เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ROAD TO INTERNSHIP หนทางสู่การเป็นนิสิตฝึกงานที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบpadmeekrached
บทที่ 6 คือเรื่องมันเป็นงี้
  • วันที่ 2-9 กรกฎาคม

         บทนี้เนื่องจากว่าเป็นสัปดาห์ที่โรงเรียนต้องปิดไปชั่วคราวเนื่องจากสถานการณ์โควิด เราจึงมารวบรวมเรื่องราวน่ารัก ๆ ความประทับใจ หรือแม้กระทั่งเรื่องวุ่น ๆ ความแปลกประหลาด ที่เกิดขึ้นระหว่างเราฝึกงานลงในบทนี้เราจะพยายามนึกออกให้ได้มากที่สุดนะ

    คือเรื่องมันเป็นงี้...

         วันก่อนเราก็ได้ย้ายห้องอีกเช่นเคย เหมือนห้องนี้ครูค่อนข้างดุนิดนึง แต่เราก็คิดว่าเค้าก็หวังให้เด็กเชื่อฟังแหละ เพราว่าน้องไม่ค่อยทำงานถึงทำก็ช้ามากจนถึงเวลากินข้าว ซึ่งเด็กอนุบาลที่นี่จะทานข้าวเป็นเวลา 11 โมง เราก็ไม่รู้ว่าโรงเรียนที่อื่นเป็นยังไงนะ เพราะว่าเราก็ห่างหายจากคำว่าอนุบาลไปนานมากเหมือนกัน ฮ่า ๆ ๆ  ต่อดีกว่าถึงไหนละ พอกินข้าวเสร็จคุณครูก็ไม่อนุญาตให้เด็กสองคนที่ยังทำงานไม่เสร็จนั้นไปซื้อขนม เพราะว่าต้องทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะไปได้ น้องก็มานั่งคัดตัวอักษรต่อที่โต๊ะหินอ่อนหน้าห้อง เราซึ่งว่างช่วงพักกลางวันพอดีก็เลยนั่งเฝ้าน้องทำงานเฝ้าไปสอนไป ระหว่างนั้นก็เกิดความประทับใจขึ้นคือ มีเด็กเล็ก ๆ สองคนเอาดอกไม้มาให้เราสองดอกซึ่งน่ารักมาก ๆ 

         เราพบว่าสื่งที่แปลกของโรงเรียนนี้อีกอย่างก็คือ ปกติโรงเรียนอนุบาลที่เราเคยเรียนจะมีเป็นเสมือนกรงหรือตึกล้อมรอบที่เด็กจะไม่สามารถออกไปเล่นภายนอกได้ จะต้องเล่นแต่ในบริเวณอาคารเท่านั้น แต่อนุบาลของที่นี่เด็กสามารถออกไปเล่นที่ไหนก็ได้ในโรงเรียน แปลกสำหรับเราเอามาก ๆ เด็กอนุบาลบางคนก็ออกไปเล่นกับพี่บ้าง เล่นรวม ๆ กัน ซึ่งมันก็ทำให้เราก็เห็นภาพน่ารัก ๆ อยู่เสมอดูอบอุ่นยังไงชอบกล

         เมื่อเราย้ายมาอาคารอนุบาล 3 ทีไรมักจะมีเรื่องให้วุ่นวายทุกที ซึ่งเราก็ได้ทำการสถาปนาคำศัพท์คำว่า " หมี่เหลือง " ขึ้นมาซึ่งมาจากคำว่า "  มีเรื่อง " นั่นเอง เพราะย้ายมาอาคารนี้ทีไรหมี่เหลืองทุกที เดี๋ยวเด็กล้มบ้าง ทะเลาะกันบ้าง อย่างล่าสุดไปเล่นอีท่าไหนมาไม่รู้เลือดกำเดาไหล กินข้าวยังไม่ทันหมดก็ต้องรีบลุกขึ้นไปจัดการให้เสร็จสรรพ ไม่งั้นล่ะก็ " หมี่เหลือง " แน่นอน 

         จากการที่เราได้สลับสับเปลี่ยนห้องไปเรื่อย ๆ นั้นมันทำให้เราสรุปได้ว่าห้องที่ดื้อที่สุดนั่นก็คืออนุบาล 3\2 แสบสุดก็คือเด็กผู้ชายสองคนซึ่งน้องเค้าพูดเท่าไหร่ก็ไม่เคยฟังบางครั้งน้องก็เป็นเด็กที่น่ารักแต่พอได้เวลาแสบเท่านั้นแหละก็แสบเอาเรื่องเลยทีเดียว ที่เห็นว่าน้องน่ารักคือน้องเป็นคนที่สังเกตคนมาก ๆ วันนั้นน้องเห็นเราเสียงแหบมาจากการเล่านิทานจากวันก่อนเพราะวันนั้นจำได้ว่าเล่าไป 10 เรื่องได้มั้ง คำว่า " คุณครูไม่สบายรึเปล่า ? " จากเล็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ฟังแล้วรุ็สึกอบอุ่นไม่ใช่น้อยเลย ว่าไหม ><

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in