เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Thanawhai Blog Showcaseomelasgirl
7 (and still counting) with BTS
  • สวัสดีค่าา รอบนี้ไม่ได้จะมาชวนดูหรือวิเคราะห์อะไร แต่จะมาแนะนำเพลงที่เรามองว่าเพลงเหล่านี้สามารถประคับประคองเรามาได้จนถึงทุกวันนี้เลยตั้งใจจะเขียนเก็บไว้ขอบคุณบังทันฯ (ด้วยภาษาไทยที่เขาไม่น่าจะมีโอกาสเห็น ฮาา) ในโอกาสครบรอบ 7 ปีของวงค่ะ 

    อย่างแรกเลยต้องขอบคุณที่วงสามารถพาตัวเองมาถึงสื่อนอกประเทศได้ ทำให้เราสามารถเห็นเค้าและเริ่มตามได้ช่วง ธันวาคมปี 60 (ช่วงคัมแบ็ค DNA) จนถึงทุกวันนี้ ฮา ด้วยความที่มีคนพูดถึงวงมาเยอะแล้วว่าพวกเขาเด่นในด้านการฮีลใจแฟนคลับแค่ไหน เราเลยอยากจะพาไปดู 7 เพลงที่เราอยากชวนมาฟังกันผ่านประสบการณ์ร่วมที่เราอยากเล่า โดย 7 เพลงนี้เป็นเพลง side track ในอัลบั้มค่าา

    1. Moving on  เนื้อหาของเพลงก็จะเกี่ยวกับการรำลึกของหอแรกที่บังทันฯ ได้ย้ายออกมา โดยเพลงแรกนี้มีส่วนสำคัญกับเรามากๆ เพราะช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เรามีการย้ายที่อยู่จากบ้าน, หอ แทบทุกปี การเก็บของย้ายเข้าย้ายออกจึงเกิดขึ้นแทบจะรายปีเลยก็ว่าได้ แล้วเมื่อเก็บแต่ละครั้ง เราก็หมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการทบทวนความทรงจำกับของชิ้นนั้น ๆ และคนที่เคยพบพาน
    2. 2! 3! (Still Wishing There Will Be Better Days) เริ่มตั้งแต่ชื่อเพลงที่เป็นจังหวะนับเพื่อการทำอะไรซักอย่าง หรือการต้องทำอะไรซ้ำๆ จนกว่าจะชิน หรืออย่างที่ท่อนแรกขึ้นต้นว่า Been trying to tell you this, I was supposed to tell you this. This is all for you ที่เรารู้สึกเหมือนโดนปลอบทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะฟังมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม ฮา ด้วยความที่ทั้งเพลง เป็นเหมือนมีบังทันฯมานั่งฟังเราระบายสิ่งหนักหนาที่เจอมาที่พวกเขาก็ไม่มั่นใจพอที่จะบอกให้เรารอ เพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่พวกเขาก็ยังหวังอย่างนั้นเช่นเดียวกันกับเรานั่นแหละ (ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วในฐานะแฟนคลับที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้จากศิลปินที่เราได้แต่พูดว่า ขอบคุณที่พวกเขาเกิดมา)
    3. We are bulletproof : the Eternal แค่ชื่อเพลงก็รู้แล้วว่าหัวใจแฟนคลับจะเปียกปอนด้วยน้ำตาแค่ไหน ฮา เรารู้สึกว่าท่อนที่บีบหัวใจแฟนคลับอย่างเรา โดยขอยกเนื้อเพลงที่เราชอบที่สุดอย่าง “ Tell me your every story , Tell me why you don't stop this, Tell me why you still walkin' Walkin' with us  ที่ยิ่งตอกย้ำว่า ไม่ใช่แค่แฟนคลับที่ขอบคุณบังทันขนาดนี้ กลับกัน บังทันก็รู้สึกขอบคุณเราไม่น้อย ที่ทำให้จากที่พวกเขาไม่มีอะไรเลยแต่ก็ยังสนับสนุนกันจนมาถึงทุกวันนี้ ตลอดเพลงคอยตอกย้ำให้เรารู้สึกว่า คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ตามวงนี้ และอยากจะตามต่อไปเรื่อยๆ 
    4. Magic Shop ที่เรามองว่ายูนิตวงๆ นี้เป็นเสมือนที่พักใจที่เราอยากจะแวะมาไม่ว่าจะยามต้องการมีพวกเขาอยู่เป็นเพื่อน วันที่ผ่านอะไรมาหนักๆ แล้วอยากหลบไปพักใจในห้วงเพลงพวกเขา
    5. Paradise ที่มีท่อนอย่าง stop running for nothing my friend เป็นคอรัสที่คอยย้ำให้เรามีสติเวลา freak out และมีสติกับสิ่งที่ทำอยู่ว่า มันค่อยเป็นค่อยไปได้ ไม่จำเป็นต้องวิ่งหรือรีบร้อนเลย 
    6. Home ที่ไม่ว่าฟังกี่ครั้งก็ relatable ตั้งแต่ประโยคแรก I’m exhausted ที่เรารู้สึกว่าต้องการกลับบ้าน ซึ่งบ้านในที่นี่เรามองว่ามันคือระดับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากกว่าโครงสร้างคอนกรีต เพื่อที่จะทำตัวให้สบายหลังจากเปิดประตูเข้ามาว่า I’m home
    7. Mikrokosmos ในเพลงสุดท้ายนี้ไม่ว่าจะยังไงเราก็มั่นใจว่าเราจะผ่านทุกสถานการณ์ไปได้แค่ประโยคที่ว่า “You’ve got me” ที่เราไม่รู้จะขอบคุณยังไงให้พอกับการที่จักรวาลเล็กๆ นี้มันประกอบไปด้วยบังทันและอาร์มี่อยู่ในนั้น ขอบคุณมากๆ จริงๆ

    เราพูดได้เต็มปากเลยว่าเพลงบังทันมีส่วนสำคัญมากในช่ววมหาวิทยาลัยของเราที่ไม่ว่ามันจะปนๆ ความรู้สึก แต่การที่มีบังทันอยู่ในทรงจำชุดนี้ก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่ามันเป็น The most beautiful moment in life ที่เราอยากให้เดินไปด้วยกันให้ได้นานที่สุด สุขสันต์วันครบรอบ 7 ปีนะคะ 
    มามีความสุขด้วยกันเถอะ!
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in