เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แปลเพลง AimyonKanzen Memeshe
แปลเพลง 愛を知るまでは (Till I Know What Love Is (I'm Never Gonna Die)) ของ Aimyon
  • เคยเหนื่อยล้ากับการวิ่งตามความฝันไหมคะ เพลงนี้เล่าถึง การปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากความฝันที่เคยยึดเหนี่ยวมาโดยตลอด เหมือนเราใฝ่ฝันที่จะทำสิ่งหนึ่งให้ได้ ลงมือทำทุกวิถีทางแล้ว แต่ความฝันก็ยังไม่สำเร็จผลสักที จนวันหนึ่งเราถึงพึ่งรู้สึกตัวว่าทรมานเหลือเกิน ที่ต้องอยู่ในสภาพวิ่งตามความฝันต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้ โดยไม่รู้ว่าต้องวิ่งไปถึงเมื่อไหร่ เราจึงตัดสินใจปล่อยวาง ปล่อยให้มันเป็นไปตามแต่โชคชะตาวาสนาจะนำพา แล้วพอเวลาผ่านไป การปล่อยวางจากความฝันเดิมนั้นกลับทำให้เราได้รู้จักผู้คนใหม่ๆ ได้มีโอกาสเดินทางออกไปท่องโลก และได้ค้นพบความฝันใหม่อีกครั้ง


    Aimyon พูดถึงเพลงนี้ไว้ใต้คลิปในyoutube ว่า "ทั้งสายลมที่มีสีสันสดใส ทั้งท้องฟ้าสีครามที่แสนสวยนี้ พอคิดว่าหากไม่ได้มีชีวิตอยู่ในตอนนี้คงเป็นภาพวิวทิวทัศน์ที่ไม่ได้เห็น ก็รู้สึกว่าเส้นทางที่นำพาตัวเองไปนั้นมันถูกทางแล้วล่ะ ไม่คิดว่าในเพลงที่ตัวเองเขียนขึ้นมา จะมีทิวทัศน์ที่สุดยอดแบบนี้อยู่ด้วย จะตั้งหน้าตั้งตารอคอยช่วงเวลาต่อจากนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นฉันยังตายไม่ได้!" 

    เพลงนี้ยังถูกใช้เป็นเพลงประกอบละครเรื่อง konto ga hajimaru (コントが始まる) อีกด้วยค่ะ 


    **ขอขอบคุณBlogนี้ ที่ทำให้เข้าใจเนื้อเพลงมากขึ้น**


    เพลง: Ai wo shiru ma-de wa (จนกว่าจะรู้จักความรัก)
    เนื้อร้อง & ทำนอง: Aimyon




    いざ、手のなる方へと
    Iza, te no naru hou e to

    เอาเลย มุ่งหน้ามาทางนี้สิ


    導いたのは誰でもない自分自身なのに
    michi biita no wa dare demo nai
    jibun jishin nanoni

    ทั้งที่เป็นคนชี้นำตัวเองไปแบบนั้น


    自信がないよ 笑っちゃうな
    jishin ga nai yo warat chau na 

    แต่ก็ไม่มีความมั่นใจเลย น่าขำสิ้นดี


    もたついている
    mota tsuite iru 

    ไม่ราบรื่นเอาซะเลย


    空気が抜けたままの身体
    kūki ga nuketa mama no karada 

    ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้*


    走れど走れど続く
    hashi redo hashi redo tsudzuku  

    ต่อให้วิ่งเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง


    人生という名の死ぬまでのエピソードは
    jinsei to iu na no 
    shinu made no episōdo wa

    ฉากหนึ่งก่อนตายของสิ่งที่เรียกว่าชีวิตนั้น


    軽いままの身体では吹き飛ばされて
    すぐに終わってしまうな
    karui mama no karada dewa 
    fuki toba sarete
    sugu ni owatte shimau na
     
    ร่างกายที่เบาหวิวนี้คงจะถูกพัดปลิวหายไป
    และจบสิ้นในชั่วพริบตา


    あー、誰にもないものを
    持っていたいのになぁ
    aa dare nimo nai mono wo
    motte itai noni nā 

    อา... ทั้งที่อยากจะมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มีแท้ๆ 


    無理矢理に抱きしめてた心を今解いて
    muri yari ni daki shime teta
    kokoro wo ima hodoite 

    ตอนนี้ให้คลายอ้อมกอด
    ที่เคยกอดรัดหัวใจเอาไว้จนแน่นออกซะ**


    優しい心を持ちたいのだけれど
    yasashii kokoro wo
    mochitai no da keredo 

    ฉันอยากจะมีจิตใจที่อ่อนโยนอยู่หรอก


    時にはがむしゃらに怒って
    涙は真に受け止める
    tokini wa gamu shara ni okotte
    namida wa shin ni uke tomeru 

    แต่บางทีก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
    จนต้องรับมือกับน้ำตาที่รินไหล


    愛を知るまでは死ねない私なのだ!
    ai o shiru made wa
    shinenai watashi nano da! 

    ฉันจะไม่ยอมตาย จนกว่าจะรู้จักความรัก!


    導かれた運命辿って
    michibi kareta unmei tadotte 

    ให้โชคชะตาวาสนานำทางไป


    今日も明日も生きて行こう
    kyō mo asu mo ikite yukō

    ทั้งวันนี้และพรุ่งนี้
    ก็มีชีวิตอยู่กันต่อไปเถอะ


    目の前に見えた星は
    幾千年の輝きを失いそう
    me no mae ni mieta hoshi wa
    ikusen nen no kagayaki o ushinai-sō 

    ได้ยินว่าดวงดาวที่เรามองเห็นตรงหน้า
    มันสูญเสียแสงประกายเจิดจ้า
    ไปหลายพันปีก่อนแล้ว


    夢で終わる夢ならば
    見なくていいと自分に言い聞かせた
    yume de owaru yume naraba
    mina kute ii to jibun ni ii kikaseta

    บอกตัวเองว่า ถ้าเป็นความฝันที่ทำได้แค่ฝัน
    ก็ไม่ต้องไปฝันถึงมันหรอก


    あー、まだ咲ききれない
    花のような毎日だなぁ
    aa mada saki kirenai
    hana no yōna mai-nichi danā

    อา.. ช่างเป็นคืนวันที่เหมือนกับ
    ดอกไม้ที่ยังเบ่งบานได้ไม่เต็มที่เลยนะ


    無茶苦茶に走り続けた身体を今休めて
    mucha kucha ni hashiri tsudzuke ta
    karada o ima yasu mete 

    ร่างกายที่เดินทางมาเนิ่นนานเกินเหตุนั้น
    ตอนนี้พักให้หายเหนื่อยเถอะ


    交わることのない誰かと巡り合い
    maji waru koto no nai
    dareka to meguri-ai 

    การได้พานพบกับใครสักคนที่ไม่เคยคบหา


    無限に広がる雲に乗って
    mugen ni hiro garu kumo ni notte 

    ได้ล่องลอยไปกับปุยเมฆ
    ที่แผ่ขยายตัวไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


    見たことのない虹を見たい
    mita koto no nai niji o mitai 

    ฉันอยากจะมองดูสายรุ้งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน


    愛を知るまでは死ねない私なのだ!
    ai o shiru made wa
    shinenai watashi nano da! 

    ฉันจะไม่ยอมตาย จนกว่าจะรู้จักความรัก!


    導かれる運命頼って
    michibi kareru unmei tayotte 

    แล้วแต่พรหมลิขิตจะนำพา


    今日も明日も生きて行こう
    kyō mo asu mo ikite ikou

    ทั้งวันนี้และพรุ่งนี้
    ก็มีชีวิตอยู่กันต่อไปเถอะ


    あー、誰にもないものを
    持っていたいのになぁ
    aa dare nimo nai mono wo
    motte itai noni nā 

    อา... ทั้งที่อยากครอบครองสิ่งที่คนอื่นไม่มีแท้ๆ


    無理矢理に抱きしめてた心を今解いて
    muri yari ni daki shime teta
    kokoro wo ima hodoite 

    หัวใจที่เคยฝืนกอดรัดเอาไว้จนแน่น 
    ตอนนี้คลายอ้อมกอดนั้นออกเถอะ


    優しい心を持ちたいのだけれど
    yasashī kokoro wo
    mochitai no da keredo
     
    ฉันอยากจะมีจิตใจที่อ่อนโยนอยู่หรอก


    時にはがむしゃらに怒って
    涙は真に受け止める
    tokini wa gamu shara ni okotte
    namida wa shin ni uke tomeru
     
    แต่บางทีก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
    จนต้องรับมือกับน้ำตาที่รินไหล


    愛を知るまでは死ねない私なのだ!
    ai o shiru made wa
    shinenai watashi nano da! 

    ฉันจะไม่ยอมตาย จนกว่าจะรู้จักความรัก!


    導かれた運命辿って
    michibi kareta unmei tadotte
     
    ปล่อยให้โชคชะตาวาสนานำทาง


    今日も明日も生きて行こう
    kyō mo asu mo ikite yukou

    ทั้งวันนี้และพรุ่งนี้
    ก็มีชีวิตอยู่กันต่อไปเถอะ





    ----------------------------------
    head blog Photo by Natalya Letunova on Unsplash


    手のなる方へ te no naru hou e 
    • หมายถึง ตามเสียงฉันมา, ตามเสียงปรบมือไป 
    • ที่นี่อธิบายว่าคำนี้มีที่มาจากการละเล่นวิ่งไล่จับ 鬼ごっこ oni gokko โดยสมัยก่อนคนที่รับบทเป็นยักษ์จะปิดตาวิ่งไล่จับ ฝ่ายที่หนีจะปรบมือหลอกล่อให้ยักษ์ตามเสียงมาจับตน พร้อมกับพูดว่า「鬼さんこちら、手の鳴るほうへ」(oni san kochira, te no naru hou e) "คุณยักษ์มาทางนี้ ตามเสียงปรบมือมาเร็ว" คนใดที่ถูกยักษ์จับก็ต้องมารับบทเป็นยักษ์ไล่จับคนอื่นต่อ 


    * 空気が抜けたままの身体 kūki ga nuketa mama no karada 
    • 空気が抜けたまま kūki ga nuketa mama = สภาพของสิ่งของที่แทบจะไม่มีอากาศอยู่ข้างใน เช่น ล้อรถที่ยางแบน, ลูกบอลที่น่วม 
    • 空気が抜けたままの身体 kūki ga nuketa mama no karada น่าจะหมายถึง ร่างกายที่เหนื่อยล้าทั้งกายทั้งใจ เปรียบเสมือนรถที่ล้อยางแบน วิ่งต่อไปไม่ได้ ฝืนวิ่งต่อก็เสี่ยงเกิดอันตรายแก่ชีวิต จึงแปลท่อนนี้ไปว่า "ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้"  // ทีแรกแปลท่อนนี้ไปว่า ร่างกายที่เหมือนวิญญาณหลุดจากร่าง แต่คิดว่ายังไม่ใช่ 


    **無理矢理に抱きしめてた心を今解いて muri yari ni daki shime teta kokoro wo ima hodoite 
    • ติดอยู่ท่อนนี้นานมากค่ะ ทีแรกจะแปลท่อนนี้ว่า "ความฝันที่เคยบังคับตัวเองให้ยึดมั่น ตอนนี้ปล่อยวางมันลงเถอะ" เพราะคิดว่า 心 kokoro นอกจากจะหมายถึง หัวใจ จิต ใจ แล้วยังหมายถึง แก่นแท้ ได้ด้วย (ในบริบทเพลงนี้น่าจะ = ความฝัน)
    • 抱きしめる daki shimeru หมายถึง กอดรัด รัดแน่น (ในบริบทเพลงนี้น่าจะ = ยึดมั่น)
    • ถ้าเช่นนั้น 無理矢理に抱きしめてた心 muri yari ni daki shime teta kokoro น่าจะหมายถึง ความฝันที่เคยบังคับตัวเองให้ยึดมั่นถือมั่นเอาไว้อย่างแรงกล้า 
    • แต่พอไปอ่านBlog นี้ ทำให้เข้าใจกระจ่างขึ้นว่าควรจะแปลว่า "หัวใจ" ไปตรงๆ เลย ซึ่งคนเขียนBlogดังกล่าวก็ชมAimyon ว่าการเขียนเนื้อเพลงท่อนนี้ที่ว่า "ตอนนี้ให้คลายอ้อมกอดที่เคยกอดรัดหัวใจเอาไว้จนแน่นออกซะ" มันดูสมกับเป็นมนุษย์มากกว่าการบอกว่า "ให้โอบกอดหัวใจตัวเองเอาไว้แน่นๆ แล้วมีชีวิตต่อไป" ที่ดูมีพลังก็จริง แต่เหมือนสร้างภาพให้สวยหรู


    // จากBlogนี้ เขายังชมAimyon อีกว่า การเขียนเนื้อเพลงท่อนล่างนี้ มีการเปรียบเปรยได้สมกับเป็น Aimyon มากๆ 

    あー、まだ咲ききれない花のような毎日だなぁ
    無茶苦茶に走り続けた身体を今休めて
    aa mada saki kirenai
    hana no yōna mai-nichi danā
    mucha kucha ni hashiri tsudzuke ta
    karada o ima yasu mete

    อา.. ช่างเป็นคืนวันที่เหมือนกับ
    ดอกไม้ที่ยังเบ่งบานได้ไม่เต็มที่เลยนะ 
    ร่างกายที่เดินทางมาเนิ่นนานเกินเหตุนั้น
    ตอนนี้พักให้หายเหนื่อยเถอะ

     เขาเล่าว่าการที่Aimyon เขียนเนื้อเพลงว่า "แต่ละวันมันช่างเหมือนกับดอกไม้ที่ยังเบ่งบานได้ไม่เต็มที่" แทนที่จะเขียนว่า "แต่ละวันช่างเหมือนกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา" นี่มันดีมากๆ เลย เพราะหากเปรียบเทียบว่า ชีวิตเป็นดั่งดอกไม้ที่ยังบานได้ไม่เต็มที่ ก็หมายความว่า วันที่พรสวรรค์ของเราเบ่งบานจะต้องมาถึงเข้าสักวัน 

     อีกทั้งท่อนต่อมาที่Aimyon เขียนเนื้อเพลงว่า "พักร่างกายที่เดินทางมาอย่างเนิ่นนานให้หายเหนื่อยเถอะนะ" ที่สื่อสารในเชิงบวกได้ว่า "ตอนที่อยากจะพักให้หายเหนื่อย ก็พักไปเถอะ ไม่เห็นเป็นไร" แทนที่จะเขียนว่า "ถึงทรมานก็ต้องวิ่ง(ตามความฝัน)ต่อไป" นี่มันทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย 





    --------------------------------------------

    ★★มีข่าวดีมาให้แฟนๆ ได้ชื่นใจค่ะ 
    Aimyonได้รับเลือกให้นำร้องเพลงในงาน 18Fes ที่จะจัดขึ้นช่วงปีหน้า 
    ในธีม kido airaku (喜怒哀楽 = ความรู้สึกต่างๆ ได้แก่ ดีใจ โกรธ เสียใจ สนุกสนาน)  
    โดย18Fes ปีหน้าจะพิเศษกว่าปีก่อนๆ ตรงที่จะเปิดรับสมัครวัยรุ่นทั่วญี่ปุ่นที่มีอายุ 17-20 ปี จำนวน 1,000 คนมาร่วมร้องเพลงด้วยกัน เนื่องจากปีที่แล้วสถานการณ์โควิด19 ทำให้ต้องยกเลิกการจัดงานไป ส่งผลให้ปีนี้ทางรายการได้ขยายช่วงอายุให้คนที่อายุ 20 สามารถสมัครเข้าร่วมได้ด้วย โดยจะเริ่มเปิดรับสมัครช่วงเดือนสิงหาคม2021 และจัดการแสดงร้องเพลงร่วมกัน 1,000 คนในช่วงเดือนมีนาคม2022 นี้ 
    รอติดตามกันได้เลยค่า



    ทางฝั่งAimyon ก็ได้พูดถึงที่ตัวเองได้รับเลือกให้ร้องนำในงาน18Fes 2022 เอาไว้ว่า 

    "เวทีที่จะได้ร้องเพลงร่วมกับทุกคนที่อายุ 17 18 19 20 ทั้ง 1,000 คน 
    จะต้องเป็นทิวทัศน์ที่สุดยอดแน่นอนค่ะ!
    แค่นึกถึงวันนั้น ในตาก็ร้อนผ่าว ลำคอก็เกร็งไปหมด
    ทั้งกังวลสุดๆ ตื่นเต้นมากๆ ใจเต้นตึกตักไม่หยุดเลย
    18Fes ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
    สนใจมาร้องเพลงด้วยกันไหมคะ?"




    Ai wo shiru ma-de wa เป็นเพลงที่อยู่ในซิงเกิ้ล 愛を知るまでは/桜が降る夜は
    เพิ่งวางขายไปเมื่อวันที่ 26/05/2021  อุดหนุนศิลปินได้ที่นี่ >>Click<<

    ภาพปกCD 愛を知るまでは/桜が降る夜は

    หากแปลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
    สามารถแนะนำติชมได้เสมอเลยค่ะ m(_ _)m



    // อัปเดตเพิ่มเติม 02/08/2021 Aimyonได้อัพคลิปที่เธอทั้งร้องเพลง+เล่นกีต้าร์อะคูสติกเพลง Ai wo shiru made wa ลง youtube ให้แฟนๆได้ฟังกันด้วยค่ะ เพราะมากๆเลยค่ะ โอ้ย ฟังแล้วจะร้องไห้ ;_;



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Teerapat Morya (@fb1425830920806)
ผมนึกว่าจะไม่กลับมาแปลไอมยอนแล้ว ขอบคุณนะครับ ตอนนี้กำลังอินกับซีรี่ย์นี้เลย
Kanzen Memeshe (@k_memeshe)
@fb1425830920806 กลับมาทำต่อเพราะเพลงนี้เลยค่ะ ชอบมากจนอยากแปล555 ซีรีส์ Konto ga hajimaru น่าสนใจมาก เดี๋ยวเร็วๆ นี้จะลองไปดูบ้างค่ะ ขอบคุณที่แวะมาคอมเม้นต์ให้กันเสมอนะคะ :D
Haisy_WM (@Haisy_WM)
ขอบคุณที่แปลเพลงดีๆแบบนี้มานะคะ
Kanzen Memeshe (@k_memeshe)
@Haisy_WM ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเช่นกันค่ะ ☺️♥️