ความรู้สึกที่เบอร์แทรมได้รับผ่านจูบของรัสเซลล์ไม่เหมือนความรู้สึกที่เคยได้รับจากจูบแรก แม้จะร้างห่างหายจากสัมผัสทางร่างกายกับใครสักคนมานานพอดู ไม่ได้ทำให้หัวใจเต้นแรงหรือรู้สึกเหมือนมีฝูงผีเสื้อกระพือปีกบินอยู่ในท้อง
จูบของรัสเซลล์ไม่ได้ดูดดื่ม ลึกซึ้งถึงขนาดที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเลยเถิดไปจนถึงจุดที่หยุดไม่อยู่ แต่จูบนั้นก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น นุ่มนวล เหมือนคำขอบคุณที่ปราศจากคำพูด ไม่ใช่การแสดงออกซึ่งความปรารถนาเบื้องลึก
เบอร์แทรมจูบรัสเซลล์ตอบ และแนบหน้าผากของตนเองเข้ากับหน้าผากของคนตรงหน้าเมื่อถอนริมฝีปากออกจากกัน เขาลูบแก้มและแนวกรามของชายหนุ่มอีกคนแผ่วเบา จูบซ้ำอีกหนหนึ่ง แล้วค่อย ๆ ผละห่างออกไป แต่อดไม่ได้ที่จะจูบซ้ำเบา ๆ ที่ข้างแก้มใกล้กับมุมปากของอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่งและดึงตัวเข้ามากอดเอาไว้
“คุณเหนื่อยมากเลยใช่ไหมที่ผ่านมา” เขากระซิบถามโดยไม่ต้องการคำตอบ
สิ่งที่อยู่ภายใต้เปลือกนอกของนายตำรวจหนุ่มไม่ได้แข็งแกร่งมากมายขนาดที่เขาแสดงออกให้คนอื่นรับรู้
ทั้งตามล่าคนร้าย ต้องแบกรับความรู้สึกผิดเมื่อเพื่อนบาดเจ็บ ต้องอดทนกับอาการบาดเจ็บของตัวเอง และเผชิญกับการดำเนินการของฝ่ายตรงข้าม และแม้เรื่องราวจะคลี่คลายลงบ้างแล้ว ก็ยังเกิดเหตุให้ต้องกังวลอีก
“ผมโอเคนะ ถ้าเราจะอยู่กันแบบนี้ต่อไปนานอีกหน่อย” เบอร์แทรมกระชับแขนที่โอบรอบตัวของคนตัวโตกว่าที่ซุกหน้าลงกับบ่าของเขาให้แน่นขึ้นและลูบหลังของอีกฝ่าย
ไม่มีเวทมนตร์ใดที่จะเยียวยาได้ดีไปกว่าการกอดอีกฝ่ายเอาไว้ให้นานพอที่จะรู้สึกว่า เขาไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก
เบอร์แทรมไม่มีทางหยั่งรู้สิ่งที่อยู่ในจิตใจของรัสเซลล์ได้ แต่ตลอดเวลาที่พวกเขากอดกันในความเงียบ เขาคิดทบทวนถึงสิ่งที่รัสเซลล์เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับโจนาห์ แอดดิงตัน
สิ่งที่ยากที่สุดในการคาดเดาแผนการที่แอดดิงตันวางเอาไว้หลังหลบหนีก็คือ เวทมนตร์คาถาและรหัสยวิทยาทั้งหลายเป็นเรื่องเหลวไหลในทางคดีของตำรวจและรัสเซลล์เองก็ไม่รับรู้เช่นกันว่า สิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเชื่อหรือสิ่งที่อยู่ในตำราคติชนวิทยา และนั่นทำให้เขาไม่รู้ชัดว่าควรจะเริ่มต้นดำเนินการอย่างไรดี เขาจึงเริ่มต้นจากข้อมูลเท่าที่มีอยู่
เท่าที่รู้ โจนาห์ แอดดิงตันฆ่าหญิงสาวเพื่อใช้เลือดของพวกเธอบูชาและเป็นสื่อติดต่อกับสิ่งลี้ลับเพื่อจะได้อำนาจควบคุมจิตใจของคนเป็นสิ่งตอบแทน และใช้ในการสาปแช่งคนอื่นที่ตนเองเกลียดชังให้ประสบเคราะห์ร้ายต่าง ๆ
ในกรณีที่ชายคนนั้นเพียงแค่หลงไปว่าตนเองสามารถสื่อสารกับปีศาจหรือสิ่งที่มีอำนาจด้านมืดได้ การทรมานและฆ่าคนก็เป็นเพียงความพยายามแสวงหาอำนาจให้ตนเองและพยายามปลดเปลื้องตัวเองจากการถูกควบคุมและครอบงำโดยคนอื่นในชีวิตจริง และหากเป็นเช่นนั้น การป้องกันรัสเซลล์และคนที่เกี่ยวข้องย่อมไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นมนุษย์ธรรมดา
แต่ถ้าหากแอดดิงตันใช้เวทมนตร์ได้จริง ไม่ใช่แค่ ‘เชื่อ’ ว่าตัวเองใช้เวทมนตร์ได้ ย่อมมีความเป็นไปได้ที่เขาจะเลือกใช้การสาปแช่งบุคคลที่ตนเกลียดชังอย่างเจนนิเฟอร์หรือรัสเซลล์ แม้จะยังไม่รู้ว่าตัวคนอยู่ไหน แต่ถ้าได้เศษเสี้ยวของตัวตนของบุคคลนั้น เช่น เส้นผม เสื้อผ้า หรือของใช้อื่น ๆ ของคนคนนั้นมาแล้ว การสาปแช่งและตามรอยคำสาปจนพบเจอตัวบุคคลเป้าหมายอาจไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่จะกระทำได้
การถูกเคี่ยวเข็ญให้ต้องทำความรู้จักกับศาสตร์มืดและคำสาปทั้งหลายอาจเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เพราะอย่างน้อยที่สุดในเวลานี้ เขาก็พอจะมองเห็นแนวทางในการป้องกันและปลดเปลื้องคำสาปนั้นได้ หากมันเกิดขึ้น และถ้าเป็นไปได้ อย่าให้ไปถึงขั้นที่เขาจะต้องย้อนส่งคำสาปให้กลับไปถึงตัวคนที่จุดชนวนเลย เพราะคำสาปด้านมืดของเคลลีย์รุนแรงเสมอและไม่ใช่สิ่งที่จะลบล้างกันได้ง่าย ๆ
เขาไม่อยากทำในสิ่งที่จะตอกย้ำเขาให้จดจำไปตลอดชีวิตว่า เขาไม่มีทางหลีกหนีจากวิถีทางของเคลลีย์พ้น
แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ เพื่อคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาตรงนี้ เขาย่อมเลือกคนที่เขาต้องการปกป้อง
เบอร์แทรมคลายแขนออกจากร่างของรัสเซลล์ที่ค่อย ๆ ยืดตัวขึ้น และสบตากับเขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความขอบคุณ เขายิ้ม ใช้สองมือประคองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้ และจูบเบา ๆ แทนคำว่า ด้วยความยินดี
นายตำรวจหนุ่มยิ้มตอบและพยักหน้า “ผมโอเคแล้ว ขอบคุณ”
“เราควรดูหนังเน็ตฟลิกซ์กันต่อสักเรื่อง หรือว่าคุณอยาก...”
พูดไม่ทันจบประโยค โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของรัสเซลล์ก็สั่นและส่งเสียงร้องเรียก
บรรยากาศที่เคยผ่อนคลายกลับกลายเป็นตึงเครียดชั่วพริบตา
รัสเซลล์มองตาเบอร์แทรมแวบหนึ่งขณะสไลด์จอมือถือเพื่อรับสายที่มีชื่อของเจนนิเฟอร์อยู่บนหน้าจอ
“รัสเซลล์” เสียงของเจนนิเฟอร์ดังพอที่เบอร์แทรมที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ จะพลอยได้ยินไปด้วย เสียงของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น แม้จะพยายามควบคุมไว้ไม่ให้สั่น แต่เขาก็ยังจับอาการสั่นไหวในน้ำเสียงของเธอได้
“เจน” นายตำรวจหนุ่มตอบคู่หู “เกิดอะไรขึ้น เธอโอเคหรือเปล่า”
“ฉันยังโอเค รัสเซลล์ แต่ไม่รู้สิ... แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้” เธอเอ่ยตอบกลับมา “นายอย่าหัวเราะนะ แต่ฉันรู้สึกเหมือนประสาทจะกินเข้าแล้วจริง ๆ กับเรื่องที่เจอวันนี้”
“ใจเย็น ๆ เจน เล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“เมื่อบ่ายนี้ ฉันออกไปนั่งรับลมที่ระเบียงห้องหลังจากกายภาพบำบัด ฉันได้ยินเสียงนกกระพือปีก แล้วก็มีนกเรเวนตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ราวระเบียง...”
“เปล่า แต่มันจ้องฉันด้วยสายตาแปลก ๆ จ้องแบบไม่ยอมหันไปทางไหนเลย แม้กระทั่งตอนที่ฉันขอให้สามีของน้องที่มาเยี่ยมช่วยเข็นรถเข็นเข้าห้อง มันก็ยังมองเข้ามาในห้องจนฉันต้องปิดม่าน พอฉันแอบเปิดดู ก็เจอมันเกาะอยู่ตรงนั้น แล้วกระพือปีกเหมือนมันรู้ความเคลื่อนไหวของฉันอย่างงั้นแหละ”
เจนนิเฟอร์เล่าแทบไม่ยอมหยุดหายใจ
“ฉันพยายามคิดว่า มันคงเห็นฉันสวมสร้อยหรืออะไรแวววาวมันก็เลยเข้ามาหา แต่จนถึงตอนนี้ ฉันยังไม่ลืมสายตาที่มันมองฉันเลย รัสเซลล์ ฉันไม่รู้ว่าจะคุยกับใคร ฉันก็เลยโทรศัพท์มาเล่าให้นายฟัง เพราะมันติดใจฉันมากจนสลัดเรื่องนี้ออกจากหัวไม่ได้ ฉันอาจจะสติแตกไปเองหลังจากรู้เรื่องที่แอดดิงตันหนีไปได้ แต่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปเองแน่ ๆ”
สิ่งที่หญิงสาวเล่าทำให้เบอร์แทรมกับรัสเซลล์หันหน้ามาสบตากัน
รัสเซลล์ไม่รู้จริง ๆ ว่า สิ่งที่คู่หูของเขาพบเจอมานั้นคือสิ่งใด แต่เบอร์แทรมรู้แล้วว่า ตัวเองต้องรับมือกับสิ่งใด
การรับมือกับสิ่งที่ยากจะคาดเดาได้ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ
To be continued >>> Day 12 : Pumpkins
แต่น่าจะไม่ได้ความโรแมนซ์แบบสองคนนั้นหรอก
ทางนี้เป็นกำลังใจให้คุณเบอร์แทรมวางแผนรับมือกับศาสตร์มืดโดยไม่ต้องเข้าสู่หนทางแห่งเคลลีย์ค่ะ
/แอบคิดยาวไปถึงผังตระกูลเคลลีย์นะคะ ต้องน่าสนุกมากแน่ๆ ตาลุกวาวแล้วค่ะ
รออ่านตอนต่อไปเลยค่ะะะะะ ขอบคุณที่เขียนนะคะ
เรื่องของครอบครัวของเบอร์แทรมน่าจะค่อยๆ เฉลย แต่ที่แน่ๆ ในช่วงสั้นๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน ต่างคนก็จะต่างไม่เหงาแล้วค่ะ :)
และดีใจที่เบอร์แทรมได้สิ่งที่อยากจะปกป้อง ‘คนที่เขาอยากจะปกป้อง’ :)
ส่วนเรื่องอีกา สนวจมากเลยค่ะ อยากรู้ว่าคุณpiyarakจะเอาเรื่องราวอเไรมาเล่าให้ฟัง superstition เกี่ยวกับอีกาน่าจะมีเยอะอยู่ เกาะขอบรอเลยค่ะ
นกกากับเรเวนเกี่ยวกับความเชื่อหลายอย่างจริงๆ ค่ะ ไว้คราวหน้ามาดูกัน ขอบคุณที่มาอ่านนะคะ
ปล.ขอบคุณที่นอกจากเล่าเรื่องราวของคุณพ่อมดให้ฟังแล้ว ยังมาคอยตอบคอมเม้นนะคะ อันนี้เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ตั้งตารออ่าน พอๆกับนิยายเลยค่ะ:))
แงงง คนเขียนก็รอที่จะได้คุยกับคนอ่านนี่แหละค่ะ คอมเม้นต์คนอ่านคือตวามสุขของคนเขียนเลย ขอบคุณที่มาคุยกันนะคะ ♡