาเลย

     

                ไหนบอกชอบกันไงวะ!

     

                ถ้ามาขอกันเมื่อไหร่จะให้ม๊าเรียกค่าสินสอดแพงๆ!

     

                เจโน่ตัดสินใจกดโทรออกจากรายชื่อที่เขาเมมไว้ว่า‘ไอ้พี่มาร์ค’ ตอนนี้หัวสมองเขาไม่เปิดรับอะไรทั้งสิ้น จะให้อ่านหนังสือต่อก็คงไม่ไหว ถ้าพี่มาร์คไม่รับก็คงจะโทรต่อไปจนแบตหมดกันไปข้าง

     

                (มีไร)

     

                เออ  ปากยังเหมือนเดิม

     

                “คิดถึงไม่ได้ไง”

     

                (ไร้สาระไหมเนี่ย)  ปลายสายตอบกลับเสียงเบา  เจโน่ได้ยินเสียงลมพัดอย่างแรงจนสงสัยว่าไอ้พี่มาร์คมันอยู่ท่ามกลางพายุหรือเปล่าทำไมเสียงลมดังขนาดนี้ (ไม่อ่านหนังสือหรือไง)

     

                “อ่านอยู่  แต่ไม่มีหมาตัวไหนส่งกำลังใจมาเลยไม่อ่านแล้ว”  เจ้าบงซิกกระโดดขึ้นมานอนกลางอกของเจโน่ นอนหลับพริ้มจนความทาสแมวทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้  “แล้วอยู่ไหนเนี่ย  เสียงดังจัง”

     

                (นั่งวินอยู่  กำลังจะกลับบ้าน)

     

                “อ่อ  มาก็มาดิ ไม่ต้องมาเจอกันนะ”

     

                (ก็ไม่เจออยู่แล้วป่ะ กลับบ้านทีไหร่ม๊าเล่าให้ฟังตลอดว่าน้องเจโน่ตั้งใจเรียนมากกกกกกกกกก  พี่มาร์คไปเล่นกับน้องไม่ได้หรอกนะ)  ปลายสายถอนหายใจ  (ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ  ใช้คำว่าเล่นเนี่ย  ม๊าพูดไร้สาระมาก)

     

                “ฟ้องแม่มึงแน่พี่มาร์ค” 

     

                (ฟ้องเลย  ไม่กลัวหรอก— เท่าไหร่ครับ) ประโยคหลังเหมือนพี่มาร์คจะเลือนโทรศัพท์ออกมาเลยได้ยินเสียงไม่ชัดเท่าไหร่ แต่เท่าที่เดาพี่เขาคงกำลังจ่ายเงินค่ารถอยู่  (แล้วสอบเสร็จวันไหน)

     

                “พรุ่งนี้”

     

                (เอ้า! พรุ่งนี้แล้วก็ไปอ่านหนังสือดิ)

     

                “ก็ไม่มีกำลังใจ”

     

                (บอกแล้วไงว่าจนกว่าจะสอบติดจะไม่คุยด้วย  นี่ยอมคุยด้วยวันนึงก็ดีแค่ไหนแล้ว)

     

                “เป็นบุญคุณมากเลยครับ”  เจโน่แกล้งพูดพลางลูบขนนุ่มๆของบงชิกไปด้วย “จะไม่ให้กำลังใจจริงดิ”

     

                (แค่อ่านหนังสือ  จะอะไรขนาดนั้นอ่ะ  ตอนพี่ม.6 ยังไม่เรียกร้องอยากได้กำลังใจเลย)

     

                “ก็เพราะโน่ให้กำลังใจพี่ตลอดไง  จำไม่ได้ไง๊!”  คุยไปคุยมาชักจะโมโหแฟนในอนาคตซะแล้ว  ถ้าอยู่ตรงหน้าจะย่ำยีสะให้เข็ด!

     

                (ไม่ได้จำ)  คนใจร้ายก็ยังคงเป็นคนใจร้ายอยู่วันยันค่ำ

     

                “อือ  ไม่เป็นไร ไม่เสียใจ  ไม่ผิดหวัง  ไม่โกรธ”

     

                (งอนเหรอ)

     

                “...”

     

                (ง้อก็ได้)

     

                “ไม่ต้องอ่ะ  ถ้ามันลำบากมากก็ไม่ต้อง”  แกล้งทำน้ำเสียงน้อยใจอย่างเต็มที่ 

     

                (ลำบากตรงไหน  แค่ให้กำลังใจอนาคตแฟนอ่ะ) 

     

                หือออออออออออออออออออออออออ

     

                อ น  า  ค  ต แ  ฟ  น  !

     

                (สู้ๆแล้วกัน  อีก 3 วันก็รู้ผลแล้ว) เสียงรั้วของประตูข้างบ้านดังขึ้นทั้งในชีวิตจริงและในโทรศัพท์ทำให้เจโน่รู้ได้ว่าพี่มาร์คกลับมาถึงบ้านแล้ว(เดี๋ยวก็จะได้เป็นแฟนกันแล้ว  อย่างอแง  เข้าใจป่ะ)

     

                ติ้ด!

     

                เจโน่กดวางสายพร้อมกับเปิดหน้าต่างห้องเพื่อตะโกนออกไปให้ข้างบ้านได้ยินดังๆ

     

                “เออ!!!!!!!!!”

     

                ไม่เขินหรอกแค่นี้  จิ้บๆ

     

     

     

     

               

     

                “ป๊า  ม๊าตื่นเต้นมากๆเลย”

     

                “ป๊าก็ตื่นเต้นเหมือนกัน”

     

                ป๊าม๊ากุมมือกันแน่น  ตื่นเต้นยิ่งกว่าตัวเขาเองเสียอีก 

     

                “ลูกชายเราตอนใส่ชุดนักศึกษาจะหล่อขนาดไหนกันนะ”

     

                ถูกต้องแล้วครับ

     

                ความพยายามไม่ทรยศเจโน่ลี

     

                สอบติดแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

                “ฮือออออออออออ”  ลูกชายคนเดียวของบ้านกระโดดกอดป๊าม๊าเต็มแรง  ในใจป๊าม๊าคงคิดว่า  เออ ลูกชายเราคงจะดีใจที่สอบติดจนน้ำตาไหล

     

                ไม่ใช่ครับป๊าม๊า  โน่จะมีแฟนแล้วครับ

     

                “เดี๋ยวโน่มานะครับ”  พูดจบก็รีบวิ่งออกมาจากบ้านตัวเองทันที  ไม่มีใครรั้งเขาทันทั้งนั้น

     

                บ้านข้างๆ ที่มีเจ้าของคำสัญญาอาศัยอยู่คือจุดมุ่งหมายของเขา

     

                “น้าเมครับ  โน่เองนะครับ” เจโน่ตะโกนเพื่อให้น้าเมหรือม๊าของพี่มาร์คได้ยิน 

     

                “อ้าวน้องโน่  เข้ามาเลยลูกพี่มาร์คนั่งอยู่ในห้องน่ะ”

     

                ลำแข้งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตามประสานักกีฬาฟุตบอลก้าวฉับๆขึ้นไปยังห้องที่คุ้นเคย ห้องที่มีเสียงเพลงฮิปฮอปดังลอดออกมาประจำจนสงสัยว่าน้าเมไม่รำคาญบ้างหรือไง

     

                “มาร์ค”

     

                “...”  ห้องที่ไม่ได้ล็อกถูกเปิดออกโดยฝีมือของคนที่ตั้งใจจะมาทวงสัญญา  มาร์คที่ดูโตขึ้นกว่าเมื่อ 4เดือนที่แล้วหันมามองหน้าเจโน่ แต่ไม่มีรอยยิ้มหรอกนะ ขมวดคิ้วกวนตีนเหมือนเดิม

     

                “มีไร”

     

                “สอบติดแล้ว”

     

                “แล้ว?” เจโน่เริ่มมองหาของมีคมในห้องนี้ที่พอจะทำให้มาร์คลีหยุดกวนตีนขึ้นมาได้ “บุกมาถึงที่นี่ทำไม”

     

                “...”  โมเมนต์ที่เราไม่อยากพูดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะไม่รู้ว่าเขาจะหักหลังเราด้วยการพูดคำว่า‘ล้อเล่น  ที่พูดไปตอนนั้นเพราะว่าหวังดี’ หรือเปล่า แล้วเขายังลีลาไม่ยอมเอ่ยอะไรสักคำเพื่อให้เราคิดไปเองว่าเขาคงจะพูดประโยคนั้นออกมาจริงๆนี่...  อยากด่าเลยเนี่ย

     

                “งอน?”

     

                “ไม่  งอนทำไม ถ้าพี่ไม่จริงจังก็รีบบอก จะได้กลับบ้านไปนั่งสมเพชตัวเอง”

     

                “งอนจริงด้วย”

     

                “ไม่งอนอ่ะ  ไร้สาระ” ปาดน้ำตา

     

                “ล้อเล่นนนนนน  จริงจังเหรอเนี่ย” พี่มาร์คเดินมาลูบหัวเขาที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าประตู แล้วก็ยิ่งร้องไห้หนักไปอีกเมื่อได้ยินประโยคใกล้เคียงกับสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาจากปากคนที่เขามอบความทุ่มเทให้มาตลอด

     

                “ไม่จริงจังก็ไปตายไป  เหม็นขี้หน้า”

     

                “แปบๆ  เข้าใจผิดแล้ว”  พี่มาร์คย่อตัวลงจนสายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน

     

                “...”

     

                “นี่ใคร  นี่พี่มาร์คลูกน้าเม  พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”  คนกวนตีนเลิกขมวดคิ้วแล้ว  “แล้วสำหรับโน่อ่ะ  พี่พร้อมพูดประโยคนั้นมาตลอดแหละ”

     

                “ประโยคไร”

     

                “เงียบก่อน  มันกำลังจะโรแมนติก”  เจโน่ย่นจมูกเมื่อโดนดุด้วยการขยี้หัว

     

                “..”

     

                “ฟังนะ”

     

                “..”

     

                “..”

     

                “..”

     

                “...”

     

                “จะบอกก็ปลุกนะ  นอนล่ะ” เจโน่กระโดดลงที่นอนของมาร์คลี ยกผ้าห่มคลุมโปงปิดบังหูแดงๆที่ห้ามร่างกายไม่อยู่  เขาแพ้มาร์คลีมากี่ครั้งแล้วนะ

     

                “ลุกขึ้นมาเร็ว”

     

                “..”

     

                “ถ้าลุกขึ้นมาจะคุกเข่าด้วย  เป็นของแถม”

     

                อือ  ลุกก็ได้

     

                เจโน่นั่งห้อยขาลงที่พื้น  มาร์คลีนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา  คนพี่จับมือคนน้องมากุมไว้หลวมๆแล้วบีบแน่น ก่อนจะผ่อนลงอีกครั้งให้หัวใจของคนทั้งคู่ได้ทำงานหนักยิ่งกว่าเดิม

     

                พูดตรงๆว่าตั้งใจมาฟังแค่คำว่า‘สอบติดเหรอ  ก็เป็นแฟนกันแล้วดิ’แค่นั้นเอง ไม่ได้ต้องการความเล่นใหญ่ราวกับจะขอแต่งงานกันขนาดนี้สักหน่อย

     

                “เป็นแฟนกัน”

     

                “กันคือใคร”  ถึงแม้จะเขินจนหุบยิ้มไม่ได้  แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่าไม่มีอะไรหยุดความกวนตีนของเขาได้

     

                “จะทำเสียบรรยากาศอีกนิดเดียวจะเอาแจกันฟาด”

     

                “...”

     

                พี่มาร์คพูดทีเล่นที่จริงแต่ก็ฟังดูเหมือนจะเริ่มมีอารมณ์เสียขึ้นมาบ้าง ทำให้เจโน่ต้องนั่งมองหน้าต่างมองประตูแก้เขินเอาเท่านั้น

     

                “ตอบเร็ว  เป็นแฟนกันไหมครับ”

     

                “แปบ”

     

                “เร็วววว  เขินเนี่ย”

     

                “คิดว่าเขินคนเดียวหรือไง”

     

                “ก็รีบๆตอบสิ”  พี่มาร์คบีบมือแน่นขึ้น   แก้มซีดๆของพี่มาร์คที่เห็นในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนมะเขือเทศ  ขนาดพี่มาร์คยังแดงขนาดนั้น  แก้มของเจโน่ไม่แดงยิ่งกว่าอีกหรือไง


                “เออ  เออออๆๆๆๆ ขนาดนี้แล้วจะไม่เป็นได้ยังไง”

     

                เพราะคำพูดของเขาในวันนั้นแท้ๆ  ที่กลายเป็นคำสัญญาที่คอยผลักดันตัวเขาเองให้สูงขึ้นไป  ขอบคุณที่เขาทำตามที่ตกลงกันไว้ได้  ขอบคุณที่พี่มาร์คทำตามสัญญา

     

                ขอบคุณที่รักผมนะครับ  คุณมาร์คลี

     

     



     

     

    end.

    เสียดายที่เรื่องที่แล้วรวมถึงเรื่องนี้จบไม่ได้ดั่งใจ ;-;

    เรื่องนี้ก็มึนๆเอ๋อๆเหมือนเดิม  ตอนแรกตั้งใจจะแต่งสั้นๆ200 คำจบ 

    ไปๆมาๆก็เละๆเทะๆแบบนี้และค่ะทู้กคนนนนT______________T

    ปล.แต่งรวดเดียวจบไม่ได้อ่านทวนนะคะ  มีคำผิดหรือมึนๆเอ๋อๆตรงไหนอาจจะมาตามแก้ทีหลัง

    #อืมmn < ติชมกันได้ค่ะ  มือใหม่ต้องการคำแนะนำ

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in