สำหรับผม หนังบางประเภทที่โดยเนื้อผ้าแล้ว เป็นหนังที่ดีมาก แต่มันสร้างความเชื่อมโยงกับความรู้สึกในชีวิตจริงในแง่ลบมากไป พูดง่ายๆ คืออิน แต่ทำให้เราดูเสร็จออกมาแล้วเครียดกับชีวิตเนี่ย ผมจะรู้สึกประมาณว่า "แม่ง แล้วกูจะดูไปเพื่ออะไรวะ" Mother! เองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ (ฮา)
พลอตหนังน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ว่าด้วยบ้านหนังหนึ่ง สามี-ภรรยาคู่หนึ่ง ผัวเป็นนักเขียน ส่วนเมียเป็นแม่บ้านรัดับแอดว๊านซ์ คือทำทุกอย่างรวมถึงซ่อมบ้านด้วย ภายใต้บรรยากาศสวยกริบแต่แฝงไปด้วนความไม่ปลอดภัย ก็มีเสียงกระดิ่งขึ้น ชายแปลกหน้าได้เดินทางมาหาในกลางดึก! ด้วยความไม่คิดมากของสามี จึงเสนอให้เขาพักอยู่ด้วย ภรรยาเองก็ตะขิดตะขวงใจแต่ก็ปล่อยเลยตามเลยโดยไม่รู้เลยว่า จุดเริ่มต้นแห่งหายนะได้เริ่มขึ้นแล้ว
สิ่งที่ประทับใจโคตร คือฉากและอาร์ตไดเรกชั่นที่เนี้ยบกริบ ตัวบ้านมีโครงสร้างซับซ้อนและสวย ของทุกอย่างในบ้านมีความ Timeless คือสามารถบอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดในช่วงเวลาไหนก็ได้ color scheme แสง ไฟ จัดได้สวยเหมือน Ad อะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา มันเจ๋งมันอยู่ที่ว่า 'ความลงตัวเกินไปนี้' (เช่นนางเอกเดินเข้ามาในครัวหยิบเค้กออกมา แล้วก็ใช่ไม้จิ้มเพื่อเชกความสุกซึ่งว่างอยู่อย่างพอดิบพอดี หรือตอนเดินไปเอาเครื่องนอนแล้วเปิดหีบออกมาก็พบกับกองผ้าที่จัดเรียงอย่างเป็นะระเบียบไล่สีสวยงาม) มันสามารถสร้างมิติแห่งความน่าหวาดระแวง ไม่ปลอดภัยขึ้นมาได้
ด้านการแสดง เจน ลอว์ของเราทำได้ดีมากๆ สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นเธอมา ถ่ายทอดความเครียดและไม่เข้าใจได้ดี ในขณะที่ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ก็ร้ายกาจได้สุดจริงๆ ต้องขอหมอบกราบ cameo ของ คริสเตน วิก ในฐานะตัวแทนสำนักพิมพ์ก็ทำให้เราขำก๊ากออกมาได้ตอนหนังกำลังเครียด และไต่ขึ้นจุดพีค ถือเป็นการเล่นสนุกของหนังที่ฉลาดดีจิงเชียว
หลายคนเอาหนังมาวิเคราะห์แล้วคิดว่ามันคงต้องการจะสื่อถึงสัญลักษณ์ ของศาสนาคริสต์ ที่มีพระเจ้า โลก และ มนุษย์ ซึ่งคงไม่มีใครกล้าเถียง เล่นซะจับคู่ได้อย่างชอตต่อชอตขนาดนี้ แต่ผมกลับมาความรู้สึกว่า หนังต้องการจะสื่อให้เราได้รู้สึกถึงอะไรที่มากกว่านั้น
- ผมกลับมองแบบง่ายๆ ว่าหนังกำลังเปรียบเทียบพระเอกเป็นเหมือนศิลปิน ที่ต้องการการปออั้นเชิดชูจากมวลชนที่แทบจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งวัตถุดิบที่ผลิตออกมาก็คือเรื่องราวความสัมพันธ์ของเขากับคนรอบข้าง (ยิ่งสมัยก่อนก็มักจะเป็นคนรัก เหมือนกับในหนัง) ซึ่งตัวต้นแบบแรงบันดาลใจมักจะได้ผลกระทบด้ายลบมากกว่าบวกมากๆ แถมถ้าศิลปินไม่ move on ไปที่ความสัมพันธ์ใหม่ ก็คงจะไม่มีผลงานออกมา มีคนเคยเขียนว่า "ถ้าอยากเป็นอมตะ จงทำให้นักเขียนตกหลุมรัก จากนั้นหักอกเขาเสีย" ใครจะไปรู้ ว่าเบื้องหลังแล้วนักเขียนอาจจงใจหักอกตัวเองก็เป็นได้
- หลายๆ ห้วงอารมณ์ของหนัง ผมพบว่ากำลังเอาตัวเองไปแทนที่ ไม่พระเอกก็นางเอกในเรื่อง เราต่างเคยตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ก็ตัดสินใจอะไรไปโดยไม่ได้คิดถึงความรู้สึกคนอื่น คิดแล้วก็รู้สึกแย่กับตัวเองจัง
- นอกจากตัวละครหลักแล้ว ตัวละครอื่นในเรื่องจะเดินไปมาอย่างไร้ชีวิตจิตใจหน่อยๆ ที่สำคัญคือผู้มีตรรกะที่แปลกมาก เช่น ทาสีบ้านโดยพลการ แล้วยังจะขอค่าทาอีก มาคุยจีบนางเอก พอโดนปฎิเสธก็ไปด่าเขา นางเอกห้ามอะไรบางอย่างก็ไม่ฟัง ฯลฯ เราดูก็จะแบบ อะไรของพวกแกวะ แต่พอฉุกคิดขึ้นมา เชี่ย จริงๆ แล้วคนเราแม่งเป็นกันแบบนี้จริงๆ ไร้ตรรกะ เห็นแก่ตัว ตามที่หนังถ่ายทอดออกมาเลย
สรุปแล้ว Mother! เป็นหนังที่เจ๋งเรื่องหนึ่งเลย แต่ขอเสียโดยส่วนตัวของผม คือเส้นเรื่องที่ไม่แปลกใหม่ (ซึ่งถูกต้องอยู่แล้ว เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นของหนัง) และผลกระทบอันน่าหดหู่ที่หนังสร้างต่อตัวผม (ซึ่งถูกต้องแล้วเช่นกัน แสดงว่าหนังบรรลุวัตถุประสงค์) ทำให้ทำใจชอบหนังเรื่องนี้ยากสักหน่อย
เพราะแม่ก็คือแม่ ถ้าใจกว้างและมีเวลาว่างพอ ลองสัมผัสกับหนัง untraditional ดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายนะครับ : )
แคตนิสของพวกเรา เอาไป 10/10
RANKINGS
1. Arrival
2. Nocturnal Animals
3. Last life in the universe
4. Sing street
5. Money Monster
6. Green Room
7. Kubo and the Two Strings
8. La La Land
9. Train to Busan
10. Your name
11. Trolls
12. Nerve
13. Where to Invade Next
14. Mr. right
15. Ghostbusters
16. The shallows
17. A Cure for Wellness
18. Kiseki
19. Mother!
20. Bad Moms
21. Captain America: Civil war
22. Finding dory
23. The Conjuring 2
24. The VVitch
25. Lights out
26. February
27. High-rise
28. Me Before You
29. Equals
30. Blair Witch
31.Don't breathe
32. Bad Neighbors 2
33. Café Society
34. If Cats Disappeared form the world
35. Hardcore Henry
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in