บุตรชายคนเล็กของตระกูลกลับมาจากการนอนค้างอ้างแรมด้านนอกถึงหนึ่งราตรีผู้เป็นแม่รีบเดินเข้าไปหาลูกชายผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจด้วยความคะนึงหาก่อนจะหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนติดตามเขามาด้วยหญิงสาวในชุดฮันบกสีแดงเพลิงเดินตามหลังมาด้วยกิริยาท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนนางไม่แม้แต่จะเงยหน้าสบตาผู้ใดเพราะนอกจากที่จะกลัวคนอื่น ๆแล้วนางยังกลัวว่าจะไม่สามารถหลบซ่อนสายตาของปีศาจร้ายในตัวของนางได้
เนื่องด้วยตระกูลอีเป็นตระกูลเก่าแก่ซึ่งสืบทอดวิชาการปราบเหล่ามารร้ายและปีศาจมานับพันปีแจมินรู้สึกไม่ปลอดภัยตั้งแต่ย่างกรายเข้ามายังที่แห่งนี้หากเป็นหนึ่งพันปีก่อนคงไม่มีแม้อาการวิตกกังวลแต่เพราะความแกร่งกล้าของอาคมทำให้สัญชาตญาณปีศาจภายในจิตใจเริ่มแสดงอาการมากขึ้น
“เจ้าพาใครมาด้วย”
“นางชื่อว่าแจมิน”
“แล้วเจ้าพามาที่นี่ทำไม” น้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายทำให้แจมินไม่สามารถเดาได้เลยหญิงวัยกลางคนผู้นี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่
“นางช่วยชีวิตข้าไว้กลางป่าจากอันตรายข้าเห็นว่านางมีน้ำใจเลยอยากแสดงความขอบคุณ” เจโน่ตอบโดยที่รู้ดีว่าตนกำลังโกหกผู้เป็นแม่ มือหนาบีบมือเล็กแน่นเพื่อย้ำเตือนว่าเขาได้ตัดสินใจทุกอย่างด้วยความหนักแน่น
“อะไรนะ!”
หญิงสาวนั่งอยู่ในสวนหลังบ้านซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นถัดไปมีหนองน้ำที่ถูกขุดขึ้นมาเพื่อเลี้ยงปลาและปลูกดอกบัวเอาไว้สายลมบางเบาพัดผ่านตัวของแจมินเป็นเหตุให้เส้นผมปลิวสไวภาพอันแสนงดงามถูกตราตรึงเข้าไว้ในหัวใจของชายหนุ่มผู้มาใหม่เขาเหมือนต้องมนต์สะกดความงามจนไม่อาจหาสิ่งใดมาทัดเทียมได้แจฮยอนตัดสินใจแสดงตัวต่อหน้าปีศาจสาวเพื่อที่จะได้ยลโฉมของนางอย่างเต็มตา
“แม่นางคือแขกของตระกูลอีหรอกหรือ” น้ำเสียงนุ่มลึกเต็มไปด้วยเสน่ห์ถูกนำมาใช้เพื่อหวังที่จะสร้างความประทับใจแรกให้กับหญิงสาว
“เจ้าค่ะ” นางตอบอย่างนอบน้อมเช่นเคยแต่ไม่กล้าที่จะสบตาอีกฝ่าย
“ข้ามีนามว่าแจฮยอน เป็นบุตรคนโตของบ้านนี้ ส่วนเจ้า”
“แจมินเจ้าค่ะ”
“นามเจ้าช่างไพเราะเสียจริง แล้วเจ้ารอใครล่ะ เหตุใดถึงอยู่ที่นี่เพียงลำพัง”
“น้องชายข้างั้นหรือ” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง “ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัว”
ด้านน้องชายตัวดีถูกผู้เป็นแม่ลากออกมาคุยเพียงลำพังอยู่ภายในห้องส่วนตัว
“ข้ารู้”
“การแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะตัดสินใจได้หรอกนะ”
“ท่านหมายความว่าเช่นไร”
“หากพ่อเจ้ารู้ว่าลูกชายไปเอาหญิงชาวบ้านมาแต่งงานด้วยท่านคงไม่ยอมเป็นแน่อีกอย่างแม่ก็หาหญิงที่คู่ควรกับลูกมาให้แล้วหากเจ้าอยากแสดงความขอบคุณกับนางก็ทำอย่างอื่นสิไม่เห็นจำเป็นจะต้องแต่งงานด้วยเลย”
“ข้ารักนาง”
“เจ้าบอกว่ารักทั้ง ๆ ที่เพิ่งเคยเจอกันงั้นหรือเจโน”
“ใช่” เขาตอบอย่างหนักแน่นด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งคำโป้ปด
“นี่เจ้าใช่ลูกชายของข้าจริงหรือเจโนคนเดิมไม่เคยรักผู้ใดนอกเสียจากตัวเองเจ้าเมาหัวราน้ำทุกวันและหลับนอนกับหญิงโรงเตี๊ยมแทบทุกคืนมาวันนี้เจ้าพาหญิงสาวเข้ามาที่บ้านแล้วบอกกับข้าว่าจะแต่งงานเจ้าโดนยาเสน่ห์ของนางใช่ไหม”
“โถ่ท่านแม่ ข้าไม่ได้ต้องมนต์อันใดและข้าก็คือข้าคนเดิมได้โปรดอย่าขัดขวางข้าเลยนะขอรับ”
นางสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะผ่อนมันออกมา
ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วสวมกอดหญิงวัยกลางคนเต็มอ้อมแขน
“เจ้าลูกคนนี้นี่นะ” เขาเดินออกมาโดยตั้งใจจะออกไปหาแจมินที่รออยู่ภายในสวนแต่ก็ถูกขวางโดยพี่ชายคนโตไว้ก่อน
“เจ้าคิดจะทำอะไร” ใบหน้าเรียบนิ่งกว่าปกติบ่งบอกถึงความจริงจังในการสนทนาครั้งนี้
“พี่ใหญ่พูดอะไรข้าไม่เข้าใจ”
“การพาปีศาจเข้ามาที่บ้านซึ่งเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
“หึ สมแล้วที่ท่านเก่งกว่าใคร มองปราดเดียวก็รู้เลยว่านางคือปีศาจขนาดข้าที่ว่าได้รับพรสวรรค์มาจากบรรพบุรุษยังมองไม่ออกเลยในตอนแรก”
“เลิกเล่นลิ้นได้แล้ว นางเป็นปีศาจจำศีลได้ซึ่งพิษภัยข้าไม่ทำร้ายนางแต่หากโดยองพบเข้านางจะตาย”
“ท่านก็อย่าบอกพี่รองสิ”
“เจโน”
“นางคือปีศาจจิ้งจอกเก้าหางและข้าเผลอไปปล่อยนางเข้าหากอยากจับนางขังไว้อีกครั้งก็มีแค่ข้าเท่านั้นที่ทำได้”
“เจ้าหลอกนางให้มาที่นี่งั้นหรือ”
“ข้าไม่ได้หลอก ข้าอยากพามาอยู่ข้าจริง ๆ”
“เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของข้าเถิดพี่ใหญ่”
“อย่าหลอกให้นางรัก ข้าสงสารนาง” เขาชะงักเท้าก่อนจะแสยะยิ้ม
“ข้าไม่ได้หลอกให้นางรัก เพราะนางรักข้าแล้วต่างหาก”
โปรดติดตามตอนต่อไป
สาปท่านโนเลยค่ะ สาปเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in