Do you ever feel like your life is turning into something you never intended?
ขอเริ่มต้นเรื่องราวด้วยการคารวะผู้ชายชื่อ Tom Ford คนนี้ครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมมักจะชอบติดป้ายให้ตัวเองว่าเราเป็นเป็ด พอจะทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ไม่เก่งกาจสักอย่าง ซึ่งยิ่งโตมาก็ยิ่งรู้สึกเองนะว่ามันไม่ค่อยเป็นคุณสมบัติเชิงบวกเท่าไร แต่สำหรับชายผู้นี้อาจจะเป็นการปฎิวัติวงการเป็ดเลย ก็เป็นได้
ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้กำกับ หรือ ดีไซน์เนอร์ การตอบรับอย่างล้นหลามของ fashion guru เหล่า beauty bloggers หรือ movie critics ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า Tom Ford เป็นคนที่เก่งมากๆ ผมรู้สึกว่าความสามารถด้านการออกแบบมันเป็นแก่นของศาสตร์ด้านศิลป์-บันเทิงเกือบทุกแขนง ใครสักคนเคยบอกว่าศิลปะคือการ manipulate ทำให้ผู้เสพย์ ‘รู้สึก’ไม่เกี่ยงว่าจะเชิงบวกหรือลบ ซึ่งป๋าทอมก็ทำได้ดีเยี่ยมอย่างไม่น่าสงสัย
สำหรับชิ้นงานเรื่องที่สองในวงการภาพยนต์ของ Tom Ford (ล่อเอาหมดทั้ง เขียนบท อำนวยการสร้าง และกำกับเอง) เล่าเรียงเรื่องราวของหญิงวัยกลางคนเจ้าของแกลเลอรี่ผู้มีชีวิตในอุดมคติ (หน้าที่การงานดี หน้าตาทางสังคมดี มีสามีหล่อรวย บ้านใหญ่โตโอฬาร) ตามเนื้อผ้าแล้วมันคือชีวิตที่มีความสุข แต่ทว่าลึกๆลงไป เธอกลับเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตของเธอ ว่ามันสมบูรณ์ มากความหมาย และเปี่ยมสุขจริงๆ หรือไม่ ประกอบกับในเวลานั้น เธอได้รับต้นฉบับนิยายที่แต่งโดยสามีเก่า เขียนอุทิศให้เธอ
เนื้อหาในนิยาย "Nocturnal animals" ซึ่งแปลว่าสัตว์กลางคืน เล่าถึงชายผู้หนึ่งกับครอบครัวอับโชคของเขา ที่โดนนักเลงกระทำอาชญากรรมอย่างเหี้ยมโหด ระหว่างกำลังเดินทางท่องเที่ยงต่างจังหวัด
ถ้อยคำในนิยายมัน "รุนแรง และโศกเศร้า" ต่อนางเอกในระดับหนักหน่วง ชนิดที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของเธอ ซึ่งในขณะเดียวกันตัวหนังก็ค่อยๆ ย้อนความ เล่าเรื่องราวในอดีตของเธอและสามีเก่า ที่ค่อยๆ เผยถึงคำนามนามของนิยาย จนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า ชีวิตจริง หรือนิยาย อันไหน โศกเศร้าโหดเหี้ยมกว่ากัน
สำหรับผม หนังทำเอามาได้สมบูรณ์รอบด้านมากๆ จุดเด่นแรกคือภาพแล้วฉากที่สวยมาก มันมีการวางองค์ประกอบศิลป์ที่เนี้ยบเกินความจริงอยู่ (เช่นรูปผนังแดงข้างบน) ซึ่งผมว่ามาเป็นการสร้างชั้นความรู้สึกที่เหนือปกติขึ้นอีกขั้น การดำเนินเรื่องและบทก็ดีมาก สามารถสร้างและควบุมระดับความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากหนัง เริ่มจากความบ้าบอไร้สาระของวงการศิลปะ ไล่ไปจนถึงความกดดันไร้สุข และค่อยๆ ก่อตัวเป็นความเครียดความหวาดระแวงและเสียใจแต่เชื่อมแทรกไปด้วยความหวังและความเสียดาย เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนมาก แต่เรารู้สึกได้และหนักใจตามไปกับนางเอกจริงๆ
พอพูดถึงประเด็นนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ Amy Adams ที่ถ่ายทอดออกมาได้ชนะเลิศมาก นักแสดงคนอื่นๆ ก็ทำในส่วนของตัวเองได้ไม่บกพร่อง แทบจะไม่มีจุดด้อยเลย
ความประทับใจอีกอย่างคือการที่หนังสอดแทรก สัญลักษณ์ผ่านสิ่งของและอวัจนภาษา เช่น ชิ้นงานศิลปปะที่เขียนว่า "Revenge" กล่องใส่ของที่เขียนคำว่า "Fragile" การลบลิปสติกของนางเอกก่อนจะไปเจอพระเอก หรือท่านอนของลูกสาวทางเอง ที่ล้อกับฉากหนึ่งในนิยาย
หนังมีลายเซนต์และเอกลักษณ์ของตัวเองเป็นก้อนคอนเซปที่ชัดเจน แข็งแรงพอที่จะเด่นเกินหนังสไตล์เดียวกัน สามารถมีจุดที่ worth mentioning ได้เมื่อเวลาผ่านไป นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคะแนนบวก
หลังจากหนังจบแล้ว มีประเด็นที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวมากมาย ผมรู้สึกว่าเป็นองค์ความคิดที่ผู้สร้างนำเสนอออกมาให้ผู้เสพได้รับรู้อย่างชัดเจนแต่มีรสนิยมมาก ยกตัวอย่างเช่น
- ความไร้สาระของวงการศิลปะ ที่แทบจะดำรงอยู่ได้ด้วยปัจจัยทางอ้อมทั้งหมด (ความเห็นของผู้มีอิทธิพล จังหวะเวลา ความน่าเชื่อถือของสถานที่จัด ผู้ซื้อ ฯลฯ)
- ความว่างเปล่าของเป้าหมายมนุษย์ ที่ปล่อยให้ความทะเยอทะยานเป็นตัวจูงมือไปหาความสุข เป็นวังวนแห่งความผิดคาดพลาดหวัง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
- ความโหดเหี้ยม ที่ทำร้ายได้กระทั่งคนที่รัก ดูแล้วรู้สึกสะท้อนใจเลยว่า ตัวเราไม่มีทางที่จะรู้ทันการกระทำหรือความรู้สึกตัวเองอย่างถ่องแท้ได้เลย ต่อให้เป็นอะไรที่เนาเชื่อมั่นอย่างสุดหัวใจในจุดใดจุดหนึ่งของช่วงเวลาชีวิต ก็มีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวได้เสมอๆ
อีกหนึ่งความใจร้ายแต่จีเนียสของหนัง คือการที่เลือกเอาIsla Fisher มาแสดงเป็น ภาพจำ เป็นเงาของนางเอกที่พระเอกเคยรัก (ไอส์ลา แสดงเป็น เอมี่ เฉพาะตอนที่เล่าในนิยาย) ซึ่งาร้ายตรงที่เค้าหน้าคล้างกัน ฟิตไทป์เดียวกัน แต่เอมี่ประสบความสำเร็จกว่ามากๆ สำหรับผมมันเป็นการตบหน้าไอส์ลาทางอ้อมอยู่เหมือนกัน แต่ก็รู้สึกขอคุณที่เธอตลกลงมาแสดง ซึ่งก็ทำได้ดีมากทีเดียว
Amy Adams และ Isla Fisher
ข้อสุดท้ายนี่แหละครับที่เป็นการปิดจ๊อบ ความเจ๋งของหนังเรื่องนี้ในความคิดของผม ความพิถีพิถันของทุกๆ จุดของการสร้าง การสอดแทรกเรื่องราวที่ยืดขยายออกมาไกลกว่าตัวหนัง และความฉลาดคมคายในการนำเสนอ คือ นิยามของหนังที่ดี
ด้วยเหตุประการทั้งหมดทั้งมวล ผมขอยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผมชอบเป็นอันดับต้นๆ ของปีเลย อยากให้ทุกคนลองไปหาดูกันจริงๆ นะครับ แล้วจะพบว่า Tom Ford เข้าทำออกมาได้เนี้ยบ หรู และพึงปราถนาไม่แพ้ แว่นตา หรือ ลิปสติก เลยจริงๆ
RANKINGS
1. Nocturnal Animals
2. Sing street
3. Money Monster
4. Green Room
5. Kubo and the Two Strings
6. Train to Busan
7. Your name
8. Trolls
9. Nerve
10. Where to Invade Next
11. Mr. right
12. Ghostbusters
13. The shallows
14. Bad Moms
15. Captain America: Civil war
16. Finding dory
17. The Conjuring 2
18. The VVitch
19. Lights out
20. February
21. High-rise
22. Me Before You
23. Equals
24. Blair Witch
25.Don't breathe
26. Bad Neighbors 2
27. Café Society
28. If Cats Disappeared form the world
29. Hardcore Henry
เครดิตภาพ
http://minimore.com/edit/chapter/2709/12615
http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2016/11/02/23/39FFFE7C00000578-0-image-m-4_1478129678703.jpg
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in