เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WHY ร้ายSALMON X VANAT
26: DR. WILY นักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างสงครามหุ่นยนต์
  • PROFILE
    NAME:
    Dr. Wily / Dr. Albert W. Wily
    FIRST APPEARANCE: วิดีโอเกม Rockman หรือ Mega Man (1987)
    GOAL: เอาชนะดร.ไลท์ และร็อคแมน

    Rockman (หรือที่คอเกมฝั่งอเมริการู้จักในชื่อ Mega Man) เป็นซีรีส์เกมฮอตฮิตที่ถูกผลิตมาแล้วหลายภาค มีอายุอานามเกือบสามสิบปี จนแทบไม่มีคอเกมคนไหนไม่รู้จักหุ่นยนต์หนุ่มหมวกฟ้าผู้มีปืนบัสเตอร์ต่างแขน กินถัง E เป็นอาหารที่มีชื่อว่า ‘ร็อค’

    โลกที่ร็อคอยู่คือโลกอนาคต ร็อคเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างโดย ‘ดร.ไลท์’ ซึ่งตลอดเรื่อง หน้าที่ของร็อคไม่มีอะไรมากนอกจากสู้กับศัตรูตัวฉกาจของดร.ไลท์ที่ชื่อว่า ‘ดร.ไวลี่’

    นักวิทยาศาสตร์ผมขาวหัวล้าน โหงวเฮ้งขี้โกงเต็มขั้นผู้นี้ เดิมทีเป็นเพื่อนสนิทกับดร.ไลท์ ทั้งคู่เป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับรางวัลโนเบล จับคู่กันผลิตหุ่นยนต์เพื่อช่วยเหลือมนุษย์มาตลอด แต่เนื่องจากดร.ไลท์มีวาสนาได้รับรางวัลก่อน ดร.ไวลี่จึงหงุดหงิดคิดว่าทำไมเจ้าไลท์มันได้ก่อน ทั้งที่ข้าเก่งกว่าตั้งเยอะ!

    จากนั้นแกก็เริ่มคิดหนทางที่จะเอาชนะดร.ไลท์ เริ่มจากการหักหลังไปยกเค้าหุ่นยนต์ของดร.ไลท์จนหมดตู้ ยกเว้นร็อคกับโรล (เพราะคิดว่าไม่น่าจะเก่ง เนื่องจากถูกออกแบบมาให้เป็นหุ่นยนต์ทำงานบ้าน) แล้วก็สร้างอาณาจักรของตัวเองให้เป็นโรงงานผลิตหุ่นยนต์ โดยเอาหุ่นยนต์ที่ขโมยมาทั้งหมดใช้เป็นอาวุธหลักในการก่อกวนและยึดครองโลก!

    แน่นอนว่าเรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นไปตามประสา ถ้าเราไม่ขว้างคอนโทรลเลอร์ทิ้งไปเสียก่อน ผู้ร้ายจะมาชนะพระเอกได้ยังไง ยิ่งร็อคเป็นประเภทยิ่งสู้ก็ยิ่งแกร่งแล้วด้วย เมื่อไหร่ที่สกรัมหุ่นยนต์ตัวไหนจนสิ้นพลังก็จะสามารถยึดอาวุธมาเป็นของตัวเองได้ ไม่ว่า ดร.ไวลี่ผลิตหุ่นยนต์ขึ้นมาต่อกรมากเท่าไหร่ ร็อคก็จะตามไปสอยจน ดร.ไวลี่บ้านบึ้มทุกภาคไป

  • BAD LIST

    • เกิดเป็นตัวร้ายก็ต้องร้ายทุกภาค ดร.ไวลี่มีความสามารถในการคัดสรรจัดแคมเปญหุ่นยนต์ ผลิตออกมาเป็นชุดให้เข้ากัน เช่น หุ่นยนต์ชุดประเทศ ชุดสัตว์ป่า ชุดเครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ แต่ที่ร้ายกาจที่สุดคือใน Rockman 9 เขานำความรู้สึกโกรธแค้นของหุ่นยนต์มาล้อเล่น สร้างเรื่องใส่ร้าย ดร.ไลท์ และปั่นหูพวกหุ่นยนต์ให้ยิ่งโมโห ทวีความเกลียดชังอย่างรุนแรง

    • เมื่อถูกชาวร็อคถล่มจนพ่ายแพ้ ดร.ไลวี่จะคุกเข่าลงกับพื้นร้องขอความเห็นใจ สาบานว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก และเมื่อร็อคใจอ่อนปล่อยตัว เขาก็ไปผลิตหุ่นยนต์กลับมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    • สุดท้ายเมื่อเอาตัวไม่รอด ก่อนตายไปก็ยังอุตส่าห์ผลิตไวรัสคอมพิวเตอร์ลงในหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายที่ชื่อว่า ‘ซีโร่’ (ปรากฏตัวในซีรีส์ X ซึ่งเป็นภาคต่อตามเนื้อเรื่อง) เขาวางโปรแกรมเอาไว้ว่าซีโร่จะต้องทำลายล้างโลกให้ได้เพื่อตอบสนองตัณหาของตัวเอง และเป็นการประกาศให้โลกได้รู้เสียทีว่าเขาชนะ ดร.ไลท์และร็อคได้แล้ว
  • IN-DEPTH
    โดย วณัฐย์ พุฒนาค


    ‘ดร.ไวลี่’ เป็นตัวร้ายบอสใหญ่ที่โผล่มาทุกรอบ (ขนาดตายไปแล้วในซีรีส์ X พี่แกยังกลับมาหลอกหลอนในรูปแบบไวรัสในตัว ‘ซีโร่’ หุ่นยนต์ตัวสุดท้ายของตัวเองได้อีก)

    ความร้ายของดร.ไวลี่ไม่มีอะไรมาก เขาแค่ต้องการจะสร้างอาณาจักรหุ่นยนต์เพื่อปกครองโลก โดยเขาถูกออกแบบให้มีลุคเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง (Mad Scientist) คือสวมเสื้อกาวน์ยาว ท่าทางเพี้ยนๆ ดูจีเนียสแต่ออกไปทางไม่เต็มเต็งและที่สำคัญมีผมฟูๆ บานๆ คล้ายอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

    ในทางวรรณกรรมจะเรียกตัวละครที่มีภาพเฉพาะตัวติดมาแบบนี้ว่า Stock Character คือเหมือนมีอยู่ในคลังอยู่แล้ว เช่น ถ้าพูดถึงตัวละครนักวิทยาศาสตร์จะต้องผมฟูๆ ดูต๊องๆ โดยไอ้ตัวละครในคลังแบบนี้มีเยอะแยะเลย พูดปุ๊บนึกออกปั๊บ เช่น ตัวละครหญิงร้าย (Femme Fatale—สาวๆในเจมส์บอนด์เป็นต้น) เจ้าหญิงพีช (ใน Super Mario Bros.) ก็เป็นตัวละครแบบที่เรียกว่า Damsel in Distress คือนางเอกที่ช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากเงื้อมมือสัตว์ประหลาดไม่ได้ ต้องรอให้คนมาช่วย หรือกระทั่งตัวละครแบบชายชราผู้ทรงภูมิ (Wise Old Man) ผู้มีท่าทางเคร่งขรึม ใส่ผ้าคลุมยาว ใช้ชีวิตอยู่ในที่ห่างไกล มีหน้าที่ชี้นำตัวเอกก็ถือเป็นตัวละครในคลังเช่นกัน

    นักวิทยาศาสตร์อย่างดร.ไวลี่ร้ายได้ก็เพราะมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ที่ในท้ายสุดมันคือพลังซึ่งเป็นได้ทั้งพลังสร้างสรรค์และพลังทำลายล้าง โดยพลังพวกนี้นี่แหละที่ดึงดูดให้ลุงธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นพวกสติเฟื่องใช้วิทยาการต่างๆ เป็นเครื่องมือในการทำเรื่องร้ายๆ อย่างการยึดครองโลก

    ความร้ายของดร.ไวลี่ไม่ได้มีแค่เรื่องเทคโนโลยีหรือสิ่งประดิษฐ์ของตัวเองอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่ความฉลาด (ที่ชั่วร้าย) ในระดับอัจฉริยะของเจ้าตัวด้วย ซึ่งถ้าใครคิดว่าตัวร้ายแบบนี้ต้องพึ่งอาวุธหรือหุ่นยนต์อย่างเดียวนั่นไม่จริง เพราะต่อให้ไม่มีหุ่นยนต์พี่แกก็สามารถใช้ความสามารถในการโน้มน้าวและควบคุมบงการได้ ถึงขนาดหลอกล่อให้หุ่นยนต์ฝ่ายดีของ ‘ดร.ไลท์’ หลงกล และยอมให้ดร.ไวลี่ซ่อมแซมจนถูกตั้งโปรแกรมใหม่ให้กลายเป็นสมุนไปอีกตัว
  • นอกจากมุมร้ายแล้ว ดร.ไวลี่ยังมีมุมดีๆ ที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง เช่น การแสดงความรักและความหลงใหลในสิ่งที่ตัวเองทำ โดยเฉพาะหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายคือ ‘ซีโร่’ ดร.ไวลี่แสดงความรักต่อซีโร่ในฐานะพ่อ ถึงขนาดเรียกซีโร่ว่าเป็น ‘ลูกชาย’ 

    ปมที่น่าคิดคือจากที่ดร.ไวลี่เคยร่วมอุดมการณ์สร้างโลกสดใสด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ กลับผันตัวไปอยู่ฝ่ายร้ายด้วยความอิจฉาและต้องการจะเอาชนะเพื่อนร่วมงานอย่างดร.ไลท์ที่เหนือกว่าในทุกด้าน เพราะเป็นผู้ที่คิดค้นวิทยาการระดับยิ่งกว่า สตีฟ จ็อบส์ คือสามารถสร้างหุ่นยนต์ที่มีลักษณะเป็นมนุษย์ได้ แต่ ดร.ไวลี่ดันล้มเหลวและก้าวตามไม่ทัน

    เมื่อเอาดีทางสร้างไม่ได้ เขาจึงหันไปเอาดีทางทำลายล้างแทน

    ดร.ไวลี่เป็นตัวร้ายแบบนักวิทยาศาสตร์หลงผิด ลึกๆ แล้วแสดงถึงความวิตกกังวลของมนุษย์ที่มีต่ออำนาจของความรู้และวิทยาการของตัวเอง ซึ่งที่จริงก็วิตกกันมานานมากตั้งแต่ยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เนื่องจากอำนาจวิทยาการรวมถึงศักยภาพของมนุษย์นั้นมีมาก หากตกไปอยู่ในมือคนผิดก็จะเกิดหายนะแก่มวลมนุษย์ได้ ที่เห็นได้ชัดหน่อยก็สงครามโลกทั้งหลายที่พลังของวิทยาศาสตร์ทำให้คนตายทีเป็นเบือได้

    ความวิตกนี้ไม่ได้หยุดแค่ว่าจะตกอยู่ในมือ ‘ผู้ใช้’ ที่ไม่เหมาะสม แต่เริ่มมีความกลัวว่าวิทยาการหรือหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับใช้มนุษย์ สุดท้ายแล้ว มนุษย์จะไม่สามารถควบคุมได้ หรือมันไม่ยอมให้เราควบคุมอีกต่อไป และหุ่นยนต์ก็จะกลายเป็นศัตรูของมนุษย์อย่างที่เห็นตามหนังไซไฟหุ่นยนต์ครองโลกทั้งหลาย

    บางทีเทคโนโลยีที่ดีก็ไม่ได้นำแต่เรื่องราวดีๆ มาสู่มนุษย์เสมอไป แต่ก็คงไม่ได้แย่ไปหมด (หรอกมั้ง)

  • “I promise to be good! I’m a changed man! Please don’t hurt me!”
    “ฉันสัญญาว่าจะเป็นคนดี! ฉันจะเปลี่ยนตัวเอง! ได้โปรดเถอะนะ อย่าทำอะไรฉันเลย!”

    —Dr. Wily

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in