เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เส้นขนานองฮุนfebturday
มุมของจี๊ด
  • BGM : In My Blood  by Shawn Mendes




    I need somebody now
    I need somebody now
    Someone to help me out
    I need somebody now

     

    ร้านมินิมาร์ทขนาดย่อมแบรนด์ญี่ปุ่นใต้คอนโดมิเนียมทันสมัยที่ติดกับถนนสายสุขุมวิทและอยู่ใกล้บริเวณรถไฟฟ้ากำลังคึกคักไปด้วยผู้คนที่เพิ่งเลิกจากงานบ้างเดินเข้ามาเลือกซื้อของกินเงียบๆคนเดียวแล้วเดินออกไปพร้อมกับเสียงขอบคุณเฉื่อยๆของพนักงานที่ตาโหลลึกและดูเหมือนกำลังเบื่อหน่ายกับสิ่งที่ทำอยู่แต่เมื่อลูกค้ารายใหม่ควงคู่เดินกระหนุงกระหนิงเข้ามาสีหน้านั้นก็เปลี่ยนฉับพลันเป็นยิ้มแห้งพร้อมกับหลุดคำว่าสวัสดีค่ะออกมาอัตโนมัติเหมือนเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้อย่างไรอย่างนั้น

     

    จี๊ดนึกสงสัยว่าตัวเองทำไมถึงได้มีเวลายืนพิจารณาสิ่งต่างๆภายในร้านแห่งนี้ได้อย่างเย็นใจทั้งที่ๆเมื่อกี้   พี่ออมชายหนุ่มที่กำลังซ่อนอาการเครียดเขม็งไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยกับการเตรียมตัวไปโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัดโรคที่ใครๆก็ออกปากและภาวนาว่าอย่าให้เป็นฉันเลยที่ได้เจอ ใช่...พี่ออมโทร.มาเร่งให้รีบขึ้นไปบนห้องเพราะเห็นว่าคนข้างกายของเขาหายไปนานเกินปกติ   

     

    ร่างเล็กเหลือบมองเข็มบอกเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่อยู่ข้อมือข้างซ้ายเวลานี้เกือบจะสองทุ่มและเขาเองก็เพิ่งลงมาเลือกซื้อของใช้จำเป็นที่จะต้องนำไปที่โรงพยาบาลได้เพียงไม่ถึงยี่สิบนาที  จี๊ดนึกแปลกใจไม่ใช่น้อยว่าทำไมชายหนุ่มของเขาถึงได้ดูเร่งแปลกๆพิกลทั้งน้ำเสียงที่ดูไม่ปกติเอาเสียเลย ทั้งเหตุผลที่อ้อนให้รีบขึ้นไป  การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงนานถึงสองปีทำให้เขารู้สึกได้ถึงความผิดแปลกไปของพฤติกรรม“คู่ชีวิต” ของตัวเอง


    นึกถึงอลงกรณ์หรือ พี่ออมของตัวเองแล้ว  ก็อดนึกถึงความขมหวานที่ผ่านกันมาในช่วงสองขวบปีนี้ไม่ได้  จี๊ดไม่ปฏิเสธหรอกว่าชีวิตรักและตัวเองและเขาคนนั้น สุขมีมากกว่าทุกข์แน่นอนแต่นั่นมันก็เป็นความรู้สึกของจี๊ดฝ่ายเดียวหรือเปล่านะ แม้ลึกๆจี๊ดจะรู้สึกว่าพี่ออมก็น่าจะรู้สึกเหมือนกันแต่เมื่อเจอการบอกเลิกกะทันหันเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ทำให้จี๊ดเริ่มไม่มั่นใจว่าการเป็นคู่รักที่ประคองชีวิตรักกันไปอย่างลุ่มๆดอนๆ มันจะดีต่อชีวิตของผู้ชายที่กำลังรออยู่บนห้องรึเปล่า  แต่เมื่อเจ้าตัวได้รู้ถึงเหตุผลของการบอกเลิกนั้นจี๊ดยอมรับว่าตัวเองรู้สึก “ช็อค” ไปเลย  อาการตอนที่เพิ่งรู้คล้ายๆดอกไม้ที่กำลังออกดอกแบ่งบานชูช่อไสวแต่อยู่ๆก็มีน้ำร้อนเดือดจัดราดลงบนดอกไม้นั้น   

     

    แม้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันจี๊ดจะทำตัวชนิดที่บางครั้งตัวเองยังต้องส่ายหัวกับพฤติกรรมตัวเอง  จนโดนหลายๆคนตราหน้าว่า ผู้ชายที่พี่ออมเลือกน่าจะมีดีอย่างเดียวคือ “หน้าตา”   แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่คิดปรับตัวหรือทำอะไรให้มันดีขึ้น  บางทีพี่ออมอาจจะกลายเป็นสนามอารมณ์เป็นที่ปลดปล่อยอารมณ์ชั้นดีของจี๊ดไปแล้ว 

    รู้สึกตัวอีกทีก็วันที่เกือบจะไม่มีเขาอีกต่อไป

    รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อวันที่รู้ว่าเขาเป็นโรคร้าย เป็นโรคที่ใครๆก็ไม่ปรารถนาให้เกิดกับตัวเอง

     

    ความคิดคำนึงเกี่ยวกับคนรักของตัวเองต้องหยุดกึกไปชั่วครู่เมื่อมีผู้ชายร่างท้วมหนวดเขียวครึ้มเบียดตัวเข้ามาเลือกหยิบของบนเชลฟ์  จี๊ดผละออกมาอย่างรวดเร็ว อยู่ๆมือข้างขวาก็สั่นขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  เข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งยองๆที่พื้นกระเบื้องสีครีม  จนทำให้ตะกร้าใส่ของไม่กี่อย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระดาษชำระแบบเปียก  น้ำยาบ้วนปากขนาดเล็ก และของใช้เล็กๆน้อยๆไม่กี่อย่าง หลุดลงจากข้อมือเล็กนั่น ชายหนวดครึ้มเอ่ยปากขอโทษก่อนจะช่วยเก็บตะกร้าขึ้นมาให้ ร่างเล็กที่อยู่ๆก็ควบคุมตัวเองไม่ได้หลุดปากอย่างกราดเกรี้ยวว่า

     

    “วางไว้ตรงนั้นแหละ! 

     

    ชายผู้นั้นเลิกคิ้วและเม้มปากทำท่าไม่พอใจนิดหนึ่งก่อนจะข่มความโกรธต่อน้ำเสียงที่ดูกระด้างนั้นไว้แล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์

     

    เมื่อตั้งสติได้จี๊ดกะพริบตาถี่ๆ และพยายามยันกายขึ้น ยกมือสองข้างมากุมที่หน้าก่อนจะยกขึ้นมากุมปากผ่อนลมหายใจ ไม่กี่นาทีต่อมาก็หวยให้นึกเสียใจที่เมื่อกี้ควบคุมความก้าวร้าวของตัวเองไม่ได้   อาการแบบนี้เป็นมาเมื่อไหร่ไม่ทราบได้แต่มันเริ่มเป็นหนักเมื่อช่วงสองปีที่มาอยู่กับพี่ออมผู้ชายที่ดึงจี๊ดขึ้นมาจาก “ขุมนรก” นั่น


    ขุมนรกของจี๊ดมีอยู่สองอย่างในชีวิตก่อนจะมาพบกับอลังกรณ์  ขุมแรกคือครอบครัวของเขาเอง  จี๊ดเป็นลูกชายสุดท้องมีพี่ชายและพี่สาวที่พ่อแม่รักและโปรดปรานนักหนา  น่าแปลกใจว่าปกติลูกคนเล็กของหลายๆครอบครัวมักจะได้รับความรัก ความใส่ใจ และการเอาอกเอาใจเกินหน้าเกินตาพี่น้องคนอื่นๆ

    แต่นั่นไม่ใช่สำหรับจี๊ด 


    อาจจะเป็นเพราะพี่คนโตและคนกลางเป็นคนที่อาจจะเรียกได้ว่าเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบที่สุดทั้งการเรียนที่เลอเลิศการงานที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัว  สำหรับจี๊ดแล้วนอกจากใบหน้าที่งดงามแทบจะไร้ที่ตินอกนั้นที่สิ่งจี๊ดมีก็ดูเหมือนจะสู้พี่ๆไม่ได้เลย

     

    “พ่อกับแม่ครับ  จี๊ดสอบเข้าเรียนได้ที่ 12 แน่ะ ดีใจมากเลย”

    “เหรอคิดว่าทำดีแล้วเหรอ พี่ๆเขาสอบได้เลขตัวเดียวเองนะ”

     

    จี๊ดจำได้ว่าอารมณ์ที่เดินไปบอกพ่อกับแม่ถึงความภาคภูมิใจที่สอบเข้าเรียนต่อชั้นม. 4 ได้ ได้ “ตั้ง”ที่ 12 ของโรงเรียนชื่อดังย่านใจกลางกรุง  ด้วยความหวังว่าพ่อกับแม่จะชมบ้างสักนิดแต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้นทำเอาเด็กวัยสิบห้าเดินถอยหลังกลับมาที่ห้องนอนตัวเองก่อนกดหน้าลงที่หมอนปล่อยโฮดังๆอย่างคับแค้นใจ

     

    เวลาผ่านไปยิ่งตอกย้ำความน้อยเนื้อต่ำใจให้ตัวเอง  จี๊ดไม่เคยทำอะไรดีในสายตาพ่อแม่เลย  ไม่เคยได้รับคำชม ไม่เคยได้รับการดูแลที่ดีเท่าพี่สองคนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่สมัยประถมที่พ่อไปรับพี่ที่โรงเรียนและลืมจี๊ดไว้  เขาจำได้ว่าตัวเองเดินร้องไห้ไปหาคุณครูให้โทร.หาพ่อ  ก่อนจะรอนานนับชั่วโมงที่พ่อจะวนรถกลับมารับโดยอ้างว่า “ลืมจริงๆ”  


    นึกถึงเหตุการณ์ตรงนี้หนุ่มน้อยวัยสิบห้าในขณะนั้นคิดว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง  ควรจะไปกรีดร้องก่นด่าต่อหน้าพ่อแม่และก่นด่าอย่างที่ใจคิดหรือควรจะร้องไห้เงียบๆต่อไป

     

    โดยไม่รู้ตัวมือเล็กก็หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนาขว้างอย่างอย่างรุนแรงไปที่ผนังจนเครื่องตกลงมาแตกไม่มีชิ้นดี


    นั่นเป็นครั้งแรกที่ของการใช้ความรุนแรงระบายอารมณ์ของจี๊ดก่อนเขาจะโดนความรุนแรงจากพ่อแม่อีกทอดด้วยการถูกลงโทษด้วยการตีจนไม่เรียวหักโทษฐานที่ทำโทรศัพท์พัง

     

    จี๊ดเกลียดบ้านนั้น

    เกลียดพ่อที่ไม่เคยทำให้จี๊ดรู้สึกว่าเป็นลูก

    เกลียดแม่ที่ไม่มีบทบาทหรือคอยช่วยเหลืออะไรเลยนอกจากเออออตามพ่อ  

    เกลียดพี่ชายที่ไม่เคยเข้าข้าง

    เกลียดพี่สาวที่คอยเยาะเย้ยเวลาโดนพ่อแม่ว่า

     

    หลังเรียนจบและทำงานได้ไม่นาน  จี๊ดก็ได้เจอกับ “เอ็ม”  ชายหนุ่มที่เป็นรักแรกและเป็นคนที่ทำให้จี๊ดสัมผัสกับคำว่ารักอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน   

     

    จะว่าไปแล้วช่วงเวลาที่จี๊ดรู้จักกับรักแรกน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ได้รู้จักกับ“พี่ออม” ผ่านสายงานที่จี๊ดทำอยู่  ตอนที่เจอชายหนุ่มผู้ที่กลายเป็นคนสำคัญและกลายมาเป็นคนที่อยู่ด้วยกันในวันนี้เป็นเรื่องน่าอายยิ่งนักจี๊ดโดนหัวหน้างานเฉ่งอย่างหนักที่มุมหนึ่งข้างห้องน้ำของโรงแรมข้อหาทำงานผิดพลาดหลังหัวหน้าเดินออกไป ชั่วอึดใจใครคนหนึ่งก็ขยับตัวจากหลังฉากแบนเนอร์ของงานเลี้ยง  โดยไม่ได้ตั้งใจอลงกรณ์เห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของพนักงานมือใหม่  ก่อนจะพูดออกมาเบาๆแต่หนักแน่น

     

    “ผมไม่รู้นะครับว่าคุณเจออะไรมา หัวหน้าเค้าด่าเราเมื่อเห็นเราทำผิดอาจจะดีกว่าหัวหน้าที่ละเลยไม่สนใจเราก็ได้ สู้ๆนะครับ”


     

     จี๊ดจำความรู้สึกนั้นได้ไม่ลืมผู้ชายคนนี้เป็นคนของบริษัทที่จ้างบริษัทของจี๊ดจัดงานในวันนี้ เขาเห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้แล้วจะเดินหนีไปไม่แยแสก็ได้ แต่นี่กลับมาบอกให้สู้อีกแน่ะจี๊ดไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะอายเกินกว่าจะสู้หน้าพ่อหนุ่มจอมจุ้น

     

    จี๊ดกับพี่ออมก็ได้เจอกันหลังเลิกงานเลี้ยง  จี๊ดมองออกว่าชายหนุ่มสนใจในตัวของเขาแววตาที่ส่งมาระยิบระยับเกินกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันจะมี  แต่เสียใจด้วยนะ จี๊ดพูดกับตัวเองเบาๆ

     

     “ผมมีแฟนแล้วแล้วก็รักแฟนมากด้วย”


     

    พี่ออมคนนั้นหมั่นโทร.มาหาจี๊ดในตอนแรกที่เพิ่งรู้จัก  ชวนคุยนั่นนี่ เล่าเรื่องชีวิตที่ต่อสู้ด้วยตัวเองคนเดียวจนมีการงานที่มั่นคงทำพร้อมกับสอนข้อคิดในการทำงานให้ตัวเขา จากคนรู้จักเริ่มเป็นพี่ที่สนิทก่อนที่จี๊ดจะเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มคิดกับตัวเองมากไปจึงได้บอกไปตามตรงว่ามีแฟนแล้ว หลังจากรู้ว่าจี๊ดมีแฟนแล้วชายหนุ่มผู้มีดาวสามดวงก็ดูระแวดระวังในการโทร.หาจี๊ดมากขึ้นและเมื่อกาลเวลาผ่านไปเขาก็ค่อยๆหายไปจากชีวิตจี๊ด  จริงสินะใครล่ะจะอยากเป็นมือที่สามของความสัมพันธ์ที่เรียกว่าคู่รัก


     

    ออมหายไปจากชีวิตจี๊ดนานพอๆกับที่ความสัมพันธ์ของจี๊ดกับเอ็มเริ่มสั่นคลอนและย่ำแย่ลงทุกวันภายใต้ความหล่อเหลาและแสนเอาใจของเอ็มใครจะรู้ว่าอีกด้านหนึ่งของเขาจะมืดพอๆกับที่ทำให้จี๊ดต้องแหลกสลายทั้งร่างกายและจิตใจ  

     


    จี๊ดรู้ว่าเอ็มรักมากแต่ช่วงหลังเริ่มมากเกินกว่าที่คนปกติจะทำกัน  ความรุนแรงที่จี๊ดเคยสัมผัสจากครอบครัว  รอยช้ำจากแรงฟาดไม้เรียวของพ่อที่กระหน่ำลงบนผิวใสจนหักคามือเหมือนจะยังไม่พอพระเจ้าดูเหมือนจะกลั่นแกล้งให้จี๊ดต้องมาเจอกับความรุนแรงที่หนักข้อขึ้นไปอีก

     

    “บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้คุยกับใคร!!  

     

    น้ำเสียงกราดเกรี้ยวของเอ็มดังลั่นไปทั่วห้องเช่าขนาด 32 ตารางเมตรบนตึกชั้นที่สิบสี่ของอพาร์ทเมนต์  กลางเก่ากลางใหม่ที่ตั้งอยู่ในย่านที่แทบจะเรียกได้ว่าชุมชนแออัด



     

    “ไม่มีอะไรเลยเอ็ม คนนั้นเป็นแค่เพื่อนที่ทำงานนะ”

    “มึงคิดว่ามึงจะหลอกกูได้เหรอ ร่านนัก”

     

    พลั่ก!!!

     


    กำปั้นของเอ็มชกเข้าที่ช่วงท้องน้อยของจี๊ดอย่างแรงจนร่างเล็กกระเด็นติดฝา  มือน้อยๆค่อยๆกุมที่ท้องอย่างเจ็บปวด  น้ำตาค่อยๆไหลลงมาเป็นสาย ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เพิ่งปล่อยหมัดไปเพราะความโมโหหึงที่จี๊ดเคยบอกว่าเป็นการโมโหที่ไร้สาระที่สุดมองมาที่จี๊ดอย่างไม่รู้สึกรู้สาก่อนจะถอดเสื้อเปลือยท่อนบนส่วนท่อนล่างเหลือเพียงกางเกงยีนส์ขาดๆสีคราม เดินอารมณ์เสียออกไปสูบบุหรี่ปล่อยอารมณ์ที่ระเบียง

     


    แววตาของเอ็มไม่มีเหลือความรักใดให้จี๊ดได้สัมผัสอีก 

    ที่เห็นเมื่อกี้เหมือนแววตาของสัตว์ดุร้าย

     

    มือจี๊ดสั่นเทาด้วยความกลัว ดวงตาแดงช้ำสั่นระริกอย่างตื่นตระหนก 

    แววตาเมื่อกี้เหมือนตอนที่พ่อตีจี๊ดตอนเด็กๆแบบไม่ยั้งเลย


     

     หนีไป!!!

     

    จิตใต้สำนึกบอกว่าให้จี๊ดทำแบบนั้น  อาการเจ็บที่ช่องท้องยังแปลบขึ้นมาเป็นระยะ  เอ็มยังยืนสูบบุหรี่ปล่อยควันฉุยอยู่นอกระเบียง  จี๊ดค่อยๆคลานออกจากมุมผนังที่ติดกับห้องน้ำใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า มือหยิบโทรศัพท์ด้วยอาการสั่นกลัวอยู่ๆจี๊ดก็นึกถึงหน้าผู้ชายคนที่คอยให้กำลังใจ คอยให้ข้อคิดเรื่องทำงานคนที่เล่าถึงบทเรียนชีวิตต่างๆนานาอย่างภาคภูมิใจ จี๊ดนึกถึงผู้ชายคนที่ค่อยๆหายไปจากชีวิตหลังจากอกหักเล็กๆเมื่อรู้ว่าจี๊ดมีแฟนแล้ว

     


    มือเล็กส่งข้อความไปอย่างเสียวสันหลัง


     

    “พี่ออม ช่วยจี๊ดด้วย”

    “มาหาจี๊ดหน่อย จี๊ดกำลังมีเรื่อง”


     

    มือที่สั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ค่อยๆส่งข้อความไปอย่างหวาดผวา  ก่อนจะส่งโลเคชั่นผ่านเจ้าแอพสีเขียวไปด้วย 

     


    รอการตอบกลับแต่ข้อความของจี๊ดยังไม่ได้รับการอ่าน บางทีตอนนี้พี่ออมอาจจะนั่งแฮงค์เอ้าท์อยู่ที่ไหนสักแห่งกับกลุ่มเพื่อนหรือบางทีอาจจะบล็อกไลน์ของเขาไปเสียแล้วก็ได้

     


    นานเท่าไหร่ไม่รู้นานตราบเท่าที่ลมหายใจของจี๊ดจะหยุดไป จี๊ดตัดสินใจโทร.ไปหาออม แต่ไร้การตอบรับจากปลายทาง  ตัดสินใจกดโทร.หาครั้งที่สองแต่ก่อนที่จะรู้ว่าปลายสายรับหรือไม่นั้น โทรศัพท์ของจี๊ดก็ถูกกระชากไปอย่างแรงและถูกโยนไปยังประตูหน้าห้องอย่างไร้ความปรานี


     

    เพี๊ยะ!

     

    มื้อกร้านลงน้ำหนักที่แก้มด้านซ้ายของจี๊ดอย่างจัง 

     

    “นี่มึงไม่จำใช่ไหม ยังแรดโทร.หาผู้ชายคนอื่นอีก  ไม่จำใช่มั้ย  ได้!!!” 


     

    จี๊ดเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะถูกร่างเพรียวของอีกฝ่ายที่ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนฉุดกระชากจี๊ดไปที่ห้องน้ำผลักให้ล้มลงก่อนจะเขย่าตัวแรงๆ และโขกหัวของจี๊ดเข้าที่ผนังห้องน้ำไปหนึ่งทีและเปิดน้ำจากฝักบัวฉีดไปที่ร่างเล็กนั่นก่อนจะใช้กลอนล็อคประตูห้องน้ำไว้   ทั้งน้ำตา เลือดที่ไหลออกจากหัวที่น่าจะแตกจากการที่เอ็มจับโขกด้วยอารมณ์ร้าย และน้ำที่เพิ่งถูกฉีดราดไหลมารวมกันจนแยกไม่ออก  จี๊ดค่อยๆพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นอย่างยากเย็นแล้วทุบห้องน้ำรัวๆ

     

    “ปล่อยนะ ปล่อยจี๊ดเดี๋ยวนี้ !!!  จี๊ดตะโกนสุดเสียงด้วยความโมโหและเจ็บปวดจนใจจะขาด


    “มึงสำนึกผิดอยู่ในนั้นแหละ แม่งคนอย่างมึงต้องได้บทเรียน” เสียงกระแทกตอบกลับมาราวกับว่าไม่เคยรักกันมาก่อน


     

    จี๊ดเคาะประตูรัวจนมือช้ำไปหมด  เสียงหวีดร้องที่คนข้างนอกไม่แยแสสักนิด  นานพอควร นานจนร่างเล็กเหนื่อยหอบจนต้องพิงกับผนังห้องน้ำอย่างจนมุมในชะตากรรม  ตอนนี้จี๊ดร้าวร้านและแตกสลายไปทั้งตัวและหัวใจ ยับเยินไปทั้งสติสัมปชัญญะและความรู้สึกต่างๆนานา


     

    ตอนย้ายออกจากบ้านมาอยู่กับเอ็ม จี๊ดคิดว่าจะทำให้ตัวเองพ้นขุมนรกนั่นแต่ดูสิ...ตอนนี้กลับกลายเป็นนรกที่ร้าวรวดยิ่งกว่า  ร่างเล็กร้องไห้จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือดก่อนจะค่อยๆกัดนิ้วระบายความเครียด และร้ายที่สุดคือ การทำร้ายตัวเอง        


     

    จี๊ดกรีดร้องขึ้นสุดเสียงก่อนจะใช้มือตบหน้าตัวเองรัวๆ 

     

    ในใจตอนนั้นจี๊ดคิดว่า

     

     “ถ้าตายไปตอนนี้ได้คงดีนะ  ตายไปเลยดีมั้ย อยู่ไปก็หนักโลกเปล่าๆ”


     

    นานนับกว่าสองชั่วโมง  เอ็มไม่มีทีว่าว่าจะปลดกลอนเจ้าตัวแต่งตัวออกไปข้างนอกอย่างไม่สนใจไยดีกับคนรักของตัวเองที่ถูกขังไว้ในห้องน้ำเอ็มแสยะยิ้มเล็กๆก่อนจะก้าวออกจากห้องเช่านั้นไป

     

    เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง  ร่างน้อยกับเสื้อผ้าเปียกชื้นในห้องน้ำเล็กๆที่เหม็นอับและมืดมิด มีเพียงแสงไฟสลัวรางจากข้างนอกที่พาดผ่านเข้ามาทางช่องลมของห้องน้ำที่สภาพเก่าคร่ำคร่า   สภาพร่างที่นอนแผ่ที่พื้นห้องน้ำหมดเรี่ยวแรง คราบเลือดบนหนังหัวเริ่มแห้งเหนียวข้น  ดวงหน้าสวยที่เริ่มบวมช้ำจากการลงน้ำหนักของคนรักใจโหด  



    ลมหายใจค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆ ราวกับว่าเป็นการนับถอยหลังให้โลกที่แสนจะโหดร้ายใบนี้สติที่กำลังจะหมดค่อยๆมืดลง โดยไม่รู้ว่าข้างนอกกำลังเกิดอะไรขึ้น


     

    ก่อนดวงตาจะปิดลงไปพร้อมๆกับสัมปชัญญะสุดท้าย  จี๊ดได้ยินเสียงทุบอะไรสักอย่างที่หน้าน้ำก่อนที่คนจำนวนหนึ่งจะกรูเข้ามา และมีมือของใครบางคนค่อยๆช้อนร่างของจี๊ดขึ้นมาอุ้ม   จี๊ดมองผ่านม่านตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา  

     

    ผู้ชายคนที่กำลังอุ้มอยู่ตอนนี้...เป็นใครนะก่อนสติจะดับไป จี๊ดเหมือนได้ยินเสียงอบอุ่นคุ้นเคยนั่นกระซิบเบาๆที่ข้างหู

     


    “จี๊ด พี่ออมมาช่วยแล้วนะ  ไม่เป็นไรแล้วนะครับคนดี”

     


    --------

     


    คิดอะไรเพลินๆ ไปนานไม่รู้เท่าไร    รู้ตัวอีกทีจี๊ดก็ออกจากมินิมาร์ทมาอยู่ที่หน้าประตูห้องเสียแล้ว  กำลังจะกดรหัสเข้าห้องแต่ก็ยั้งมือไว้ก่อนเพราะเหลือบมองไปเห็นผู้ชายร่างเล็กใส่เสื้อยืดสีกรมท่าเดินถือดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่สวยงามเดินยิ้มกริ่มมาทางที่เขายืนอยู่พอดี

     

    “ผมมาส่งดอกไม้ครับ ใช่ห้องคุณจี๊ดหรือเปล่า”


    “ใช่ครับ ส่งดอกไม้ให้ใครนะครับ”


    “คุณจี๊ดครับ”                       

         

    “ผมเองครับ”


    “งั้นช่วยเซ็นรับด้วยนะครับ”


    “โอเคครับ”


     

    คล้อยหลังที่ชายผู้ส่งดอกไม้เดินหายลับเข้าไปในลิฟต์ จี๊ดหันหน้ามาพิจารณาช่อดอกไม้แสนสวยในมืออีกครั้งอย่างตรึกตรอง 

    ใครส่งดอกไม้มาให้เรานะ?

    ใครล่ะ?

    หรือจะเป็นพี่ออม 


    สายตาค่อยๆไล่ระดับจากกลีบกุหลาบสีขาวด้านบนจนไปปะทะกับการ์ดสีทองเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ข้างล่างช่อ  จี๊ดค่อยๆเปิดการ์ดขึ้นมาอ่านข้อความในการ์ดนั่น

     



    “จี๊ดมีคุณค่ามากๆเลยรู้ไหม  พี่ภูมิใจที่มีจี๊ดอยู่ตรงนี้

    ยิ้มให้ตัวเองและอย่าลืมรักตัวเองนะ”

                                         พี่ออม

                                             คนที่รักและอยู่เคียงข้างจี๊ดเสมอ



     

    มือเล็กๆค่อยๆปิดการ์ดลงไปอย่างสั่นระริก ก่อนจะยกการ์ดใบเล็กขึ้นมาจุมพิตเบาๆอย่างรักใคร่พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงผ่านแก้มนิ่ม



    นานตราบเท่าที่หัวใจดวงน้อยจะสะกดกลั้นคามรู้สึกไว้ได้ เสียงสะอื้นไห้ค่อยๆถูกปลดปล่อยออกมาจนก้องกังวานไปทั่วทั้งชั้นของคอนโดมิเนียม


     

    แม้กระทั่งชายผู้เป็นเจ้าของข้อความในการ์ดยังรู้สึกสะท้านเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นนั้น... 

     

     


    Help me, it’s like the walls are caving in
    Sometimes I feel like giving up
    But I just can’t

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in