เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WHY ร้ายSALMON X VANAT
12: SHOCKER COMBATMENเหล่าลูกกระจ๊อกที่ดังยิ่งกว่าบอส
  • PROFILE
    NAME: Shocker Combatmen
    FIRST APPEARANCE: ทีวีซีรีส์ Kamen Rider ตอน ‘The Mysterious Spider Man’ (1971)
    GOAL: ช่วยองค์กรช็อคเกอร์ยึดครองโลก

    แม้จะเป็นองค์กรที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก แต่การหวังจะเป็นที่หนึ่งในโลกไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะต่อให้มีทหารเป็นล้านนาย แต่ถ้าไม่มีคนที่เก่งกาจเพียงพอ เป้าหมายขององค์กรก็คงไม่สำเร็จ

    องค์กรช็อคเกอร์จึงวางแผนเฟ้นหามนุษย์ที่มีความสามารถ ใครเป็นยอดนักกีฬาและมีไอคิวเป็นเลิศจะถูกจับมาดัดแปลงเป็นมนุษย์ทดลองที่มีพลังล้นหลามและสามารถแปลงร่างได้ แต่ความที่จับแต่คนฉลาด ทำให้ทันทีที่การทดลองผิดพลาด ‘ทาเคชิ ฮอนโก’ นักแข่งรถจักรยานยนต์และนักศึกษาวิชาเคมีก็เผ่นแน่บออกจากแล็บทดลองและเอาพลังที่ได้มาใช้ปราบขบวนการช็อคเกอร์ภายใต้ชื่อ ‘คาเมนไรเดอร์ 1’ หรือ ‘ไอ้มดแดง วี 1’ เสียเอง

    เมื่อการทดลองผิดพลาด หัวหน้าใหญ่ขององค์กร (ซึ่งตั้งอยู่ที่ยุโรป) ก็จัดการส่งเหล่าร้ายและปีศาจมาก่อความไม่สงบในญี่ปุ่น โดยพวกเขาทั้งหมดมีหน่วยสนับสนุนที่ชื่อว่า ‘ทหารของช็อคเกอร์’ (Shocker Combatmen) หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม ‘กีกี้’

    มองอย่างผิวเผิน เจ้ากีกี้เป็นเพียงแค่ลูกสมุนที่รอเวลาถูกทำลาย แม้จะมีพวกเยอะขนาดไหน แต่ปรากฏตัวเมื่อไหร่ พวกมันก็โดนพลพรรคคาเมนไรเดอร์สารพัดเบอร์กระโดดถีบเรียบและกลายเป็นแค่ทางผ่านให้เหล่าพระเอกหันไปสู้กับเหล่าบอสต่อ 

    แต่ใครจะรู้บ้างว่าแท้จริงแล้ว ความสามารถของเหล่าช็อคเกอร์เอาชนะคนทั่วไปได้สบาย (แต่ดวงไม่ดีที่กล้องมาจับได้ตอนมันปะทะไอ้มดแดงตลอด) แถมต่อให้ถูกทำลายแค่ไหน หากมีภาคต่อๆ ไป เหล่ากีกี้ก็พร้อมจะกลับมาด้วยพัฒนาการที่เพิ่มมากขึ้น

    จากเดิมที่สวมชุดดำ ใส่หมวก มีผ้าพันคอสีแดงก็พัฒนาเป็นสวมหน้ากาก ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นสวมไอ้โม่ง มีเครื่องแบบเป็นลายกระดูกที่คุ้นตากันดี (หากมีการลักพาตัว องค์กรจะใช้บริการกีกี้เพศหญิงแทนเพื่อความนุ่มนวล) แถมรุ่นหลังยังเพิ่มความสามารถให้ตัวเองด้วยการเป็นระเบิดพลีชีพ แต่ถึงอย่างนั้น บรรดาทหารหาญของช็อคเกอร์ก็ถูกจดจำได้เพียงแค่เสียงร้องที่สุดแสนจะมีเอกลักษณ์ “กี้ กี้ กี้” เท่านั้น

    เศร้าแทน
  • BAD LIST

    • หลังจากที่ฮอนโกหนีจากห้องทดลองได้ องค์การช็อคเกอร์สั่งให้ 'สไปเดอร์แมน' หรือ ‘ปีศาจแมงมุม' ไปลากตัวกลับมา แต่เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน แทนที่สไปเดอร์แมนจะสู้กับคาเมนไรเดอร์ มันกลับปล่อยให้ทหารช็อคเกอร์ออกมาวาดลวดลายก่อนด้วยการมอบอาวุธที่เหมือนไม้กระบองให้ บรรดากีกี้ตกอยู่ในอารามดีใจว่าข้ามีอาวุธ พากันตีวงล้อมรอบคาเมนไรเดอร์ หมุนไปซ้ายที ขวาที แต่ไม่ยอมเข้าไปสู้สักที จนสุดท้ายก็โดนคาเมนไรเดอร์แย่งอาวุธและจัดการเรียบ…

    • แม้เป็นทหารแต่ด้วยความสามารถที่ต่ำต้อยกว่าคาเมนไรเดอร์ ทำให้ไม่ว่าจะสู้กันกี่ครั้ง กีกี้ก็พ่ายแพ้ ต่อให้มีอาวุธก็โดนแย่ง สิ่งที่พวกเขาทำได้ดีที่สุดจึงหนีไม่พ้นการลักพาตัวมนุษย์ ยืนเต๊ะท่าเป็นแบล็คกราวด์เวลาปีศาจตัวต่างๆ ออกฉาก หรือไม่ก็ออกมาสู้กับคาเมนไรเดอร์เพื่อให้ถูกฆ่าทิ้งเล่นๆ เท่านั้น

    • ทั้งนี้ทั้งนั้น ความที่องค์กรทันสมัยขึ้น ในภาคหลังๆ เหล่าทหารช็อคเกอร์ก็พัฒนาขึ้น พวกมันไม่ต้องคอยวิ่งล้อมคาเมนไรเดอร์แล้ว กีกี้ถูกดัดแปลงให้บินได้แถมมีระเบิดฝังอยู่ในตัว จนกลายเป็นมือระเบิดพลีชีพที่ร้ายกาจ! (แต่ตายง่ายอยู่ดี)
  • IN-DEPTH
    โดย วณัฐย์ พุฒนาค

    มาถึงตัวร้ายที่ใครก็จำได้เวลานึกถึงขบวนการฮีโร่อย่าง ไอ้มดแดง หรือขบวนการห้าสีทั้งหลาย ไอ้พวกลูกสมุนชุดดำชุดขาว (ใส่ชุดยางยืดดูน่าตลก) ที่หน้าตาเหมือนกันไปหมด (คือมันไม่มีหน้า) ปรากฏตัวทีเป็นฝูงและร้องว่า “กี้ๆๆๆๆ!” (อะไรของมัน)

    แม้หนังชุดฮีโร่ที่ว่าจะมีหลายเรื่อง หลายเวอร์ชั่น แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแทบทุกเรื่องล้วนต้องมีตัวร้ายที่ทำหน้าที่เป็นพวก ‘ลูกกะจ๊อก’ อยู่เสมอ พูดง่ายๆ คือ นอกจากทีมตัวเอกที่มีหลายตัว (ส่วนใหญ่มีห้าสี) ทีมวายร้ายก็ไม่ได้มีแค่บอส แต่ต้องมีพวกสมุนเหล่านี้อยู่ด้วย ซึ่งการมีอยู่ของพวกมันก็มักจะมากันเป็นฝูง คอยกลุ้มรุมกลุ่มฮีโร่หลากสี ก่อนจะถูกถีบกระเด็นภายในพริบตาด้วยอาวุธสุดล้ำ แล้วก็บ๊ายบายตายสลายตัวไปพร้อมประกายไฟหรือแรงระเบิดจากอาวุธของแก๊งพระเอก

    แม้จะดูเหมือนไม่สำคัญแต่เอาเข้าจริง พวกกีกี้เหล่านี้ก็เป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ เป็นแรงงานประเภทตัวประกอบสุดอดทน ออกมาแวบเดียวก็ตาย ไม่เห็นจะมีประสิทธิภาพอะไร วิ่งโวยวายกันไปวันๆ แต่นัยของความ ‘มีเยอะ’ ของตัวประกอบพวกนี้คือเอาไว้แสดงแสนยานุภาพทั้งของฝ่ายร้ายและฝ่ายพระเอกเอง 
  • สำหรับฝ่ายร้ายการที่มีสมุนออกมาเยอะๆ ดาหน้าเข้าลุยก็เป็นฉากที่อลังการดี ยิ่งเยอะยิ่งแสดงให้เห็นแสดงบารมี แต่บทบาทแท้ๆ ของเหล่าสมุนชุดยางก็คือฉากที่พวกมัน (จำนวนมาก) ถูกระเบิดระดับคลังแสงของ #ทีมพระเอก จนกระเด็นยับเยินไปคนละทาง แล้วเมื่อผู้ชมและเด็กๆ เห็นดังนั้นก็รู้สึกว่า โห พระเอกของเราโคตรทรงพลังเลย

    และประโยชน์อีกข้อของการสร้างตัวละครลูกกะจ๊อกก็คือเป็นข้อแก้ตัวของ ‘สหบาทาคุณธรรม’ (หรือพูดง่ายๆ ได้ว่ารุมตื้บ) สร้างเหตุมารองรับว่าทีมพระเอกรุมตัวร้ายได้ไม่ผิด ดูสิ ตัวร้ายมันมารุมเราก่อน ทั้งที่จริงๆ แล้วจำนวนลูกกระจ๊อกแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย แถมเวลาตัวเอกบู๊กับบอสของฝ่ายร้าย พระเอกก็มักจะเป็นฝ่ายรุม ทั้งจำนวนคนที่เยอะกว่า อาวุธที่มากกว่า แถมบางทียังมีการเรียกหุ่นยนต์สมทบออกมาได้อีกด้วยซึ่งข้ออ้างที่ทำให้ฝ่ายพระเอกใช้พลังสามัคคีสหบาทาด้วยยุโธปกรณ์ระดับทำเนียบขาวได้ได้โดยไม่รู้สึกผิด ก็คือเหล่าช็อคเกอร์พวกนี้นี่แหละ

    ถ้าในโลกของขบวนการห้าสีมีกลุ่มสมัชชาชาวช็อคเกอร์คงจะเดินขบวนประท้วง นัดหยุดงานหรืออดข้าวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเหล่านักแสดงสมทบผู้ซึ่งทำหน้าที่อย่างแข็งขันวิ่งหน้าตั้งรับกระสุนก่อนใคร แถมยังมีบทบาทเสมือนบันไดสู่ความสำเร็จที่ออกมาเพื่อให้ตัวเอกกระทืบและให้จอมมารได้หน้าแสดงพลังสู้กันสนุกสนาน ส่วนพวกมันน่ะหรือ บทบาทก็ไม่มี ชื่อเสียง หน้าตา เครื่องแต่งกายเฉพาะตัวยังเหมือนกันหมด แถมในยามสงบ พวกมันก็มีหน้าที่แค่ยืนเป็นฉากหลังเหมือนคนที่คอยเป็นแบ็คกราวด์ให้นักการเมือง ถูกใช้งานสารพัด ไม่น่าเกรงขามสักนิด ทั้งที่จริงๆ แล้วภูมิหลังขององค์กรช็อคเกอร์สัมพันธ์กับบริบทของสงครามโลกครั้งที่สอง 

    พวกมันเป็นองค์กรที่หลงเหลืออยู่ของนาซี คอยลอบลักพามนุษย์ก่อการทดลองชั่วๆ กับร่างกายเพื่อสร้างอาวุธชีวภาพในการครอบครองโลก แถมศูนย์ใหญ่ของช็อคเกอร์ก็ตั้งอยู่ในยุโรป แล้วคอยส่งเหล่าตัวร้ายเข้ามาก่อกวนประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริบทพวกนี้ ชวนให้นึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดของคนญี่ปุ่นที่สัมพันธ์กับสงครามไม่ใช่น้อย

  • หากลองสังเกตตัวร้ายในหนังญี่ปุ่นยุคเปลี่ยนผ่านจะเห็นได้ว่ามีลักษณะค่อนไปทางตะวันตก เนื่องด้วยญี่ปุ่นเป็นชาติที่ไม่ยินดีจะมีปฏิสัมพันธ์กับต่างชาติแต่ถูกบีบบังคับเนื่องจากพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ต้องเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้ามาข้องเกี่ยวกับกิจการภายใน ความพ่ายแพ้ดังกล่าวจึงถือว่าเป็นความทรงจำอันอัปยศ 


    การที่คนญี่ปุ่นสร้างตัวละครฮีโร่ขึ้นมาปกป้องประชาชน การให้ภาพความสำเร็จที่สามารถป้องกันและกำจัดพวกต่างด้าวออกไปอาจแสดงให้เห็นหรือสนองความปรารถนาลึกๆ ที่ญี่ปุ่นอยากจะปกป้องดินแดนของตัวเองจากภัยรุกรานจากนอกเกาะก็เป็นได้

    นอกจากนี้ ความร้ายขององค์กรช็อคเกอร์ยังอยู่ที่การทำการทดลองกับมนุษย์เพื่อเป็นอาวุธในการยึดครองโลก ซึ่งนั่นหมายความว่าองค์กรนี้มีวิทยาการที่สูงส่งไม่เบา ภาพของการเป็นตัวร้ายจากโลกตะวันตกและมีวิทยาการสูงจึงอาจเทียบได้กับวิทยาการทางการทหารของโลกตะวันตกที่เหนือกว่าญี่ปุ่นจนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ต่อสหรัฐฯ (หรือจะมองว่าตะวันตกทั้งแผงเลยก็ได้) 

    แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าไอ้มดแดงก็เป็นผลผลิตจากห้องทดลองของช็อคเกอร์ จึงอาจพอคิดได้ว่าญี่ปุ่นสร้างฮีโร่กลับคืนด้วยวิธี ‘ดาบนั้นคืนสนอง’ คือเอาผลผลิตของฝ่ายตรงข้ามกลับไปเล่นงานเสียเอง ในด้านหนึ่งมันก็เป็นการบอกกับคนญี่ปุ่นกลายๆ ว่า การรับเอาความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาก็เป็นเรื่องจำเป็นต่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ

    สิ่งที่ย้ำประเด็นเหล่านี้ให้ชัดเจนขึ้นก็คือบางส่วนจากหนังสือญี่ปุ่นสมัยใหม่: ความรู้ฉบับพกพา ในหนังสือได้มีการอธิบายถึงตัวร้ายของหนังสัตว์ประหลาดสมัยหนึ่งโดยเฉพาะ ‘ก็อดซิลล่า’ ว่าที่จริงเป็นการสร้างตัวร้ายที่มีพื้นฐานมาจากประวัติศาสตร์เกิดจากความวิตกกังวลในผลกระทบของนิวเคลียร์ เป็นผลจากความทรงจำอันเลวร้ายในเหตุการณ์ทิ้งนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ

    เห็นได้ว่าตัวร้ายมักถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของบริบททางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะความเจ็บปวดและความทรงจำของชาตินั้นๆ

    กระทั่ง ‘ตัวร้าย’ ของ ‘ตัวเรา’ ที่บ่อยครั้งก็เกิดจากความเจ็บปวดและความทรงจำของเราเอง

  • “YEE! YEE! YEE!”
    “กี้! กี้! กี้!”
    —Shocker Combatmen


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in