สวัสดีค่ะทุกคน พอดีเราได้ไปดูซีรีส์ Bridgerton มา ตอนแรกคือกะจะไม่ดูเพราะได้กลิ่นดราม่ามาแต่ไกล คิดเอาเองว่าไม่น่าสนุก บังเอิญว่าช่วงนี้ว่างไม่มีอะไรทำ ก็อะๆดูหน่อยก็ได้เห็นมานานละ ดูข้ามๆเอา ปรากฏซีรีส์สนุกกว่าที่คิดไว้ค่ะ สุดท้ายก็คือวันเดียวจบเลยฮ่าๆ กอๆข้ามๆบ้างเล็กน้อย เราเลยถือโอกาสมาเขียนรีิวิว หรือออกแนวเม้าท์มอยสักหน่อย เผื่อใครอยากอ่านรีวิวคร่าวๆกำลังตัดสินใจอยู่ว่าดูดีไหม หรือใครดูมาแล้วอยากมาเม้าท์ๆเล่นกันก็ได้นะคะ หาเพื่อนเม้าท์ฮ่าๆๆ
ในช่วงศตวรรษที่18 ณ กรุงลอนดอน เป็นช่วงฤดูกาลเปิดตัวหญิงสาว เพื่อหาคู่ครองของเหล่าไฮโซชนชั้นสูงในสมัยนั้น โดยนางเอกของเรา ดาฟนี่ บริดเจอร์ตัน (Phoebe Dynevor) เรียกได้ว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่งของฤดูกาลแต่นี้กลับไม่ค่อยมีหนุ่มๆเข้ามาจีบ เพราะว่า แอนโทนี่ บริดเจอร์ตัน (Jonathan Bailey) พี่ชายสุดโหด ที่พยายามเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดให้น้องจนทำให้หนุ่มๆที่ตอนแรกจะเข้ามาก็ค่อยๆหายไป ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ ดยุคเฮสติ้งส์ หรือ ไซม่อน (Regé-Jean Page) เดินทางกลับมาที่ลอนดอนพอดิบพอดี แน่นอนว่าก็โดนแม่ๆคอยมาทาบทามเขาให้กับลูกสาวตัวเองไม่หยุดไม่หย่อน ดาฟนี่ได้รู้จักไซม่อนเพราะเขาเป็นเพื่อนกับแอนโทนี่ ทั้งสองจึงวางแผนแกล้งคบกันซึ่งจะช่วยให้ดาฟนี่เป็นที่สนใจของชายหนุ่มคนอื่นมากขึ้น (เพราะขนาดดยุคยังสนใจ) ส่วนไซม่อนก็จะรอดพ้นจากบรรดาแม่ๆทั้งหลาย
• โดยรวมมของซีรีส์
เป็นซีรีส์ดราม่าโรแมนติก บันเทิง เนื้อหาไม่ซับซ้อน ภาพสวย ฉากอลัง สำเนียงบริทิชจัดเต็ม มีฉากเรท และมีทั้งหมด8ตอน ถ้าใครอยากดูหนังที่ค่อนข้างมีสาระอาจจะต้องพิจารณากันสักหน่อย ส่วนตัวเราคิดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าใครว่างๆอยากหาอะไรดูเพลินๆบันเทิงๆ เนื้อเรื่องไม่หนักไม่เบาเกินไปเราแนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ เนื้อเรื่องดำเนินค่อนข้างเร็วไม่เอื่อยมาก เรารู้สึกชอบซีรีส์ในอีพีแรกๆ พอกลางๆเรื่องความสนุกมันเริ่มดรอปลงๆแต่ก็ไม่ถึงกับหมดสนุกซะทีเดียว ดูเพลินแบบหยุดไม่ได้จนจบเลยค่ะ
• การสะท้อนค่านิยมสังคมชายเป็นใหญ่
เนื้อเรื่องสะท้อนถึงค่านิยมของสังคมชายเป็นใหญ่ ในซีรีส์ผู้หญิงต้องแต่งงานกับผู้ชาย เพื่อจะได้มีคนคอยปกป้องดูแล ผู้หญิงมีหน้าที่รับผิดชอบงานบ้านงานเรือน เลี้ยงดูลูก เหมือนกับนางเอกที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในทุกๆด้านเพื่อหาคู่ครองที่เหมาะสม ถ้าแต่งงานไปก็ต้องดูแลรับผิดชอบทั้งลูก ทั้งงานภายในบ้าน ส่วนผู้ชายมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว เป็นผู้นำ เช่น แอนโทนี่เป็นพี่คนโต เมื่อพ่อเสียเขาจำเป็นต้องคอยดูแลครอบครัวแทนพ่อซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าเป็นหน้าที่ที่ดูกดดันไม่น้อยเช่นกัน
ผู้หญิงไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ และไม่ได้รับการยอมรับในอาชีพนั้นๆเหมือนกับผู้ชาย เช่นในฉากที่เอโลอีสบอกพี่ชายที่ชอบวาดรูปว่าให้เขาลองฝึกจริงจังดู เขาสามารถจ้างครูมาสอนได้ ทำสิ่งที่อยากจะทำได้ สามารถเป็นที่ยอมรับได้ ไม่เหมือนเธอที่เป็นผู้หญิง
ผู้หญิงต้องคอยระมัดระวังไม่ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมเพราะจะทำให้เสียมเสียเกียรติและชื่อเสียง ในขณะที่ผู้ชายสามารถเที่ยวเสเพลได้ มีชู้ได้ และหลายคนมองเป็นเรื่องปกติ ในซีรีส์ผู้หญิงอยู่กับผู้ชายสองต่อสองก็เป็นเรื่องอื้อฉาวที่สามารถทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้จนจำเป็นต้องแต่งงานกับผู้ชายซะอย่างงั้น ตัดภาพมาที่ผู้ชาย การเข้าออกสถานเริงรมย์นั้นยังดูเป็นเรื่องปกติ
• การซุบซิบนินทามีอิทธิพลมากกว่าที่พวกเราคิด
อย่างที่เราเขียนไว้ในตอนแรก เลดี้วิสเซิลดาวน์เป็นตัวละครสำคัญที่ทำให้หลายๆเหตุการณ์ดำเนินไปในอีกทิศทางนึง (เราชอบสำนวนการเขียนของนางมากเลย ช่างเปรียบเทียบ เสียดสี ประชดประชัด แสบสันมากๆ) จริงๆที่นางเอกกับพระเอกมาแกล้งคบกันส่วนหนึ่งก็เพราะนักเขียนคนนี้เลย และการซุบซิบกันนี่แหละก็ยังช่วยให้นางเอกไม่ต้องแต่งงานกับลอร์ดบรูค
• ฉาก และชุด
เรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้คือ ความอลังการของฉากต่างๆ งานเต้นรำเอย คฤหาสน์เอยความเสื้อผ้าหน้าผมที่จัดเต็ม เราไปดูเบื้องหลังมาค่ะ ชุดที่ใช้คือมีประมาณ7500 ชุด คือมันเยอะมากกกกกก และที่สำคัญตัดเย็บเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ! เราอึ้งไปเลยฮ่าๆ ไม่คิดว่าจะอลังเบอร์นี้ เขาเก็บชุดไว้ในแวร์เฮ้าส์กันเลยทีเดียว ดอกไม้ที่ใช้ประดับชุดในแต่ละชุดก็เย็บมือเองหมด เก็บรายละเอียดกันสุดๆ ต้องชื่นชมในความทุ่มเทของทีมงานเลยซึ่งเราต้องยอมรับว่ามันออกมาดีจริงๆ ชอบมากๆ ดูเพลินตาไปหมด
• นักแสดง และตัวละคร
ในส่วนของนักแสดงต้องบอกเลยว่าพระนางเรื่องนี้เคมีเข้ากันสุดๆ ตอนแรกเรารู้สึกเฉยๆกับพระเอกนางเอกเรื่องนี้ แต่พอดูๆไปคือทั้งสองคนมีสเน่ห์มากๆ ชอบมากกกก พระเอกคือหล่อมากเพคะ นางเอกก็สวยมากดูธรรมชาติๆ เราหงุดหงิดเล็กน้อยกับพระเอกในบางช่วง บทมันคงมาแบบนั้น ก็อะๆ ให้อภัยก็ได้ฮ่าๆ นางเอกไม่งี่เง่า นางน่ารักนะ ตัวละครอื่นก็มีสเน่ห์ไม่แพ้กัน ตัวละครที่เราชอบคือ เอโลอีสน้องสาวของนางเอกนางฉลาด และมีความดื้อรั้นเบาๆ อีกคนคือเลดี้แดนเบอรี่ เลดี้ที่คอยดูแลไซม่อนพระเอกของเราตั้งแต่พระเอกยังเล็กๆ เลดี้คนนี้เป็นคนใจดี มีเหตุผล ดูมีเอเนอร์จี้บางอย่าง และเป็นคนที่independent มากๆ
ข่าวเกี่ยวกับซีซัน2 ของซีรีส์เรื่องนี้ Netflix ยังไม่คอนเฟิร์มว่าจะมีซีซัน2ไหม แต่แว่วๆมาว่าเขาวางแผนการถ่ายทำกันแล้วโดยตามกำหนดเริ่มถ่ายทำช่วงเดือนกรกฎาคมปี2020 จะใช้เวลาถ่ายทำประมาณ1ปี แต่เพราะสถานการณ์ COVID-19 จึงทำให้การถ่ายทำเกิดความล่าช้า อาจลากยาวไปถึงปีต้นปี2022 ถึงจะกลับมาถ่ายทำได้ เนื้อหาในซีซัน2 เป็นไปได้ว่าเรื่องจะโฟกัสเกี่ยวชีวิตแอนโทนี่ ถ้าเรื่องตามเนื้อหา หนังสือเล่มต่อจาก ' The Duke and I ' ก็จะเป็น ' The Viscount Who Loved me ' ซึ่งเป็นเรื่องของพี่คนโตสุดในตระกูลบริดเจอร์ตัน คือแอนโทนี่ บริดเจอร์ตันนั้นเองค่ะ
***อัปเดตนะคะ ตอนนี้ทาง Netflix ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วค่ะว่าจะมีซีซัน2 โดยจะเริ่มถ่ายทำในช่วงกลางปี2021 และอย่างที่คาดไว้เนื้อเรื่องในซีซัน2 เป็นเรื่องของแอนโทนี่ พี่คนโตของตระกูลบริดเจอร์ตัน 23.01.2021 ***
ใครที่อดใจรอไม่ไหวสามารถหาหนังสือมาอ่านแก้ขัดไปก่อนได้นะคะ มีทั้งหมด9เล่ม(รวมเล่มพิเศษ) มีแปลไทย6 เล่มด้วยกัน จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แก้วกานต์ เนื้อหาในหนังสือกับซีรีย์มีความแตกต่างกันอยู่ ใครสนใจอ่านสามารถเข้าไปที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ เพจนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับซีรีย์Brigerton เยอะเลยย
ทางเราไปตามหาที่ร้านหนังสือก็คือหนังสือหมดทุกเล่มเลย ฮือออ ต้องสั่งผ่านทางเว็บไซต์แต่บางเล่มก็ยังหมดอยู่ดี ไม่รู้ว่าขายดีจนหนังสือหมด หรือว่ายังไง คนทางนี้ตามหาอยู่ค่ะ แต่เห็นทางสำนักพิมพ์แก้วกานต์กำลังผลิตเพิ่มใครสนใจลองเข้าไปดูได้นะคะ ตอนนี้เราสอยมาได้2เล่ม เล่ม4กับ5 เล่มอื่นๆเดี๋ยวค่อยตามเก็บอีกทีฮ่าๆ ถ้าอ่านจบแล้วเรากะจะมารีวิวอีกที ฝากติดตามกันด้วยนนะคะ
ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นของเราเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ค่ะ เราดูซีรีส์เรื่องเดียวกันแต่ความคิดเห็นของเราก็คงแตกต่างกันไปตามประสบการณ์และการตีความของแต่ละคน ดังนั้นถ้าเราเขียนประโยคไหนไม่ถูกใจใครต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดหรือพิมพ์ผิดจุดไหนสามารถทักท้วงได้เต็มที่เลยค่ะ ส่วนใครที่อยากมาพูดคุยกันเรายินดีมากๆ
ปิดท้ายกันด้วยภาพเบื้องหลังน่ารักๆจากซีรีส์เรื่องนี้กันค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in