เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I'll try...overreachpeach.
ความตาย | death
  • รู้จักความตายครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่กัน




    ตอนอยู่ประถม คุณครูการงานสั่งให้ไปซื้อปลามาเลี้ยง ซื้อมาแล้วคาบหน้าถือมาโรงเรียนด้วยนะ 
    เอามาส่ง จะได้ 10 คะแนน ตอนนั้นตื่นเต้นมาก จะได้เลี้ยงปลา 
    ตกเย็นแม่มารับที่โรงเรียน แม่รีบขับรถพาไปซื้อปลาที่ร้านของเพื่อนแม่แถวหน้าตลาด 
    เพื่อนแม่บอกว่า อยากได้ตัวไหน ชี้เอาเลย พร้อมจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย 
    แม่ยืนยิ้มดูอยู่ห่าง ๆ (พร้อมรอจ่ายเงิน) ตอนนั้นเรามีความสุขมาก



     
    อาทิตย์ถัดมา คาบการงาน 
    เราถือโหลปลาไปด้วยความตื่นเต้นและทุลักทุเล กลัวน้ำกระฉอกแล้วปลาเป็นอะไรไป
    คุณครูเรียกนักเรียนไปทีละคน ตามเลขที่ พร้อมเช็คปลาในขวดโหล เออ มันยังไงวะเนี่ย ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าวิชาการงาน ทำไมต้องเอาปลาไปส่ง ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน อ่ะ ส่งปลาให้คุณครูตรวจเรียบร้อย แต่ว่าตอนนั้น เพื่อนที่ส่งปลาไปก่อนหน้าไปยื่นอยู่ริมหน้าต่าง เพื่อนที่เหลือก็รีบไปมุงดู เห้ย ปลาแกเป็นอะไรอะ ทำไมเหรอ มันตายแล้วเหรอ ใช่ ปลาตายจ้า นี่ก็รีบเข้าไปมุงดูกับเขาด้วย ไหน ดูซิ ปลาตายจริง ๆ เหรอ พร้อมถามเพื่อนว่าแกส่งให้คุณครูก่อนแล้วใช่ไหม โชคดีนะที่แกส่งคุณครูได้คะแนนไปแล้ว ปลาถึงตาย แต่มองหน้าเพื่อน เห้ย ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้น นี่รึเปล่า อะไรเกี่ยวกับความตายในแบบที่เราเข้าใจ ต้องเศร้า ต้องร้องไห้...




    ไม่กี่ปีหลังจากนั้น แม่เราก็เสีย



    "สวัสดีญาติคนนั้นรึยัง คนนั้นญาติเรานะ เขาอุตส่าห์มาหา ดูสิ"
    "ไหว้ลุงคนนั้นด้วย เข้าไปไหว้ใกล้ ๆ เลยนะ"
    "ไปไหว้แม่ครัวด้วย เสร็จแล้วไปขัดห้องน้ำวัดด้วยนะ กวาดตรงนั้นด้วย"
    "อยู่โรงเรียนเขาปกติมากเลยนะคะ เรียนเก่ง นั่งหลังห้องเงียบ ๆ ไม่เห็นบอกเลยว่าแม่ไม่สบาย"
    "ไปช่วยขนลังน้ำส้มที่รถหน่อย แล้วเอามาแจกแขก พูดดี ๆ กับเขาแล้วไหว้ด้วยนะ"
    "ทำไมชอบทำหน้าบูดหน้าบึ้งตลอดเวลาเลย ยิ้มหน่อยสิ สู้ ๆ นะ"



    ให้ตายเถอะ เขาจะเอาอะไรกับเด็กอายุสิบสองวะ...



    ตอนนั้นเหมือนคนไม่มีความรู้สึก พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนว่าไม่มีใครตาย แม่ยังอยู่

    พ่อมาเจอเรา มากอดแล้วบอกว่า แม่ไปสบายแล้วนะ ตอนนั้นก็ยังไม่ร้องไห้เลย 
    ต้องเข้มแข็งขนาดไหนวะ ไม่มีใครเห็นน้ำตาเราซักคน


    เราอดทนมากที่จะกลั้นน้ำตา เราอดทนมากที่จะยิ้ม 
    เราอดทนมากที่จะทำทุกอย่างตามที่ญาติ ๆ หรือใครก็ไม่รู้สั่ง
    เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ทำไปนั้น ทำไปเพื่ออะไร ความรู้สึกตอนนั้นมันแย่มากแต่เราเลือกที่จะเงียบ
    เรา stay calm ให้กับทุกสายตาที่มองมา เพื่อบอกให้รู้ว่าเราโอเค 
    เราไม่เป็นอะไร ทั้งที่ในใจจะเป็นบ้าอยู่แล้ว 
    ไม่มีใครถามว่าโอเคไหม กินข้าวรึยัง นอนหลับไหม ต้องการอะไรรึเปล่า 
    ไม่มีใครถามอะไรเราเลย จริง ๆ


    หลังจบงาน ทุกคนก็เหมือนจะสนใจแต่เรื่องของตัวเอง
    ญาติเอาเสื้อผ้าแม่ เอาของใช้แม่มาเลือก ใครอยากได้อะไรก็หยิบไป
    ต่างคนต่างกุลีกุจอเข้ามารื้อเสื้อผ้า กระเป๋า ของใช้ทุกอย่างที่อยู่ในลัง
    ญาติคนหนึ่งหยิบกระเป๋าถือแม่ขึ้นมา กระเป๋าสีดำ ห้อยพวงกุญแจรูปหัวใจ 
    พร้อมพูดขึ้นมาว่า หนูเอาใบนี้นะคะ
    เราหันกลับไปมองตามเสียงนั้น 
    เห้ย นั่นกระเป๋าที่แม่รักมาก นั่นพวงกุญแจที่เราตั้งใจซื้อให้แม่ตอนวันเกิด 
    เราเก็บเงินซื้อมันเลยนะ พวงกุญแจโง่ ๆ ที่ขายอยู่หน้าโรงเรียนอันละร้อยกว่าบาท 
    จำได้ว่าตอนยื่นให้แม่ เราภูมิใจมาก แม่ก็ดูดีใจมาก 
    แถมยังบอกอีกว่า คราวหลังเอาพวงกุญแจอุลตร้าแมนนะ (แม่ชอบอุลตร้าแมนจ้าาา) 
    ยังไงก็เถอะ มันก็แค่ความคิดในหัว เราไม่กล้าพูดอะไรออกไป สิ่งที่ทำได้คือเงียบ 
    ญาติ ๆ ที่เหลือก็พูดตอบกลับไป 
    เอาเลยหนู สวยดี เอาไว้ใช้ สะพายไปทำงานก็สวยดีนะ 


    อื้ม ไม่มีใครถามอะไรเราจริง ๆ ไม่มีใครถามเราซักคนว่าอยากเก็บไว้ไหม เราไม่มีสิทธิ์อะไรเลยเหรอ 
    ในใจอยากจะดึงกระเป๋าใบนั้นมากอดจะตายอยู่แล้ว


    แต่เอาเถอะ เรามันก็แค่เด็กอายุสิบสอง จะไปเข้าใจอะไรวะ...


    เราไม่เข้าใจว่าพวกญาติ ๆ ต้องการอะไรจากเรา
    เราไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องทำตามที่คนอื่นบอก 
    เราไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องไหว้คนที่เราไม่รู้จัก
    เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยิ้ม ต้องไปนั่งคุยกับญาติ
    เราไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ร้องไห้เลยซักนิด 
    เราไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าคนทั้งงาน
    เราไม่กล้าพูดอะไร เราไม่รู้จะทำอะไร
    เราไม่มีคำถามจะถามใคร 
    เราไม่รู้ว่าเราควรไปยื่นตรงไหนในงานด้วยซ้ำ
    แบบนี้สินะ "ความตายครั้งแรก"
    ที่เรารู้จักและรับมือกับมัน...

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
robinismind (@robinismind)
เป็นกำลังใจให้นะคะ เราเข้าใจความรู้สึกคุณ ตอนย่าเราเสียเราก็เป็นแบบนี้เลยทำทุกๆอย่างเหนื่อยจะแย่แต่ไม่มีใครเลยถามเราสักคำว่าเรากินอะไรรึยัง ทุกคนเหมือนมากรีดแผลความรู้สึกในลึกขึ้น ตอนงานย่าเราก็ไม่ร้องเลยจนถึงวินาทีที่อยู่คนเดียวตอนล้างจานในงานเราถึงร้องออกมาเงียบๆ
overreachpeach. (@debbyjudycooper)
@robinismind ขอบคุณมากนะคะ เป็นกำลังใจให้เช่นกันนะคะ :)
Sarane Champa (@Sarane)
รุนแรงจริงๆค่ะ
overreachpeach. (@debbyjudycooper)
@Sarane ผ่านมาได้แบบงง ๆ เลยค่ะ แต่ตวามรู้สึกยังเหมือนเดิม