เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Western NovelsWe read this book
English | แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์
  • Harry Potter and the Philosopher's stone
    แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์
    สุมาลี แปล
    สำนักพิมพ์ นานมีบุ๊คส์


            เชื่อว่านักอ่านยุค 90 อย่างเราทุกคนต้องโตมากับคำว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์กันแน่ๆ ปรากฏการณ์หนังสือที่ขายดีถล่มทลาย คนอ่านติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ขอปวารณาตนว่าเป็น Potterhead คนหนึ่ง อ่านแฮร์รี่ซ้ำแล้วซ้ำอีก จดคาถา หักไม้เกาหลังพ่อมาทำเป็นไม้กายสิทธิ์ และเขียนจดหมายฮอกวอตส์หาตัวเอง ดิชั้นทำมาหมดแล้ว 5555555

            เราในวัยเด็กที่อ่านแฮร์รี่แล้วเก็บได้แต่ความสนุกสนาน มีหลายจุดที่เราไม่เข้าใจแล้วก็ปล่อยผ่าน ทั้งไม่เข้าใจบริบทและไม่เข้าใจเพราะช่องโหว่ของตัวนิยายเอง วันนี้เราในเวอร์ชั่นคนแก่ขี้ฉอดจะมาเม้ามอยแฮร์รี่เล่ม 1 ให้ฟังกันค่ะ 

    Disclaimer : เรา assume เอาเองว่าทุกคนรู้เรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์แล้ว ดังนั้นเราจะเขียนแบบสปอยล์เนื้อหาทุกอย่าง เพราะเน้นวิพากษ์วิจารณ์ตัวนิยายนะคะ 

            เริ่มเลอ 

            แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในโลกเวทมนตร์ แฮร์รี่ที่อยู่กับครอบครัวเดอร์สลีย์มาตลอด 11 ปีเพิ่งพบว่าตัวเองเป็นพ่อมดในวันเกิดอายุ 11 ขวบ เพราะได้รับจดหมายเชิญเข้าโรงเรียนฮอกวอตส์ 

            มาพูดถึงเล่ม 1 แบบรวมๆ กันก่อน 
    พบว่าเราใช้เวลานานพอสมควรในการอ่านเล่ม 1 ให้จบในตอนนี้ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสนุกเอาเสียเลย ตอนแรกคิดว่าหรือเพราะชั้นแก่แล้วเลยคิดว่าแฮร์รี่มันไม่สนุกเหมือนเดิมวะ แต่ไม่ใช่ค่ะ ตอนนี้อ่านเล่ม 2 อยู่ แล้วสนุกชิบหาย อ่านเร็วมาก ต้องบังคับตัวเองให้นอนไม่เกินตีสองทั้งๆ ที่อยากจะอ่านต่ออีกบท 

            เล่ม 1 สนุกน้อยกว่าเล่ม 2 จริง คิดว่าเพราะมันยังเป็นแค่อินโทรของเรื่องด้วยแหละ ปริศนาอะไรก็ยังมีไม่มาก บางบทที่เป็น bridge ของเรื่องก็น่าเบื่อเช่น ท้าดวลตอนเที่ยงคืน และก็มีตรรกะบางอย่างที่ก็น่าโมโหและไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

    -----------------------------------------------

            ตัวละครที่ชอบที่สุด หนีไม่พ้นมัลฟอยจริงๆ 555555 ชั้นรักมัลฟอยมาก เป็นยัยคุณหนูขี้อิจฉาช่างแดกดันของแท้ ชอบทุกคำที่มัลฟอยด่า ถึงจะเหยียดแบบพ่อมดแม่มดเจนสีต้องกรี๊ด แต่มันโคตรจะครีเอทีฟ เช่นบอกให้เนวิลล์ไปเข้าทีมทีมควิดดิชกริฟฟินดอร์ เพราะเป็นแหล่งรวมคนน่าสงสาร พอตเตอร์ไม่มีพ่อแม่ วีสลีย์ไม่มีเงิน ส่วนลองบัตท่อมไม่มีสมอง 5555555555เหยียดมาก ขี้บูลลี่สุด แต่ชั้นก็ชอบมาก ยัยน้องเดรโก!! 

            บางสิ่งที่มัลฟอยพูดก็คือเป็น fact ที่ปฏิเสธไม่ได้ เช่น พวกวีสลีย์มีลูกมากเกินไปจนเลี้ยงไม่ไหว อันนี้เราว่าจริงมากๆ พูดตามตรงว่าถ้าจนก็อย่ามีลูก ถ้ามีลูกแล้วลูกต้องลำบาก ก็อย่าให้เขาเกิดมาเลยจะดีกว่านะ 
            จะเห็นว่ารอนก็ไม่เคยจะพอใจที่ต้องใช้ของต่อจากพี่ และเป็นคนที่มีปมด้อยเรื่องความไม่เด่นของตัวเองเพราะโดนพี่กลบเอามากๆ แต่ก็ยังดีที่รอนมีโอกาสเรียนหนังสือและอยู่ในสังคมที่ดี สมมติรอนไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา ก็คงเป็นคนชายขอบและมีแนวโน้มเป็นเด็กพ่อมดมีปัญหา


            แฮร์รี่ - ตอนเด็กๆ แฮร์รี่ก็เป็นตัวละครที่เราชอบที่สุดนั่นแหละ เพราะเป็นพระเอกงี้ แต่พอโตขึ้นมาก็เข้าใจเลยว่าแฮร์รี่เป็นเด็กที่น่าปวดหัวขนาดไหน เป็นนักเชื่อมโยงแบบสอบ GAT ได้ 150 เต็มแน่นอน (จริงๆ เราก็ได้ 150 เต็มนะตอนสอบ 55555) สามารถผูกโยงเรื่องที่อันตรายได้เก่งมาก และต้องมีตัวเองพัวพันอยู่ในนั้นด้วย เลยเป็นที่มาว่าทำให้แฮร์รี่เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงโดยไม่รู้ตัว ฮีไม่ได้คิดว่าฮีเก่งนะ แต่คิดว่าฉันเป็นคนที่สำคัญมาก เหตุการณ์นี้ขาดฉันไม่ได้ 55555 เพราะรู้ว่ามีพริวิเลจติดตัวมาบางอย่าง เลยตัดสินใจง่ายๆ ไปเลยว่ามีแต่ฉันคนนี้เท่านั้นที่ต้องทำเรื่องนี้ 

            ซึ่งเราก็พอเข้าใจว่าที่แฮร์รี่มีนิสัยชอบคิดเองทำเอง เพราะโตขึ้นมาแบบโดดเดี่ยวและต้องพึ่งพาตนเอง เดอร์สลีย์ไม่ใช่ครอบครัว เพราะพวกเขาไม่เคยต้อนรับแฮร์รี่ การอยู่กับพวกเดอร์สลีย์ทำให้แฮร์รี่ฝังใจลึกๆ ว่าไม่มีใครพึ่งพาได้ทั้งนั้นนอกจากตัวเอง การตัดสินใจหลายๆ อย่างของแฮร์รี่ก็บ้าบิ่นและโง่มาก สมควรอยู่กริฟฟินดอร์โดยแท้ พูดจริงๆ ถ้าแฮร์รี่ไม่มีเศษวิญญาณโวลเดอร์มอร์ในตัว สลิธีรินเป็นบ้านที่ไม่เหมาะกับนังแฮร์รี่เลย เรารู้สึกว่าเราต้องเป็นเพื่อนกับแฮร์รี่ไม่ได้แน่นอน มันต้องมีหลายอย่างที่แฮร์รี่ทำแล้วเราหงุดหงิดในใจ 555555 

            เฮอร์ไมโอนี่ - เฮอร์ไมโอนี่เป็นตัวละครที่เราชอบมากรองจากมัลฟอย 5555555 เพราะเป็นคนฉลาดและอยู่บนความเป็นจริง ชีรู้ตัวเองด้วยว่าชีเป็นคนเรียนเก่ง ซึ่งชอบตรงนี้ ไม่ค่อยมีคอมเม้นเฮอร์มากเท่าไหร่ เป็นตัวละครชนิดที่เราจะต้องให้มีในนิยายของตัวเอง เพราะเราชอบคนฉลาด เฮอร์ไมโอนี่น่าจะมาจากครอบครัว upper middle class ที่พ่อแม่สนับสนุนทุกอย่าง (เพราะพ่อแม่เป็นหมอฟันทั้งคู่ คือสมองดี1 รวย1) ถูกเลี้ยงดูและเติบโตมากับครอบครัวที่อบอุ่น มี mental support ที่สมบูรณ์ เป็นตัวละครที่ไม่ยอมให้อะไรมาเป็นปมด้อยของตัวเอง เพราะรู้จักตัวเองดี แม้จะโดนบูลลี่ว่าเป็นพวกเกิดจากมักเกิล ก็แล้วยังไงเอ่ย im proud to be myself ฉันไม่ได้ขาดอะไรนี่..

    -----------------------------------------------

            ก็เข้าใจได้ที่เล่มหนึ่งมันไม่ค่อยสนุกมาก เพราะเป็นการปูพื้นหลังและนิสัยของตัวละคร ซึ่งเจเคปูมาแน่นทีเดียว 

            จุดที่เราไม่เคยสนใจ แต่เพิ่งจะมารู้สึกว่ามันจริงและประเด็นนี้มันดีมาก คือเรื่องชื่อเสียงของแฮร์รี่
            เราตอนเด็กไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมแฮร์รี่ถึงจำเป็นต้องมาอยู่กับครอบครัวมักเกิล มีครอบครัวพ่อมดแม่มดอื่นๆ อีกเยอะที่น่าจะยินดีต้อนรับ อย่างน้อยก็เอาแฮร์รี่ไปฝากกับคนเหล่านั้นก็ได้ถ้าไม่นับเรื่องเวทมนตร์ที่ปกป้องบ้านเดอร์สลีย์ไว้ การให้แฮร์รี่โตมาในสภาวะแวดล้อมของมักเกิล ก็ดีกับเขาจริงๆ
            ดัมเบิลดอร์พูดเอาไว้ว่า จะดีกว่าถ้าแฮร์รี่โตขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนมีชื่อเสียง เพราะไม่งั้นแฮร์รี่จะเสียเด็กได้ - เอาจริงตอนเด็กไม่เคยเข้าใจเลย และคิดด้วยว่าแค่ชื่อเสียงมันจะทำให้เด็กคนนึงเสียคนได้ไง เพิ่งจะมาเข้าใจตอนนี้แหละว่าการกินชื่อเสียงโดยที่ยังไม่มีวุฒิภาวะแล้วเสียเด็กมันเป็นยังไง ดูได้จากคนมากมายในอินเตอร์เน็ตสมัยนี้ค่ะพส. 


            สืบเนื่องจากป้าเพ็ตทูเนียเป็นพี่สาวของลิลี่ แม่ของแฮร์รี่ เลยทำให้แฮร์รี่ต้องมาอาศัยอยู่กับเดอร์สลีย์เพราะพ่อแม่ถูกฆ่าตายหมด มีจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราว่ามันขัดแย้งและค่อนข้างมั่นใจว่าชีเจเคน่าจะพลาดเรื่องนี้ 

            - พวกเดอร์สลีย์ไม่รู้ว่าชานชาลาที่ 9 เศษ 3 ส่วน 4 อยู่ที่ไหนในสถานีคิงครอส - คิดว่าตรงนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเพ็ตทูเนียโตมากับลิลี่ ยังไงก็ต้องรู้จากลิลี่อยู่แล้วถึงวิธีการเดินทางไปชานชาลา (แม้เพ็ตทูเนียจะอิจฉาน้องสาวที่เป็นแม่มดก็เถอะ)

            - เพ็ตทูเนียพูดว่าพ่อแม่ภูมิใจมากที่ลูกสาวเป็นแม่มด พอกลับมาบ้านตอนปิดเทอม กระเป๋าเต็มไปด้วยไข่กบและเที่ยวสาปถ้วยชาให้เป็นหนู (บทที่ 4 ผู้รักษากุญแจ) - อันนี้จะเป็นไปได้ไง เพราะแม่มดที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะถูกห้ามใช้เวทมนตร์ช่วงปิดเทอม ถ้าใช้แล้วจะมีจดหมายเตือนจากกระทรวง ถ้าลิลี่ “เที่ยว” สาปถ้วยชาให้เป็นหนูช่วงปิดเทอม ลิลี่ต้องโดนจดหมายเตือนเป็นสิบฉบับแน่นอน และไม่มีทางเลยที่เพ็ตทูเนียจะไม่รู้ว่ารร.ห้ามเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะใช้เวทมนตร์ตอนปิดเทอม ถ้าอยู่บ้านเดียวกับลิลี่น่ะนะ 


            จุดย้อนแย้งแปลกๆ ยังไม่หมด 

            - ในจดหมายฮอกวอตส์เขียนไว้ว่า ให้นักเรียนนำสัตว์เลี้ยงมา 1 ตัว แมว คางคกหรือนกฮูก - แล้วทำไมรอนถึงเอาหนูมา ไม่มีเขียนในจดหมายไม่ใช่เหรอ

            - รอนสงสัยว่ารูปถ่ายของมักเกิลไม่ขยับ อันนี้เราก็ว่าแปลก โลกเวทมนตร์กับโลกมักเกิลก็เรียกได้ว่าใช้พื้นที่อยู่อาศัยแทบจะทับซ้อนกัน ไม่น่าเป็นไปได้ที่รอนจะไม่เคยเห็นรูปถ่ายมักเกิลที่อยู่นิ่งๆ เฉยๆ 

            - ชีเจเคเขียนว่า “งูลืมตา” ในตอนที่แฮร์รี่พูดกับงูเหลือมบราซิล ซึ่ง... ทุกคน งูไม่มีเปลือกตานะคะ 55555 งูลืมตาตลอดเวลาค่ะ งูหลับตาไม่ได้ 

    -----------------------------------------------

            นอกจากนั้นตรรกะแปลกๆ ที่ดูยังไง้ ยังไงก็ประหลาดบ้างล่ะ ไม่ยุติธรรมบ้างล่ะ ก็คือ

            - การที่แฮร์รี่ได้เข้าเล่นควิดดิชตอนปี 1 : ไม่รู้ค่ะ เราว่ากฎยังไงก็ต้องเป็นกฎ ถ้าอะลุ่มอล่วยแฮร์รี่ได้ เด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ ก็ต้องมีไม้กวาดเป็นของตัวเองและเข้าทีมควิดดิชได้เช่นกัน ไม่แปลกใจที่มัลฟอยจะเหม็นแฮร์รี่มาก เห้อะ ไอ้พวกมีพริวิเลจ (จริงๆ นะ 55555) 

            - การกักบริเวณ ลงโทษโดยให้เด็กปี 1 เข้าไปทำงานในป่าต้องห้าม : อันนี้งงมานานแล้ว ดัมเบิลดอร์พูดเองว่าป่าต้องห้ามเป็นที่ที่อันตราย แล้วทำไมถึงอนุญาตให้แฮกริดพาเด็กปีหนึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าป่า (assume เอาเองว่าการลงโทษก็ต้องได้รับการ approve จากอาจารย์ใหญ่) มั่นใจได้แค่ไหนว่าแฮกริดจะสามารถปกป้องเด็ก 4 คนจากตัวอะไรก็ไม่รู้ที่ฆ่ายูนิคอร์นแล้วกินเลือดได้ 

            - การให้คะแนนบ้านดีเด่นตอนจบปี : กริฟฟินดอร์ได้คะแนนบ้านดีเด่นแซงสลิธีรินในนาทีสุดท้าย ถ้าเราเป็นเด็กสลิเราจะโกรธมากกกกกกกก และลุกขึ้นประท้วง โคตรไม่ยุติธรรม 555555 เด็กสามคนไม่ได้ทำอะไรดีเด่นขนาดที่จะต้องได้คะแนนเลย เข้าไปปกป้องศิลาอาถรรพ์เหรอ... แล้วไง ถึงเด็กพวกนี้ไม่เข้าไปเอา โวลเดอร์มอร์ก็ไม่มีทางที่จะเอาศิลาออกมาจากกระจกเงาเอริเซดได้อยู่ดี ดังนั้นอีเด็กพวกนี้คือหาเรื่องแบบผิดๆ ไม่ควรได้รับคะแนนใดๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะเนวิลล์ ที่ได้คะแนน 10 คะแนนเป็นคนสุดท้ายแล้วทำให้กริฟฟินดอร์ชนะสลิธีรินไปได้ อันนี้คือไม่สมเหตุมากๆๆๆๆๆๆๆ คิดได้อย่างเดียวว่าดัมเบิลดอร์โคตรลำเอียง อยากให้บ้านของนักเรียนคนโปรดชนะ..

            ที่จริง พูดถึงดัมเบิลดอร์ เราก็ไม่ได้จะแปลกใจเท่าไหร่ที่นางจะลำเอียง ถ้าลองอ่านบทสุดท้ายดีๆ บทสนทนาของแฮร์รี่กับเพื่อน และแฮร์รี่กับดัมเบิลดอร์ จะรู้เลยว่าแฮร์รี่ถูกดัมเบิลดอร์ manipulated อย่างหนัก ตั้งแต่ส่งผ้าคลุมล่องหนให้ ตั้งใจให้แฮร์รี่รู้ว่ากระจกใช้งานยังไง แอพพรูฟให้กักบริเวณที่ป่าต้องห้าม เราคิดแบบเฮอร์ไมโอนี่ ว่าดัมเบิลดอร์ร้ายกาจมากและเห็นแฮร์รี่เป็น puppet จริงๆ (แต่ก็มีความเอ็นดูอยู่ด้วยน่ะนะ เพราะเป็นไปตามที่ตัวเองอยากให้เป็นเลย) 
            แต่แฮร์รี่ take การ manipulate นี้ว่าเป็นการเทรนด์ 55555 ซึ่งก็เข้าใจได้ในตอนนั้น ว่ายังไร้เดียงสาอยู่ 

            คิดว่าดัมเบิลดอร์ในตอนนี้ยังไม่แน่ใจเรื่องฮอร์ครักซ์ อาจจะเริ่มสงสัย หรืออาจจะรู้เรื่องฮอร์ครักซ์แล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าแฮร์รี่เป็นฮอร์ครักซ์น่ะนะ เลยต้อง test แฮร์รี่กับฮอร์ครักซ์แรก 

            สุดท้าย อีที่ดับไฟของดัมเบิลดอร์.. จนตอนนี้ก็ยังหาความเชื่อมโยงไม่ได้ว่าการพารอนมาหาแฮร์รี่ในเล่ม 7 เกี่ยวอะไรกับที่ดับไฟ ฟังชั่นมันคือยังไง 5555555

    -----------------------------------------------

    แฮร์รี่เล่ม 1 เราเป็นเวอร์ชั่นที่มีลายเซ็นทักษิณด้วยค่ะ 55555 บ่งบอกความแก่

            จบการเม้ามอยแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่ม 1 ค่ะ ชาว potterhead ทั้งหลายมาคุยกับเราได้ เราอ่านไปเขียนไป อาจจะมีบางข้อมูลที่ตกหล่น เพราะก็ไม่ได้อ่านนานแล้ว ตอนนี้กำลังอ่านเล่มสองอยู่ ใกล้จะจบล้ะะะ แล้วเจอกันเร็วๆ นี้ในซี่รี่ส์ #wrtbook_harrypotter ค่ะ 55555 

            มีเกร็ดความรู้นิดหน่อยเกี่ยวกับ Philosopher’s stone หรือศาลาอาถรรพ์ ถ้าแปลตรงตัว Philosopher แปลว่านักปราชญ์ มันก็คือศิลานักปราชญ์ใช่มะ ถ้าใครดู Fullmetal Alchemist ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อหินนักปราชญ์ มันก็คืออันเดียวกันนั่นเองค่ะ นิโคลัส แฟลมเมลก็เป็นบุคคลที่มีจริงในประวัติศาสตร์ เชื่อกันว่าเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ค้นพบศิลานักปราชชญ์ที่เปลี่ยนโลหะให้เป็นทองได้ ในภาษาญี่ปุ่นเรียกศิลานักปราชญ์แบบตรงๆ ตัวเลยว่า 賢者の石 (Kenja no ishi) Kenja คือนักปราชญ์ ส่วน ishi ก็คือหินนั่นเองค่ะ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in