“เบอร์แทรมพาหนุ่มมาค้างที่บ้านด้วยละ” เสียงของสาวยุครีเจนซีที่สิงอยู่ในนิยายฉบับพิมพ์ครั้งแรกของเจน ออสเตนในเวิร์กช็อปซ่อมหนังสือเก่าของเบอร์แทรมประกาศให้เหล่าสมาชิกร่างโปร่งแสงที่สิงสถิตอยู่ในหนังสือและของเก่าที่เก็บอยู่ในสตูดิโอแห่งนี้รู้โดยทั่วกัน
“ผมไม่เห็นว่า มันจะน่าตื่นเต้นตรงไหนเลยนะ เอลิซาเบธ” มนุษย์คนเดียวที่อยู่ในสตูดิโอที่มีบางสิ่งบางอย่างที่คนทั่วไปมองไม่เห็นอาศัยอยู่ด้วยออกปาก เขาเข้ามาดูแลความเรียบร้อยของงานที่ต้องส่งมอบระหว่างที่ให้รัสเซลล์ยืมรถของเขาขับออกไปเก็บของที่บ้านเช่าก่อนที่จะกลับมาพักอยู่ด้วยกันที่บ้านของเขา “ผมแค่เสนอความช่วยเหลือเล็กน้อยให้ แล้วเขาก็ยินดีรับข้อเสนอของผมแค่นั้นเอง”
“มันน่าตื่นเต้นตรงที่เราเห็นเธอมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าทุกครั้งอย่างไรล่ะ พ่อหนุ่ม” อีกเสียงหนึ่งที่มีอายุกว่าดังมาจากตู้เก็บเครื่องเงินเก่าแก่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง “นานแล้ว ที่ไม่ได้เห็นเธอกระตือรือร้นจะช่วยเหลือใครแบบทุ่มเทขนาดนี้”
“และที่สำคัญ คือ เขาคนนั้นหล่อมาก” เอลิซาเบธขึ้นเสียงสูงเพื่อเน้นคำว่า ‘หล่อ’ และคำว่า ‘มาก’ แต่ด้วยสภาพวิญญาณของเธอทำให้เสียงนั้นฟังดูหวีดหวิวชวนขนหัวลุกเกินไปสักหน่อย “คุณควรจะจีบเขานะ คุณจะได้มีคนที่ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจอยู่เป็นเพื่อน”
“นี่ อย่าล้อผมเล่นหน่อยเลย” เบอร์แทรมหัวเราะ ถึงจะพูดด้วยสำนวนน้ำเน่าไปหน่อย แต่ดูเหมือนว่าผีสาวจะเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกที่ความรักไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแค่เพศหญิงและชายแบบในสมัยก่อนได้ดีทีเดียว “เขามาพักฟื้นจากอาการป่วยแค่เดือนเดียวเท่านั้นเอง เขาอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้หรอก”
“แต่คุณก็ไม่ปฏิเสธใช่ไหมล่ะ ว่าชอบเขาเข้าแล้วน่ะ”
เจอคำถามนี้เข้าจริง ๆ ก็ปฏิเสธไม่ออก เบอร์แทรมได้แต่เงียบแล้วก็ถอนใจ “รัสเซลล์เป็นคนดี”
“การเป็นคนดีกับการเป็นคนที่ชอบน่ะ เป็นคนละเรื่องกันนะ เบอร์แทรม” ผีสาวจากต้นศตวรรษที่สิบเก้ายังไม่ยอมแพ้ “ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคของความรักนะ ฉันยังเคยคอยจดหมายของคู่หมั้นอยู่เป็นเดือนกว่าจะได้รู้เรื่องราวของเขา แต่คุณมีโทรศัพท์ มีอะไรนะ... วิดีโอคอลล์ใช่ไหม... คุณสามารถเห็นหน้ากันได้ทุกวัน จะกลัวอะไรล่ะ”
“แต่มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”
“ไม่มีอะไรเร็วเกินไปหรอก คุณพ่อมดที่รัก” เธอลอยข้ามศีรษะเขาไปอยู่กับคุณผู้หญิงที่ชั้นหนังสืออีกด้านหนึ่ง “ไม่มีอะไรที่เร็วเกินไปสำหรับความรัก ขอแค่คุณชอบเขาและเขาชอบคุณตอบ เมื่อไหร่ก็ไม่สำคัญ เวลายิ่งมีอยู่น้อย ยิ่งไม่ควรปล่อยให้มันผ่านเลยไป”
เจ้าของร้านหนังสือมองไปที่คุณสุภาพสตรีสูงวัยเพื่อขอความเห็นแย้ง แต่กลับพบว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ไม่มีพรรคพวก คำกล่าวของเอลิซาเบธได้รับการสนับสนุนจากวิญญาณทุกตนที่อยู่ในเวิร์กช็อป
“เบอร์แทรม เธอรู้ว่าเขาต้องการการปกป้องและเธอก็ลงมือปกป้องเขา ส่วนเขาที่ดูเหมือนจะเป็นคนไม่ใส่ใจใคร แต่กลับยอมฟังคำพูดของเธอ นั่นไม่เรียกว่าเขาคนนั้นก็ชอบเธอเหมือนกันหรอกเหรอ พวกเธอต่างก็ชอบกัน เพียงแต่ไม่มีใครยอมเริ่มต้นก่อน เพราะคำนึงถึงเรื่องเวลาและความเป็นไปไม่ได้”
วิญญาณในเครื่องเงินถาม และข้อสังเกตนั้นของเธอก็ออกจะจี้ใจดำของเขาอยู่ไม่น้อย “ในเมื่อพวกเธอมีเวลาและในความเป็นไปไม่ได้ก็ยังมีความเป็นไปได้ ทำไมเธอถึงไม่ลองดูล่ะ”
“เฟลิซิตี้... คือ... ผม...”
“ชู่ว์ หนุ่มน้อย ฟังฉันก่อน” วิญญาณหญิงสูงวัยใช้นิ้วมือแตะที่ริมฝีปากปรามไม่ให้เขาเถียง “เธอไม่ได้สังเกตหรอกเหรอว่า พลังของเธอที่ใช้ในการจัดการกับวิญญาณที่คอยติดตามพ่อหนุ่มจากลอนดอนคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก ความตั้งใจที่จะช่วยเหลือเขาเป็นเวทมนตร์ที่ทำให้เวทมนตร์ที่เธอใช้อยู่มีอานุภาพมากขึ้น เพราะฉะนั้น การที่พวกเธออยู่ด้วยกันแล้วทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่เธอควรลองใช้โอกาสนี้สานความสัมพันธ์กับเขา”
ถึงตอนนี้ เบอร์แทรมอยากจะเอามือปิดหน้าแล้วรีบวิ่งออกไปจากสตูดิโอให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
“ถ้าเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย มันก็จบกันเลยนะครับ”
“เธอเชื่อความรู้สึกของตัวเองหรือเปล่าล่ะ” วิญญาณสตรีสูงวัยอีกเสียงหนึ่งพูด “เรื่องบางอย่าง เธอควรเชื่อความรู้สึกของตัวเอง และที่เธอชอบเขา นั่นก็เพราะเธอมองออกว่า เขาก็ชอบผู้ชายอย่างเธอด้วยไม่ใช่เหรอ”
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานที่ใช้สำหรับขึ้นปกและเย็บสันหนังสือ มองหน้าของวิญญาณแต่ละตนที่กดดันจนเขาต้องยอมจำนนกับสิ่งที่ตัวเองก็ยังไม่อยากยอมรับเท่าใดนักจนได้ เขาอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็พูดไม่ออก
“เราไม่ได้ตั้งใจจะกดดันคุณหรอกนะ เบอร์แทรม เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของคนสองคน เราบังคับใจคุณให้ทำอะไรตอนที่ยังไม่พร้อมไม่ได้หรอก ถึงฉันจะอยากให้คุณทำเสน่ห์ใส่พ่อหนุ่มตำรวจคนนั้นให้หลงรักและอยู่กับคุณตลอดไปก็เถอะ”
คำพูดของเอลิซาเบธทำให้พ่อมดหัวเราะออกมาได้ในที่สุด แต่ต่อมา คำพูดของเธอก็ทำให้เขาแทบสำลัก
“ทำความคุ้นเคยด้วยการชวนเขามาดูเน็ตฟลิกซ์แล้วก็ชิลล์กันที่บ้านไปก่อนก็ไม่เลว”
“คุณรู้ไหมว่ามันแปลว่าอะไร”
วิญญาณสาวกะพริบตาปริบ ๆ ยกมือขึ้นปิดปาก “ตายจริง นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณชวนเพื่อนมาดูภาพยนตร์ที่บ้านแล้วสังสรรค์กันสบาย ๆ ทำนองเดียวกับการชวนเพื่อนมาจิบชาหรืองานเลี้ยงที่บ้านหรอกเหรอ”
“ไม่...” เบอร์แทรมไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนดี เมื่อทุกคนจ้องมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นตาเดียว “มันเป็นคำสแลง ถ้าคุณชวนใครมาดู Netflix and chill นั่นหมายความว่า คุณกำลังชวนคนคนนั้นมามีอะไรกันที่บ้าน”
เฉลยนั้นของเขาทำให้เธออุทานออกมา ถ้ายังมีชีวิตอยู่ เขาคงเห็นเธอหน้าแดงไปแล้ว และเมื่อเขาหันไปทางหน้าต่างเพราะเห็นแสงไฟหน้ารถของเขาและเสียงรถเคลื่อนที่เข้ามา เธอและวิญญาณอื่น ๆ ก็พร้อมใจกันสลายตัวและแวบหายกันไปอย่างรวดเร็ว
เบอร์แทรม เคลลีย์ถอนใจยาว ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินออกไปรับรัสเซลล์ที่กลับมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวและนำอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน
ไม่รู้แล้วว่า ระหว่างกองเชียร์ไร้ชีวิตที่พยายามเข็นเขาให้คบกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกับฆาตกรแหกคุกที่คลั่งไคล้ในศาสตร์มืดอย่างไหนจะรับมือง่ายกว่ากัน
To be continued >>> Day 10 : Forest
/ค้นพบว่า จริง ๆ เราอาจจะไม่ได้อยากเป็นพนักงานร้านนี้หรอกค่ะ เราอาจจะอยากเป็นวิญญาณในร้านมากกว่า... 5555555 ว่าแต่แม่สาวเอลิซาเบธนี่สิงอยู่ในเล่ม Pride and Prejudice ด้วยหรือเปล่าคะ ---
เอลิซาเบธสิงอยู่ใน Pride and Prejudice เพราะชื่อเหมือนนางเอกค่ะ ฮาา
รบกวนอยากทราบชื่อของทั้งคู่ สะกดด้วยภาษาอังกฤษจังค่ะ
ชื่อของเบอร์แทรมกับรัสเซลล์สะกดตามนี้เลยค่ะ Bertram กับ Russell