‘สวัสดีพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านนะครับ แล้วก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่มาฟังผมพูดวันนี้นะครับ’ ฟินน์ยกมือขึ้นไหว้สื่อมวลชนเกือบร้อยคนในห้องแถลงข่าว โดยมีแซนยกมือขึ้นตาม ไม่ทันที่แซนจะวางมือลงบนตัก ฟินน์ก็จัดการคว้าเอามือของเธอเข้ามาจับไว้ในทันที
เธอหันไปมองหน้าเขา แม้บัดนี้จะฉายแววอิดโรยชัด แต่มันยังแต่งแต้มไปด้วยความสดใสเฉกเช่นตลอดเวลาที่รู้จักกัน ฟินน์หันมาสบตากับแซนแล้วพยักหน้า ก่อนจะเริ่มต้นเอ่ยคำพูด
‘ทานข้าวกันรึยังครับ เที่ยงพอดีเลย’ มันเกริ่นแบบนั้น เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากนักข่าวรอบบริเวณได้เป็นอย่างดี
ก็อย่างว่าแหละนะ จะมีดาราสักกี่คนล่ะที่ออกมาแถลงข่าวกับแฟนท้องแก่ด้วยสีหน้าสดใสแบบนี้ จัสเล่าให้เธอฟังว่าในโซเชียลมีคนพูดกันด้วยซ้ำว่า นี่สงสัยอยากเปิดตัวมานานนะฟินน์ ยิ้มร่าเชียว อะไรแบบนี้
‘นี่แซนนะครับ’ เธอยกมือขึ้นไหว้ แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร ฟินน์ก็จัดการพูดก่อน ‘เราคบกันมาตั้งแต่สมัยที่ผมอยู่ปีสองครับ’
แสงแฟลชสาดจ้าไปหมด
ขอบตาของแซนร้อนผะผ่าวจากสัมผัสอบอุ่นและน้ำเสียงเข้มแข็งที่ฟินน์มอบให้ เธอกวาดสายตามองไปยังภาพเบื้องหน้า มองเห็นครอบครัวฟินน์นั่งอยู่แถวหน้า พร้อมยกมือเป็นกำลังใจให้อย่างน่ารัก ส่วนมุมห้องก็เป็นจัสตินที่ถือกล้องวิดิโอ ยืนอยู่ข้างกันกับเท็น ดีน ยูตะ และเอย โดยพวกมันห้าคนกำลังตั้งใจฟัง และพอสบตากับแซนปุ๊บ จัสก็ยิ้มกว้างแล้วบอกให้แซนยิ้มตามไปด้วย
‘จริงๆ ก่อนหน้านี้ผมเองก็ไม่ได้ปิดเรื่องแซน แฟนๆ ที่ติดตามกันมาตั้งแต่สมัยเรียน น่าจะพอเคยเห็นภาพผมกับแซนถ่ายด้วยกันบ้าง แล้วผมเองก็ยังไปคอมเมนต์ในไอจีของแซนอย่างสม่ำเสมอ.. ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรจริงๆ ครับ..
‘แต่ต้นปี ผมต้องไปทำโปรเจคที่เกาหลี แล้วเราสองคนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน’
แซนบีบมือของฟินน์เป็นเชิงให้เขาหันมามองหน้าเธอ ก่อนหญิงสาวจะหยิบไมค์ขึ้นมา แล้วเริ่มต้นพูดบ้าง
‘หลังจากนั้นแซนก็พบว่าเราสองคนพลาดค่ะ’ เธอพูดด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งกว่าที่ตัวเองคิดไว้ว่าจะทำได้ -- แซนค่อยๆ หันใบหน้ามามองสื่อมวลชนที่อยู่ตรงหน้า แล้วกระชับมือให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ‘แซนไม่เคยบอกฟินน์ว่าเกิดอะไรขึ้น ครอบครัวของฟินน์ไม่เคยทราบเรื่องนี้อย่างที่เป็นข่าว ไม่มีใครกีดกันแซนออกจากฟินน์ทั้งนั้น นอกจากตัวแซนเอง เพราะแซนบอกเลิกกับเขาตั้งแต่ทราบว่าตัวเองกำลังมีน้องค่ะ...
‘ครอบครัวของแซนทุกคนพยายามบอกให้แซนพูดเรื่องนี้กับฟินน์ และเท่าที่ทราบมา ฟินน์เองก็พยายามหาคำตอบเหมือนกันว่าทำไมแซนถึงหายไป ฟินน์พยายามตามหาทุกทางแล้วจริงๆ ค่ะ’ เธอยิ้ม -- มองเห็นยูตะยื่นนิ้วโป้งโดยมีดีนส่งทิชชู่ให้เป็นระยะ
‘แต่สุดท้าย จะหนียังไง ก็หนีความจริงไม่พ้นใช่มั้ยล่ะคะ’
‘…’
‘เราสองคนพบกันอีกครั้งโดยบังเอิญ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้แซนต้องบอกความจริงกับเขา’
‘หมายความว่าถ้าไม่ได้เจอ ก็จะไม่บอกเรื่องนี้ให้เขาได้รู้เลยใช่มั้ยคะ’ พี่นักข่าวบันเทิงถามแทรกขึ้นมา และนั่นคือครั้งแรกที่น้ำตาของเธอคลอบนเวที
แซนหันไปมองหน้าฟินน์ เขายิ้มให้เธออีกครั้ง พลางขยับตัวให้เรานั่งใกล้กันมากขึ้น ก่อนที่แซนจะเอ่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง ‘ใช่ค่ะ และแซนตัดสินใจพลาดเอง ก่อนอื่นแซนต้องขอโทษครอบครัวของฟินน์มา ณ ตรงนี้จริงๆ ค่ะ แซนคิดน้อยไป’
‘แต่ที่เธอทำแบบนี้ก็เพราะอยากปกป้องเรานี่ ใช่ปะ’ ฟินน์แทรก
‘มันอาจจะฟังดูโง่ แต่มันก็โง่จริงๆ ค่ะ แซนทำแบบนี้ไปเพราะเห็นว่าอนาคตของเขากำลังไปได้ไกล และถ้าเขาไม่มีเรามันคงจะดีกว่า’
‘ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ผมคิดเสมอว่าอนาคตอยากมีเขาแบบนี้ตลอดไป และนั่นคือเหตุผลที่ผมขอมาพูดกับแฟนๆ และพี่ๆ สื่อมวลชนในครั้งนี้ ว่าผมกำลังจะสร้างครอบครัวกับผู้หญิงคนนี้ครับ’
เธอหันไปมองเขาอีกครั้ง
‘ผมยอมรับว่าเด็กในท้องคือลูกของผม และต้องขอโทษแฟนๆ ทุกคนจริงๆ ที่ทำให้ผิดหวังนะครับ’
‘…’
‘ต่อไปนี้ ถ้าผลจะเป็นยังไง ผมจะยอมรับมัน เพราะผมผิดเอง อย่าโทษแซนเลยนะครับ’
‘แซนคิดยังไงคะ ที่หลายคนคิดว่าเราท้องเพื่อจะจับฟินน์ และเรื่องนี้อาจจะทำให้เขาดับได้เลยนะ’
‘คิดว่าไม่แปลกที่จะคิดแบบนี้ค่ะ เพราะตอนนี้เขาก็ไปได้ดีมากจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่ทำไมแซนถึงปิดเขาตั้งแต่แรก แต่แซนไม่เคยคิดจะจับเขาเลยค่ะ ไม่เคยจริงๆ’
‘สิ่งนี้ผมยืนยันได้ครับ เขาไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย และเขาก็คิดถึงอนาคตผมมากกว่าเรื่องอื่นเลย’
‘แล้วหลังจากนี้จะทำยังไงต่อไปคะ’
ฟินน์ยิ้มกว้าง แล้วตอบเสียงจริงจัง
‘ก็จะดูแลเขากับลูกให้ดีที่สุด เพื่อทดแทนเวลาที่ไม่ได้ดูแลครับ’
งานแถลงข่าวจบลงไปด้วยดี -- โดยที่ทันทีที่เราสองคนเดินออกไปพ้นตาสื่อมวลชน แซนก็คว้าตัวฟินน์เข้ามากอด แล้วซบหน้าลงกับไหล่เขานิ่งๆ
‘จบแล้ว’ ฟินน์พูดขณะลูบหลังของคนตัวเล็กไปด้วย ‘ต่อจากนี้ไม่ต้องแอบอะไรแล้วเนอะ’
‘ขอโทษ’ แซนเสียงสั่น เขาสัมผัสได้ว่าไหล่กำลังเปียก ‘ขอโทษนะ’
‘ขอโทษทำไม’
‘ทำพังหมดเลย’
‘ไม่พังซะหน่อย’
‘พัง’
‘โอ๊ย จะร้องไห้อีกทำไมเนี่ยแซน’
‘ไม่รู้’
‘โอเคๆๆ ไม่พูดแล้ว’
เราสองคนกอดกันเหมือนเด็กๆ โดยที่ฟินน์โยกตัวไปด้วยให้ว่าที่คุณแม่ได้สงบ ก่อนที่แซนจะได้เปลี่ยนจากร้องไห้เป็นด่า เมื่อกองทัพเพื่อนโผล่เข้ามาพร้อมลูกโป่งแสดงว่ายินดีว่า welcome back
ที่ด่าเพราะมันเสือกปริ๊นไวนิลรูปแซนสมัยเรียนมาด้วย แถมยังใส่หมวกปาร์ตี้อีก
‘มึงเป็นเหี้ยไรกันเนี่ย’
นั่นคือคำสุดท้าย ก่อนที่แซนจะโดนดีนล็อคคอ แล้วโดนจัสจับเค้กยัดปาก
อยากพูดอะไรถึงแซนมั้ย
อันนี้มึงไม่ได้เตี๊ยมกูมานะพี่จัส
กูจะให้พูด
- ไอ้เหี้ย ต่อหน้าเลยหรอ
อีแซน มึงออกไป
- กูเป็นเจ้าสาวนะ
‘ถามจริง
‘จริง’
ใครจะไปคิดว่าภาพนี้จะเกิดขึ้นวะ..
ภาพที่เราสองคนเดินจับมือกันอยู่ริมแม่น้ำแซน แล้วจู่ๆ อีฟินน์ก็ทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ -- คือแปป มึงเป็นอะไร มึงเป็นอะไรของมึง
‘มึง เรามีลูกแล้วนะ’
‘แล้วไง’
‘อิควาย มึงอำกูปะ’ แซนในเดรสสีขาวร้องเสียงสูง คือบอกตรงๆ ว่าเซอร์ไพรซ์ ถึงมันจะพูดทีเล่นทีจริงมาตลอดว่าไปฝรั่งเศสรอบนี้จะขอแต่งงาน เตรียมชุดขาวไปด้วยนะ แต่แซนไม่คิดจริงๆ ว่ามันจะทำจริงๆ
ถึงมันจะย้ำว่าให้ฝากวีว่าไว้กับแม่ แต่ใครจะคิดวะว่ามันจะขอแต่งงาน อีบ้า
‘อย่าพูดคำหยาบดิแม่’
‘มึง กูไม่เล่นนะ’
‘ก็ไม่ได้เล่น’ ฟินน์ทำหน้าจริงจัง
‘ฟินน์ อีเหี้ย’
‘เลิกด่าได้มั้ย แล้วฟังผม’
‘มึง’
‘จะร้องทำไม ฟังดิ’
‘มึงขอกูแต่งงานอะ’
‘ยังไม่ได้ขอ เธอเงียบก่อน’
‘มึง กูไม่เล่นอะ’ แล้วแซนก็ยืนย่ำเท้าเป็นเด็กๆ ท่ามกลางสายตาของชาวปารีส โดยมีฟินน์นั่งหัวเราะเป็นหมา ขณะถือกล่องใส่แหวนขึ้นมาตรงหน้า
‘รู้ว่ามาช้า.. แต่มาแล้วนะ’
‘…’
‘มาทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้แล้ว’
‘…’
‘เคยบอกไว้แล้วตั้งแต่ตอนคบกันใหม่ๆ ว่าจะมาขอแต่งงานท่ี่ริมแม่น้ำแซน แล้วก็เย้ วันนี้มาขอแล้วจริงๆ เห็นมั้ย’
‘…’
‘ตลอดเวลาที่คบกันอะนะ ฟินน์มีความสุขทุกวันเลย ต่อให้ตอนที่เราเลิกกันไป คิดถึงแซนทีไรฟินน์ก็ยังมีความสุข .. ดังนั้นวันนี้ก็เลยจะมาขอแซนทำอะไรที่อยากทำมาตลอดสักที’
แซนร้องไห้เป็นหมา -- ต้องใช้คำนี้จริงๆ เพราะน้ำหูน้ำตามันมาจากไหนไม่รู้ ยิ่งร้องหนักขึ้นคือตอนที่ฟินน์เริ่มต้นร้องเพลงของขวัญ
ตอนนั้นแซนรู้สึกเหมือนว่าน้ำเสียงของหมายักษ์ของเธอกำลังพาเราสองคนย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน กลับไปที่ใต้ถุนคณะ มีแซนนั่งอยู่บนโต๊ะแกะ ส่วนฟินน์ก็ถือไมค์ร้องเพลงโดยมีจัสช่วยเล่นคีย์บอร์ดให้
‘มีเพียงคำว่ารักที่สองเรานั้นเข้าใจ
รักเพียงเธอและตลอดไป..
แค่เธอกับฉัน’
‘ไอ้บ้า’
‘แต่งงานกันนะครับ’
คำตอบคือการพยักหน้ารัวๆ ของแซน แล้วฉุดแขนของอีกฝ่ายให้ขึ้นมากอดกันแน่น
และนั่นคือการย้ำให้แซนมั่นใจ ว่าเราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไปจริงๆ
- คือจริงๆ แล้ว จินตนาการตัวเองไม่เคยออกเลยนะ ว่าถ้าไม่มีแซนแล้วจะทำยังไง
และที่สำคัญ ขอบคุณที่เราสองคนมีลูกที่น่ารักด้วยกัน
‘เธอจะร้องทำไม แซนคือคนเรียนจบนะเว้ย ไม่ใช่เธอ’
‘ไม่รู้โว้ย อย่าแซวได้มั้ย’
‘โอ๊ย ใครแซวมึงอะ’
‘แซนนั่นแหละ’
‘อีบ้า มากอดมา’
ถ้ามันจะเหนื่อย ก็คือความเหนื่อยที่มีความสุขมากๆ
ขอบคุณจริงๆ นะแซน
ขอบคุณที่ยอมบ้าไปด้วยกัน
แล้วก็ขอบคุณมากๆ ที่มาสร้างครอบครัวด้วยกันแบบนี้
‘ร้อนมั้ย’
‘มาก ร้อนกว่าวันรับปริญญาแซนอีกอะ’
‘เธอกลับบ้านไปเลยก็ได้นะ ฟินน์อยู่เองได้ เดี๋ยวพอกลับไปฝั่งคณะแฟนคลับน่าจะมาเยอะอะ เดี๋ยวเธอเหนื่อย’
‘ไม่เป็นไรดิ งานแซนเธอยังอยู่ด้วยทั้งวันเลย’
อาจจะผิดสัญญาไปบ้าง ที่จะอยู่กับเธอทั้งเวลาที่แย่และเวลาที่ดี
แต่ต่อจากนี้ไป
จะจับมือเธอแล้วพาเธอผ่านทุกเรื่องแย่ๆ ไปเอง
ไว้ใจฟินน์นะ
เพราะฟินน์จะทำตามสัญญาจริงๆ ครับ
วีทีอาร์งานแต่งงานจบลงพร้อมด้วยคลิปเราสองคนตั้งแต่สมัยเรียน ประกอบกับเพลง Perfect ของ Ed Sheeran มันเป็นวีทีอาร์ฝีมือของจัสติน และเป็นไปตามคาด แซนร้องไห้เป็นหมาอยู่บนเวทีอีกแล้ว
วันนี้เป็นงานแต่งงานของเราสองคน -- งานที่แซนไม่เคยอยากจะจัด แต่ฟินน์มันบอกว่าอยากจัดให้ ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตามใจมันสักครั้ง
‘จะไม่ทำให้แซนต้องเหนื่อยเลย’ มันสัญญาแบบนั้น ว่าจะจัดการงานแต่งให้ทั้งหมด ทั้งๆ ที่งานเยอะเป็นควาย แต่มันก็ทำอย่างที่พูดได้จริงๆ เพราะมันกันแซนออกจากทุกขั้นตอน แล้วมอบหน้าที่ให้กับสารพัดเพื่อนของเราและตัวมันเองเป็นคนจัดการทั้งหมด อย่างออแกไนซ์ ก็คือไปติดต่อให้พี่ฟ้ามาช่วย งานแต่งหน้าทำผมก็ดีลทุกคนมาช่วยตั้งแต่พี่วิน พี่แนน พี่ปุยฝ้าย และสารพัดพี่เพื่อนน้อง ขนาดวงดนตรีมันยังไปดีลเค้กกับแก้มมาช่วยเล่น ตอนแรกก็จะเอาจัสตินมาเล่นด้วย แต่จัสรับหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวที่จัดทำคลิปทุกอย่างไปแล้วมันเลยสงสาร ก็เลยกลายเป็นจอห์นเจอาร์หมิงเค้กจีแก้มมาเล่นให้แทน.. ส่วนเรื่องตกแต่งหน้างานกับสถานที่ ก็เป็นฝีมือพี่ดีน ที่ลากคออีเอยและเท็นมาช่วยจัดการให้ทั้งหมด
และจริงๆ
แซนก็เริ่มคิดแล้วว่า รอยยิ้มของฟินน์ที่อยู่ในสูทสีแดงมารูนตรงหน้า กำลังย้ำเตือนให้เธอเชื่อว่าไอ้งานไร้สาระนี่มันคุ้มค่ากับเงินและเวลาที่เสียไปจริงๆ
“ไหนๆๆๆ ขอฟังความรู้สึกกันหน่อยได้มั้ย” พิธีกรวันนี้คือพี่ยูตะ อดีตประธานเชียร์ที่พ่วงหน้าที่เพื่อนเจ้าสาว ตอนนี้กำลังยื่นไมค์ไปให้แซนในชุดแต่งงานสีขาวให้พูดอะไรสักอย่าง โดยมีฟินน์ยืนหัวเราะเมื่อแม่คุณของเขาทำท่าจะด่ายูตะว่ามึงจะให้กูพูดอะไรตอนนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องพูด
“ก็ดีใจ”
“แค่นี้หรอ”
“ก็จะให้พูดไรอีกอะ”
“ว้ากทำไม ไม่ใช่ห้องเชียร์”
“ก็คือ แบบ ซึ้ง เออ ซึ้งมาก” แซนพูดไปเช็ดน้ำตาไป “คือก็ขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้เกิดงานนี้ ขอบคุณจัสที่จัดการคลิปให้ทั้งหมด”
เธอมองเห็นเพื่อนจากบนเวที จัสตินยืนซับน้ำตาอยู่กับเท็นที่หัวเราะลั่น
“คือมันแบบ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน แล้วก็ขอบคุณฟินน์ที่ทำให้ คือแบบ พอได้มั้ัย เลิกทำอะไรแบบนี้ได้แล้ว ซึ้งจะตายแล้วอะ คือตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟินน์ทำให้เยอะแล้ว พอแล้วได้มั้ย ซึ้งจะตายแล้วจริงๆ”
ฟินน์ขำไปปรบมือไปบนเวที แล้วก็ลากแซนเข้ามาโอบไว้แน่นๆ
“คือก็คิดมาตลอดว่าตัวเองโชคดีที่มีแต่คนดีๆ ในชีวิต แต่มันก็เซอร์ไพรซ์ตลอดเลย”
“อยากเซอร์ไพรซ์กว่านี้อีกมั้ย” ยูตะถาม แล้วก็ไม่รอให้แซนตอบ
คลิปพิเศษก็ถูกเปิดขึ้นบนโปรเจคเตอร์
มันเป็นคลิปที่เปิดมาด้วยภาพของแซนสมัยเฟิร์สเดท
มันคือคลิปที่เพื่อนๆ กลุ่มแยกภาค/เรียนจบ/แต่งงานกลุ่มห้ามแตกทำให้แซนกับฟินน์เป็นพิเศษ รันมาตั้งแต่วันแรกสมัยเฟิร์สเดท ไปจนถึงเมื่อวานตอนที่เรานั่งรันงานกันกับออแกไนซ์
‘ห้ามงอแงแล้วนะ’ จัสในเชิ้ตดำพูดในคลิป ‘โตจนลูกหนึ่งแล้ว แต่ยังไงก็ตาม มึงก็ยังเป็นคนเดิมแบบที่วันแรกที่เราเจอกันอยู่ดีนะ’
‘กูมั่นใจว่ามึงต้องร้องไห้ ก็ให้ฟินน์เช็ดน้ำตาแล้วกัน’ ยูตะในคลิปเสริม เรียกให้เธอหันไปมอง และใช่ แซนร้องไห้จริงๆ ไอ้บ้าเอ๊ย
งานบ้าอะไรทำเธอร้องไห้มาตั้งแต่งานหมั้น ตอนที่กราบตักป๊ากับแม่แล้วรับคำอวยพรว่าขอให้อยู่กับฟินน์ตลอดไปจนแก่ อดทนให้มากๆ เป็นแม่คนแล้วอะไรแบบนั้น แถมร้องเป็นหมาตอนที่ฟินน์บอกป๊ากับแม่ว่าจะดูแลแซนให้ดีที่สุดนะครับ มาร้องเป็นควายอีกก็ตอนดูคลิปพรีเซนเทชั่น ท่ามกลางเสียงตะโกนจากพี่ๆ และเพื่อนๆ ว่ามึงจะร้องทำไม! (อันนี้เสียงพี่เชอ) แล้วยังจะต้องมาเสียน้ำตากับคลิปเพื่อนเซอร์ไพรซ์อีกหรอวะ จริงๆ หรอวะ
‘ขอให้มีความสุขมากๆ อวยพรไปเยอะแล้ว ต่อจากนี้ไปก็ช่วยคิดเยอะๆ แล้วใช้ชีวิตให้มีความสุข..’ แล้วก็มาถึงคำอวยพรของดีน ที่เธอมองหน้ามันบนจอ สลับกับตัวมันจริงๆ ที่ยืนอุ้มวีว่าอยู่ด้านล่าง
“อาดีน!” เด็กน้อยตะโกนแทรกขึ้นมาเสียงดัง เรียกเสียงหัวเราะจากเราทุกคนในงานได้เป็นอย่างดี
ไม่นานนักคลิปก็ปิดลงพร้อมกับคำว่า
‘Enjoy your next journey’
“แน๊.. ร้องไห้”
“ไอ้ควาย” แซนด่ายูตะแบบไม่ผ่านไมค์ ท่ามกลางเสียงหัวเราะจากผู้ร่วมงาน ก่อนที่พิธีการต่อไปจะเป็นการเชิญเพื่อนเจ้าบ่าวกับเพื่อนเจ้าสาวขึ้นมาบนเวที
เพื่อนเจ้าบ่าวคนแรกก็คือเท็น ที่วิ่งดุ๊กๆ มากอดแซนเป็นคนแรก ก่อนจะเดินไปกอดฟินน์บ้าง แล้วรับไมค์มาอวยพร
“ก็ โอ้มายก้อด แบบ ไม่คิดเลยอะว่าวันนี้จะมาถึง”
ฟินน์พยักหน้า
“คือจริงๆ เท็นกับฟินน์ก็คือรู้จักกันมาแบบ ตั้งแต่เด็กเลย คือผ่านกันมาทุกช่วง แต่สิ่งนึงคือ ไม่เคยคิดจริงๆ ว่าวันนึงมันจะกลายมาเป็นพ่อคนแบบนี้ แล้วก็ Wow! He’s standing here, in front of me, being a groom in that marvelous maroon suit with his bride standing by his side…
Who knows he will grow up to be a perfect groom like this
Who knows.. he will also be such perfect dad that little Viva could ever ask for..
And who knows this insane couple will finally arrange this perfect wedding..
ก็คือ คงต้องบอกว่า ตื่นเต้นมากๆ แล้วก็ดีใจมากๆ ที่ฟินน์เลือกให้เท็นมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าววันนี้ แล้วก็ดีใจจริงๆ ที่ในที่สุดเพื่อนกับพี่แซนก็ได้มีวันนี้ด้วยกัน
เราทุกคนเป็นเหมือนกับพยานของความรักของทั้งสองคนนี้มาตั้งแต่วันแรกที่เขาได้คบกัน.. ดังนั้นเท็นก็เลยยิ่งรู้สึกดีใจมากเป็นพิเศษ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในงานแต่งนี้ จริงๆ เมื่อกี้เพิ่งคุยกับพี่จัสแล้วก็เอยไปว่างานนี้เหมือนกำลังพาให้พวกเราย้อนเวลากลับไปสมัยที่ยังเรียนอยู่ในคณะนิเทศศาสตร์ แล้วก็ดูเหมือนว่าแขกหลายคนจะเห็นด้วยเหมือนกัน
เลยอยากขอบคุณฟินน์กับแซน ที่ให้เกียรติพวกเรามาเป็นพยานในวันสำคัญวันนี้
ต่อจากนี้ไป ก็ขอให้เพืื่อนคนนี้มีความสุขที่สุด และได้ดูแลครอบครัวอย่างที่มันเคยพูดมาตลอด
ขอบคุณที่เราเป็นเพื่อนกันนะฟินน์ I love you.”
ฟินน์กับเท็นกอดกันทันทีที่สปีชของเพื่อนตัวเล็กจบ ก่อนคิวต่อไปจะเป็นตาเพื่อนเจ้าสาวของแซนขึ้ินมาพูดบ้าง
จริงๆ ตอนแรกแซนคิดว่าคนพูดน่าจะเป็นดีนที่พูดสปีชได้เก่งที่สุด.. แต่ก็ดูเหมือนว่าจะผิดคาด เพราะคนที่ยืนยิ้มร่าคือเพื่อนตัวยักษ์ของเธออย่างจัสตินต่างหาก
“Amazing!”
กลายเป็นงานแต่งฝรั่งไปแล้วว่ะ
จัสตินหยุดอยู่ตรงหน้าแซนท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงตะโกนโห่ร้องจากผู้ร่วมงาน จรดไมค์ที่ปากตัวเองแล้วกอดเพื่อนตัวเล็กจนมันลอยขึ้นมาเหนือพื้น
“จัส เดี๋ยวลูกกูร้องไห้ ปล่อย” แซนร้องด่า แต่ก็เกือบจะเปลี่ยนเป็นร้องไห้แทน เมื่อจัสตินยืนจับมือเธอนิ่งๆ พร้อมพูดสั้นๆ ขณะมองหน้ากันว่า
“Wow”
“What?”
“มึงเห็นคลิปที่กูทำให้ใช่มั้ย” แซนพยักหน้า “I still remember you that way”
“…”
“แซนบอกพวกเรามาตลอดว่า งานแต่งอะไรมันไร้สาระ มันจะไม่จัด ไม่ทำอะไรทั้งนั้น เพราะในวันนี้มันมีลูกแล้วดังนั้นไอ้ขั้นตอนการขอแต่งงานและจัดงานแต่งงานมันก็ไม่จำเป็นเลย เพราะปัจจุบันพวกมันข้ามขั้นไปจนวีว่าขวบกว่าแล้ว”
“หม่ามี๊!!!” เด็กหญิงในชุดราตรีสีชมพูในอ้อมกอดของอาดีนร้องเรียกแม่เสียงดัง และก็เป็นอีกครั้งที่วีว่าสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน
“But! Just like my boyfriend said, these two finally make their wedding happen!”
แซนหัวเราะ
“ถ้าย้อนไปตอนครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมคงไม่คิดว่าทอมผมสั้นที่หน้าเหวี่ยงเหมือนจะฆ่าทุกคนบนโลก จะยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเราตอนนี้ ในชุดเกาะอกสีขาวแบบนี้ และที่สำคัญคือ ผมคงไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ก้าวมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของมัน และยิ่งไปกว่านั้น จะกลายมาเป็นคนที่เพื่อนๆ ลงมติให้เป็นตัวแทนทุกคน ในการกล่าวอวยพรเจ้าสาวคนนี้..
“สำหรับผม แซนไม่ได้เป็นแค่เพื่อน” จัสตินในสูทสีชมพูยิ้ม “แต่แซนเป็นเหมือนน้องสาวอีกคน”
“จัส..”
“ดังนั้น ผมคงอวยพรอะไรให้มันไม่ได้มาก นอกจากอยากให้เพื่อนและน้องสาวคนนี้ มีความสุขในชีวิตมากที่สุดเท่าที่มันจะทำได้
I wish you every best that ever happens in this world happen to your entire life. I wish you enjoy every step ahead and I wish you will hold your man’s hand tightly for the rest of your life…
I want to tell you.. that I’m so happy to be your dumbest friend.
I’m so delighted to stand hear, stare at your teary face and smile at you just like now.
I am truly happy to be your friend.. and I will always be.
And I can say.. that the best thing that has every happened in my life.. is to be your friend”
จัสตินเสียงสั่น
“ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกัน หลังจากนี้ต่อไป ก็ขอให้มีความสุขมากๆ แล้วก็ขอให้ใช้ชีวิตคู่อย่างมีสติ เพราะพวกเราคงไปช่วยเหมือนเดิมไม่ได้แล้วเวลาที่มึงสองคนทะเลาะกัน”
แซนพยักหน้า
“Thank you for completing my life”
“…”
“And thank you for being such a perfect bride like this”
“…”
“Thank you my dear friend.”
แซนกระโจนเข้ากอดจัส และเป็นอีกครั้งที่เธอโดนเพื่อนอุ้มจนตัวลอย
และมันคืออีกครั้งที่แซนรู้สึกขอบคุณตัวเองตอนมอหกที่ตัดสินใจเลือกคณะนี้
คิดไม่ผิดจริงๆ นั่นแหละ
แม่ฟินน์จะเลี้ยงวีว่าให้วันนี้ พร้อมกำชับให้ทั้งฟินน์กับแซนไปเอนจอยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ซะ
และถึงแม้จะเหนื่อยขนาดไหน
สุดท้ายเสียงดนตรีก็ทำให้แซนในเดรสสั้น เดินจับมือกับฟินน์ขึ้นไปบนฟลอร์ แล้วส่งเสียงกรี๊ดแข่งกับเสียงดนตรีได้อยู่ดี
“ไม่เมาไม่ให้กลับนะ!!”
“มึงจะอ้วกอีกมั้ย” พี่เพียวตะโกนขึ้นมาบนเวที
“ไม่อ้วกโว้ยยยยยย”
นั่นแหละ.. บรรยากาศงานที่ฟินน์กับแซนรัก
เราสองคนเต้นให้กับเพลงวิหกเหินลมเวอร์ชั่นรีมิกซ์ตามแบบฉบับของพวกเรา -- สนุกขึ้นกว่าเดิมตอนที่แซนเดินไปเต้นกับเพื่อนรุ่นตัวเอง ส่วนฟินน์ก็หันไปเต้นกับเพื่อนอีกเช่นกัน
อย่างที่เพื่อนๆ บอก
งานในวันนี้พาให้เราสองคนได้ย้อนกลับไปในสมัยที่เรายังแต่งชุดบ้าๆ เพื่อทำกิจกรรมรับน้อง ใส่ชุดนิสิตที่เคยมองว่าทั้งเชยและเฉิ่ม อย่างกระโปรงพลีตสีดำกับเสื้อหลวมๆ และรองเท้าเป๊ปเปอร์มิ้น รวมถึงกางเกงขากระบอกกับเนคไทด์ที่ผู้ชายปีหนึ่งต้องใส่
แต่ที่ต่างกันไป
“ชอบมั้ย” คือตอนนี้แซนอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายในเชิ้ตขาวตรงหน้า -- และเราสองคนกำลังจูบกันท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนรอบตัวแทนคำตอบ
ฟินน์ก็คือฟินน์
ฟินน์ที่รักแซนที่สุด และหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้แซนเสมอ
และแซนก็คิดว่าเหตุผลหนึ่งที่มันคะยั้นคะยอจะจัดงานแต่งนี้ขึ้นมา ไม่ได้มีแค่ว่ามันอยากฉลองชีวิตคู่ของเราสองคนอย่างเป็นทางการหรอก แต่เพราะมันฟังแซนบ่นมาตลอดว่าอยากกลับไปเรียน ชีวิตจะได้ไม่ต้องยากขนาดนี้
ถึงแม้วันนี้เราจะไม่ได้กลับไปเรียน
แต่อย่างน้อยน่ะนะ.. การที่ได้กวาดสายตาไปรอบตัวแล้วเห็นคนคุ้นเคยแบบนี้ก็เติมพลังและสร้างความอบอุ่นในใจให้กับแซนได้เหลือเกิน
เธอมองเห็นพี่ปุยฝ้าย พี่ปอย พี่วิน พี่มิน พี่เพียว พี่ฝ้ายลิ พี่แตงกวา พี่ข้าวโพด พี่แพตตี้(ที่ไม่เป็นชู้แล้ว) พี่จีจี้ พี่มาย พี่บอส พี่ฟ้า พี่ต้า พี่ปอ พี่ลิลลี่ พี่ปัท พี่ซัน น้องเจนนี่ แดนไทย ปกป้อง พี่จีน พี่หนูนา ซึง พี่บี เป๊กกี้ โมติ เน น้องฮานส์ พี่จิง ชอน.. เจอาร์ หมิง มาอิ จอห์น กอล์ฟ เอ็กซ์ น็อต เอาเป็นว่ามันเยอะมาก ไล่ชื่อยังไงก็ไม่หมด แต่นั่นทำให้เธอนึกถึงสมัยตัวเองยังอยู่ในคณะจริงๆ
“พี่แซน!!” และแน่นอน ขาดไม่ได้คืออีเยลลี่ที่ถือแก้วค็อกเทลมากรี๊ดใส่เธอพร้อมสะบัดหางม้าตามแบบฉบับคนบ้าอย่างมัน วันนี้มันมาพร้อมกับโจ้ที่ใส่แว่นดำกับเสื้อฮาวายและเต้นแรงเหมือนโลกจะแตก ก่อนที่อีกแก๊งจะเดินเข้ามากอดเธอเป็นการแสดงความยินดีอีกครั้งหลังจากที่เราคุยกันครั้งล่าสุดคือตอนถ่ายรูปหน้าแบ็คดรอป
“ยินดีด้วยนะพี่แซน” เจโน่เอ่ยแสดงความยินดีพร้อมรอยยิ้ม ข้างกายของมันคือมินที่บัดนี้โตเป็นผู้ใหญ่ พร้อมกับการกระโดดเข้ามาหาของจิ๊กโก๋ โชเล่ แฮช และมาร์คที่ลากโจ้เข้ามากอดกันด้วยอีกครั้ง
และที่เซอร์ไพรซ์
เธอเห็นเรนนี่เดินยิ้มเข้ามาเช่นกัน
น่าแปลก
วันนี้เด็กบ้าพวกนี้มันเรียนจบแล้ว.. แต่สำหรับเธอ พวกมันยังตัวเท่าหมา(ที่ชื่อแมว)อยู่เหมือนเดิม -- สวมใส่เสื้อนิสิตปีหนึ่ง และยืนให้เธอ จัสติน เท็น ดีน และพี่แพง ยืนให้สารอยู่ที่ใต้ถุน และไม่ว่าพวกมันจะแยกย้ายไปอยู่ที่ส่วนไหนของโลก
แซนก็ยังกอดพวกมันเหมือนมันเป็นเด็กตัวจิ๋วคนเดิม
ฟินน์โดนเท็น เอย วินลากไปกินเหล้ากับพวก 53 แล้ว ทิ้งให้เธอน่ังมองภาพตรงหน้าด้วยความสุขแทน วันนี้เธอกอดคนเยอะไปหมด ตั้งแต่พ่อกับแม่ เรเชลที่พาแฟนอย่างน้องหม่อมเจไดมาแสดงความยินดี หรือตอนงานกลางคืนเธอก็ได้กอดพี่กีกี้กับพี่มิว ได้เจอพี่เจมี่ พี่ติน พี่ทิกเกอร์ พี่จูเนียร์ พี่เจ้นท์ พี่ฮิมในสูทสีกรมที่ยืนโบกผ้าเช็ดหน้าอยู่กับแฟนอย่างพี่หยาที่กำลังอุ้มน้องนารา พี่เทมส์ พี่แทน พี่จอส พี่เจมส์ และหลานอย่างน้องนีน่ากับนีโน่ที่ยืนกระโดดโลดเต้นอยู่กับแก๊งเด็กอย่างเจ้านารา วีว่าน้องเล็ก และลูกสาวพี่เลี้ยงสมัยฝึกงานของแซนที่ชื่อน้องเพิร์ซ (ที่ร้องไห้อย่างเดียวเลยล่ะ)
ที่สำคัญ
วันนี้เป็นวันที่เธอทำเพื่อนทั้งกลุ่มร้องไห้ -- บ้ามั้ยล่ะ เพียงเพราะว่าเธอวิ่งไปกอดมันเผื่อถ่ายรูปในโฟโต้บูท แล้วยื่นการ์ดเขียนเองให้พวกมันได้อ่าน
แม้กระทั่งดีนยังน้ำตาคลอ สุดยอดไปเลย
ก่อนที่จะมาโดนเอาคืนด้วยคลิปเซอร์ไพรซ์ที่ทำเอาแซนร้องห่มร้องไห้จนหายใจไม่ออก
และอีกคนนึงที่ขาดไม่ได้
“แซน เราดีใจด้วยจริงๆ นะ ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไร แต่เรานี้ดีใจจริงๆ” อิศราในชุดลายพรางกล่าวขอบคุณ และมันคือครั้งแรกที่แซนรวบเพื่อนแปลกๆ คนนี้เข้ามากอด ก่อนที่มันจะเดินไปเต้นกับจัสตินในเพลงละครคณะเพลงหนึ่ง
“ไม่ไปเต้นหรอ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นเรียกให้เธอช้อนสายตาขึ้นมอง และมันก็ปรากฏเป็นร่างของสุดยอดพระรองอย่างดีนในเชิ้ตดำ ที่ยืนถือขวดเบียร์มองมายังเธอ “งานของมึงนะ”
“กูเหนื่อย”
“หรอ”
“อือ”
เธอได้ยินเสียงดีนดื่มเบียร์ ก่อนยื่นมือไปรับขวดเบียร์มาดื่มบ้าง
“เมื่อไหร่มึงจะแต่งงานอะ”
“ไม่รู้ ทำงานก่อน”
“บ้างาน”
“ไอ้จัสก็บ้า” เธอเห็นจัสแพลงก์ที่กลางฟลอร์แล้วขำพรืด
“บ้างานหรือเป็นบ้า”
“ทั้งคู่”
“ได้ยินว่ามันจะย้ายไปทำงานที่เมกา..” เธอพูดเสียงเบา แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนที่มองมาเช่นเดียวกัน “ส่วนมึงก็คงไม่กลับไทย”
“กลับบ้าง”
“แต่ก็ไม่กลับมาทำงานที่นี่แล้ว”
“ก็ใช่”
“เหลือกูอยู่กับยูตะสองคนสิ”
“สองคนที่ไหน มึงมีวีว่ากับฟินน์”
“แต่ก็ไม่เหมือนพวกมึง”
แซนสบตากับดีน มองเห็นเพื่อนยิ้มบาง
“เราทุกคนต้องโต มึงรู้ใช่มั้ย”
“รู้..”
“…”
“แต่พอเห็นพวกมึงทีไร กูเหมือนกลับไปอายุสิบเก้าทุกที”
“…”
“ชีวิตกูมันมีพวกมึงอยู่ตลอดเลย ใครจะไปคิดล่ะวะว่าต่อจากนี้ไปคงจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แบบนี้แล้ว”
“…”
“มันคงเหลือแค่ปีละครั้ง”
“…”
“หรือต่อไปคงกลายเป็นห้าปีครั้ง”
“โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าไลน์”
“มึงขัดมู้ดกู”
“ก็มึงเพ้อเจ้อ”
“…” แซนกะพริบตาปริบ แล้วขำพรืดเมื่อประมวลผลได้ว่าเธอเพ้อเจ้อจริงๆ น่ะแหละ.. แต่แล้วเสียงหัวเราะก็ถูกกลืนหายไปในลำคอ เมื่อดีนยื่นอัลบั้มรูปมาให้
“พวกกูอัดมาให้มึง”
“…”
“ห้ามดูตอนนี้ ขี้เกียจปลอบ” ไม่ทันจะให้ดีนพูดต่อ เธอก็โผเข้ากอดเอวเพื่อนแน่น
เราไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น -- เพราะฟินน์เดินเข้ามาเสียก่อน
“เฮ้ยคุณ เพิ่งแต่งกันนะเว้ย มีกิ๊กแล้วหรอ”
“ไอ้บ้า” แซนหันไปด่า โดยมีดีนหัวเราะพร้อมกับเดินไปขยี้หัวฟินน์ แล้วเอ่ยเรียบ
“กูไม่แย่งเมียมึงหรอกนะ”
“…”
“ไม่อยากมีเมียเป็นบ้า”
แล้วมันก็เดินออกไปหาพวกกลุ่มพี่ข้าวโพด ทิ้งให้ฟินน์กับแซนนั่งมองหน้ากันตาปริบๆ ก่อนพชรในเชิ้ตขาวจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แทนกาย จับมือเธอไว้นิ่งๆ ขณะสบตากัน
“แม่บอกว่าวีว่าหลับแล้ว”
“ดึกแล้วนี่ ไม่แปลกหรอก”
“แต่ก่อนหลับร้องไห้จะหาแซน”
“แล้วคุณแม่ทำไง”
“ปล่อยให้ร้อง แล้ววีว่าก็หลับ”
“ดีละ”
“แซน”
“หือ” เธอหันไปมองหน้าหมายักษ์ที่ตอนนี้ผมยุ่งไปหมด “ว่าไง”
“ชอบงานรึเปล่า”
“ชอบดิ”
“เหมือนตอนรับน้องเลยเนอะ”
I found a love for me
Darling just dive right in
And follow my lead
แซนยิ้ม
จู่ๆ เธอก็มองเห็นภาพฟินน์ใส่เสื้อเฟิร์สเดทตอนมันปีสอง และจู่ๆ ความทรงจำทุกอย่างก็จับมือเธอให้มองเห็นภาพรอบตัวกลายเป็นใต้ถุนคณะ
แซนมองเห็นโต๊ะควายกับโต๊ะวัว
เห็นป้าเป้ในโรงอาหาร เห็นพี่แมนกำลังขายน้ำ
ได้กลิ่นกาแฟทรูคอฟฟี่
เห็นตัวเองนั่งหลังในห้องด๊อกเตอร์เทียม
เห็นภาพเราสองคนกำลังซ้อมละครในห้องเวิร์คชอป
เห็นฟินน์กำลังเป็นพี่สอนร้องเพลง และเห็นตัวเองเป็นพี่ว้ากที่รับฟินน์มา
Well I found a girl beautiful and sweet
I never knew you were the someone waiting for me
นั่นคือความมหัศจรรย์ของคำว่าความทรงจำ
ที่ไม่ว่าวันใดที่เราได้หวนนึกถึง
‘ฟินน์ห้าสามใช่มั้ย’
‘…’
‘เราแซนห้าสองนะ’
เราก็จะได้กลับไปเฉกเช่นวันวานที่เราได้พบกัน
'Cause we were just kids when we fell in love
Not knowing what it was
I will not give you up this time
“ตื่นเต้นเนอะ แต่งงานกันแล้ว”
“เว่อละ อยู่ด้วยกันมาตั้งเท่าไหร่”
“แต่มันก็ไม่เหมือนกันนี่” ฟินน์ยิ้ม “วันนี้เหมือนได้ย้ำเลย ว่าฟินน์ทำตามสัญญาข้อนึงที่เคยให้แซนไว้แล้ว.. คือไปขอแต่งงานที่ปารีส แล้วก็มาจัดงานแต่งงานที่มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้”
But darling, just kiss me slow, your heart is all I own
And in your eyes you're holding mine
แซนกระชับมือเราสองคนให้แนบแน่นกันกว่าเคย ก่อนจะกอดหมายักษ์ของเธอแน่นๆ แทนคำขอบคุณและคำว่ารักที่ล้นปรี่อยู่ในใจ
ฟินน์ยกมือขึ้นกอดตอบ
“แซนยังไม่อ้วกแบบเมอร์ไลอ้อนเลยอะ”
“ไอ้บ้า” เธอตีฟินน์ แต่ก็ยังหัวเราะแล้วกอดเขาแน่น ก่อนจะเอ่ยกระซิบเสียงเบา
Baby, I'm dancing in the dark with you between my arms
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
When you said you looked a mess, I whispered underneath my breath
But you heard it, darling, you look perfect tonight
“ขอบคุณนะฟินน์”
“…”
“ขอบคุณที่รักแซน”
“ขอบคุณเหมือนกัน”
“ขอบคุณที่เป็นพ่อที่ดี”
Well I found a woman, stronger than anyone I know
She shares my dreams, I hope that someday I'll share her home
I found a love, to carry more than just my secrets
To carry love, to carry children of our own
“ขอบคุณแซนเหมือนกันที่เป็นแม่ที่เก่งมาก”
“แล้วก็”
“…”
“ขอบคุณที่เป็นแฟนที่ดีที่สุดของแซนเสมอมานะ”
We are still kids, but we're so in love
Fighting against all odds
“ขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน”
“ขอบคุณเหมือนกันครับที่อยู่ด้วยกัน”
I know we'll be alright this time
Darling, just hold my hand
Be my girl, I'll be your man
I see my future in your eyes
“แซนยินดีที่จะอยู่เลย รู้ใช่มั้ย”
“รู้ครับ”
Baby, I'm dancing in the dark, with you between my arms
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
“จากนี้ไป..”
I have faith in what I see
Now I know I have met an angel in person
And she looks perfect
“…”
“อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะครับพี่แซน”
I don't deserve this
You look perfect tonight
ขอบคุณที่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของแซนนะ
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in