“ข้าคือคนรักของเจ้าเมื่อหนึ่งพันปีก่อน”
“เจ้าพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ” รูปโฉมงดงามแต่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขามเขาไม่สามารถละสายตาออกจากนางตรงหน้าได้แม้ใจอยากเบือนหนีไปเท่าไหร่ก็ตาม
“แล้วสักวันเจ้าจะเข้าใจ”
“ปล่อย” น้ำเสียงราบเรียบทำเอาหญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยอมปล่อยมือตามที่อีกฝ่ายต้องการ
“เจ้าคงเหนื่อย นอนพักเถอะข้าจะไม่กวน”
มือเรียวสวยลูบศีรษะบนตักอย่างรักใคร่แม้จะผ่านไปนานถึงพันปีแต่ความรักยังคงผูกเอาหัวใจสองตัวโยงเป็นสายใยเส้นบางอยู่เจโนคนในอดีตเป็นคนละคนกับปัจจุบันนางรู้ข้อนี้ดีแต่ดวงจิตนั้นยังคงเป็นดวงจิตเดียวกันต่อให้เขาไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์เดิม นางก็จะไม่มีทางลืมเป็นอันขาด
กลีบปากบางประทับลงที่ขมับของชายหนุ่มเสียงเพลงที่ไร้ทิศทางช่วยขับกล่อมให้เจโนเข้าสู่ห้วงของนิทราลึกขึ้นจนแทบจะลืมเลือนเสียทุกสิ่งดาบเล่มเดิมยังคงอยู่ไม่ไกลจากแจมิน หากนางใจแข็งอีกเสียหน่อยคงหยิบมันขึ้นมาปลิดชีพชายผู้นี้แล้วแต่เพราะความรักนางจึงทำได้เพียงมองเท่านั้นหากค่ำคืนนี้คือจุดเริ่มต้นของการแก้แค้น แจมินก็คงเลือกก้าวผิดข้างโดยไม่รู้ตัวหรือแท้จริงนางอาจตัดสินใจกับเส้นทางที่เลือกแล้วแม้ตอนจบอาจเป็นเช่นเดิมแต่นางกลับยอมเพื่อบุรุษผู้เป็นที่รักยิ่ง
ในความฝันเขายืนอยู่ริมหน้าผาอันสูงชันแรงบีบแน่นที่ฝ่ามือรับรู้ได้ว่ามีใครบางคนกำลังหวาดกลัวต่อบางสิ่งอยู่เสียงสุนัขเห่าหอนไปทั่วบริเวณยิ่งบีบให้ความกลัวเกาะกุมจิตใจมากขึ้นเขาหันไปมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาว “เจ้าฆ่าข้าทำไม เพราะข้าเป็นปีศาจอย่างนั้นหรือแม้ว่าข้าจะเกลียดสิ่งที่ข้าเป็นและพร้อมจะเปลี่ยนมันเพื่อเจ้าแต่เจ้ากลับไม่เห็นค่ามันสักนิด”
“....”
“ข้าอยากให้เจ้าเจ็บปวดเช่นเดียวกับสิ่งที่ข้าเจอแต่ข้าก็รักเจ้าเกินกว่าจะปล่อยให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานเช่นข้า”
“....”
“เจโน...หากข้าปล่อยเจ้าไปอีกครั้งสัญญากับข้าสิว่าเจ้าจะไม่กลับมาเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะไม่มีวันปล่อยมือจากเจ้าอีก”
“เจ้าพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ”
“สัญญาสิ”
“ไม่” เขาสะบัดมือออกแต่กลับเสียหลักตกลงมาจากหน้าผาสูงภาพสุดท้ายที่เขาจำได้คือหางของสุนัขสีขาวขนฟูซึ่งมันมีถึงเก้าหางแกว่งไปมารวมไปถึงหูสีขาวที่โผล่ออกมาจากศีรษะของหญิงสาวอีกด้วยชุดฮันบกสีเลือดช่วยขับให้ผิวขาวนวลผ่องเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์แต่คงไม่มีสิ่งใดงดงามไปกว่าใบหน้าของนางที่มีคราบน้ำตาอาบสองแก้มทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้าจนอดคิดไม่ได้ว่าหากย้อนเวลากลับไปได้เขาคงไม่ปล่อยมืออีกฝ่ายและเช็ดน้ำตาให้จางหายไป
เสียงร้องของนกน้อยด้านนอกปลุกเจโนให้ตื่นขึ้นเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงความรู้สึกเสมือนจริงทำให้เขาหันมองสิ่งรอบกาย เขายังคงอยู่ในวิหารเช่นเดิมเมื่อพลิกศีรษะมามองเพดานก็ต้องแปลกใจเพราะแทนที่จะเห็นเพดานเขากลับมองเห็นเพียงใบหน้าแสนงดงามของหญิงสาวแทน
หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อสู้แสงด้านนอก แพขนตายาวกระพือขึ้นลงราวกับปีกผีเสื้อขยับริมฝีปากบางคลี่ออกเพื่อเอื้อนเอ่ยถ้อยคำทักทาย “เจ้าหลับสบายไหม” เจโนรีบยันตัวลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับจับไหล่ของอีกฝ่ายแน่น
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
รอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นประดับใบหน้าหวาน
“อย่าร้องไห้เลย เจ้าไม่เหมาะกับน้ำตาหรอกนะ”
“มันคงดีกว่านี้ หากเจ้าจำเรื่องเมื่อชาติที่แล้วของตัวเองได้ จำข้าจำเรื่องความรักของเรา และจำว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีความสุขด้วยกันมากแค่ไหน”
“ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าหมายถึงอะไรหรือหมายถึงใคร แต่ตอนนี้ข้าคือข้าและข้าก็ไม่ชอบน้ำตาของเจ้าเลย”
“เจโน...”
“เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างไร”
“นั่นไม่สำคัญหรอก เช้าแล้วเจ้าคงต้องกลับบ้าน”
“แล้วเจ้าล่ะ เป็นหญิงสาวเหตุใดจึงมาอยู่ในวัดเช่นนี้”
นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งดึงมือของเจโนขึ้นมาทาบไว้ที่ข้างแก้ม
“บรรพบุรุษนามเดียวกับข้าเป็นคนฆ่าเจ้า”
นางพยักหน้า “และเป็นคนรักของข้า”
“ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าตัวข้าในชาติก่อนเป็นเช่นไร ข้ารู้เพียงตอนนี้และดูเหมือนข้าจะตกหลุมรักปีศาจเช่นเจ้าเสียแล้ว”
“เจ้าเกลียดคำโกหกและข้าเองก็ไม่ต่าง หากมันเป็นเพียงคำปลอบโยนเพื่อให้น้ำตาข้าเหือดหายเจ้าก็ไม่จำเป็นพูดมันออกมา”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบาง “เจ้าคิดมากเกินไปแล้วข้าซื่อตรงกับความรู้สึกเสมอ” มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน
“ฮึก...ฮือ...” กำแพงความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เคยมีพังทลายจนไม่เหลือชิ้นดีแจมินปล่อยให้น้ำตาทุกหยาดหยดไหลออกมาโดยไม่คิดที่จะห้าม
“โอ๋ ๆ ปีศาจอะไรทำไมเจ้าขี้แยแบบนี้”
“ฮึก...”
“กลับออกไปพร้อมกับข้า”
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่ ข้าทิ้งม้าไว้ที่ข้างลำธารริมทางขึ้นเขา กลับบ้านไปกับข้า”
“แต่”
“ถึงจะเป็นปีศาจข้าก็ไม่กลัวเจ้าแล้วทำตามที่เจ้าต้องการหรอกนะข้าจะพาเจ้ากลับไปอยู่กับข้าที่บ้าน”
โปรดติดตามตอนต่อไป
คนใจร้าย แงแอ จำก็ไม่ได้
จริงๆเราไม่ได้ตั้งใจให้ดราม่าเลยนะคะ
แต่แต่งไปแต่งมาเราร้องไห้เองเลยฮือออออ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in