หากคุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ เราขอเดาไว้เลยว่าคุณต้องคือหนึ่งในแฟนคลับของพ่อหนุ่ม Dylan Minnette จาก tv series ชื่อดังประจำปี 2017 ของ Netflix
13 Reasons Why แน่นอน แต่ถ้าคุณไม่ใช่แฟนคลับของหนุ่มดิแลนก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ว่าคุณจะรู้จักพ่อหนุ่มคนนี้หรือไม่ก็ตาม คุณผู้อ่านครับ คุณกำลังจะได้รู้จักกับวง indie rock หน้าใหม่ที่โคตรเด็กแนวที่มีชื่อว่า Wallows
Wallows คือวงอินดี้หน้าใหม่จาก Los Angeles ที่สมาชิกประกอบไปด้วย Dylan Minnette (ซ้าย; ร้องนำและกีต้าร์), Cole Preston (กลาง; กลอง), และ Braeden Lemasters (ขวา; ร้องนำและกีต้าร์)
ทั้งสามหนุ่มได้ฟอร์มวงนี้ขึ้นจากการเป็นเพื่อนที่เล่นดนตรีและ cover เพลงต่าง ๆ ด้วยกันมาเป็นเวลานาน โดยที่มาของชื่อวงนี้ สามหนุ่มได้บอกว่าพวกเขาได้นำชื่อนี้มาจากสถานที่ชื่อดังใน Honolulu, Hawaii ซึ่งเป็นที่ที่วัยรุ่นนิยมไปเล่น skateboard กัน อีกทั้งความหมายของคำนี้ยังสื่อถึงมิตรภาพ ความหลงใหลในดนตรี และอิทธิพลต่าง ๆ ของสมาชิกทั้งสาม
กระแสของ Wallows ส่วนหนึ่งมาจากหนุ่ม Dylan ที่ได้รับชื่อเสียงมากมายจากงานแสดงต่าง ๆ ที่คนบ้านเราน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตาจากซีรี่ย์ 13 Reasons Why หรือ ภาพยนตร์เขย่าขวัญกระตุกจิต Don't Breathe แต่ Dylan ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นนักแสดง Braeden ก็เป็นอีกคนที่เคยรับงานแสดงตั้งแต่ยังเด็กเหมือนกัน ซึ่ง Six Feet Under ก็คือทีวีซีรีย์ของ HBO ที่ Braeden ได้ไปแสดงตั้งแต่ยังอายุ 9 ขวบ
จบเรื่องสมาชิกและเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของวงไปแล้ว มาต่อกันเรื่องงานเพลงของวงกันบ้าง สาเหตุที่เราหยิบงานเพลงจาก Wallows มาเขียน เพราะเราเชื่อว่า ในอนาคต วงนี้ต้องมีชื่อเสียงที่โด่งดังแน่นอน เพราะเพลงพวกเขาดีมากกกกกกกกกกก ด้วยการทำเพลงที่ยืนพื้นด้วยดนตรีแบบ indie rock ที่ผสมซาวน์ grunge เข้าไป บวกกับการร้องของ Dylan และ Braeden ที่เหมือนจะบ่นบ้าไรไม่รู้ตลอดเวลา จึงทำให้เพลงของ Wallows มีเอกลักษณ์มาก และน่าจะถูกใจผู้ฟังสายอินดี้ได้ไม่ยาก วันนี้เราจึงของหยิบงานเพลงสามเพลงที่ทางวงได้ปล่อยออกมาตั้งแต่ตอนแรกมารีวิวให้อ่านและฟังกัน
Single Covers of "Pleaser," "Sun Tan," and "Uncomfortable"
VIDEO
"Language of averted eyes
Silence is what I do best"
มาเริ่มกันกับ debut single ของ Wallows ที่มีชื่อว่า "Pleaser " เพลงนี้ถูกปล่อยมาในวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา และตอนนี้ยอดการกดฟังใน Spotify ก็พุ่งไปถึงสามล้านครั้งแล้ว ในเพลงนี้ตอนฟังครั้งแรก เชื่ออว่าแฟน ๆ เพลงแนว grunge หรือ rock แบบที่มีซาวน์แบบเก่า ๆ จาก '80 หรือ '90 น่าจะถูกอกถูกใจเป็นอย่างมาก เพราะทั้งเสียงเบสและกีต้าร์นี่อัดแน่นมาก ฟังแล้วสะใจชวนโยกหัวกระทืบเท้าตามสุด ๆ บวกกับเพลงยังมีเสียงซาวน์กีต้าร์ที่โดดเด่นจนเหมือนเป็นลายเซนต์ของเพลงนี้ไปเลย
ด้านเนื้อหาก็ค่อนข้างเป็นการเป็นการเปิดตัวให้ผู้ฟังรู้จักภาพลักษณ์ของวงได้ดีมาก ด้วยการเอาประเด็นความเป็น introvert มาใช้ในเพลง ซึ่งเนื้อหาเป็นการบ่นของผู้ชายคนนึงที่ไม่ถนัดในเรื่องการสื่อสาร และเป็น "People Pleaser" (คนที่ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของตัวเอง) โดยพ่อหนุ่มคนนี้มีความรู้สึกตกหลุมรักคนหนึ่งแต่ไม่รู้จะนำความรู้สึกนี้ไปบอกยังไง จึงได้แต่นั่งอมพะนำพูดอยู่กับตัวเอง
"Pleaser" จึงเป็นเพลงเปิดตัวที่มีความน่ารักและความชาญฉลาดในด้านเนื้อหา แต่มีความเท่และติดหูในเรื่องของดนตรีเป็นอย่างมาก ลองกดฟังกันเลย รับประกันว่าแค่รอบเดียว เพลงนี้จะหลอนหูพวกคุณไปอีกนาน
VIDEO
"Okay, I'm a fucking loser
Who doesn't wanna talk to you
Okay, I'll take a little time
To care about what you do"
ต่อกันกับ single ที่สอง "Sun Tan " ที่ถูกปล่อยตามมาติด ๆ หากคุณถูกใจกับ "Pleaser" ไปแล้ว เราขอรับประกันว่าเพลงนี้ก็จะถูกใจคุณไม่น้อยไปกว่ากันเลย
ในด้านเนื้อหาก่อน "Sun Tan" เหมือนเป็นภาคต่อจากเพลงก่อนหน้านี้ โดยการหยิบการเป็น introvert มาพูดต่อ แต่ในรอบนี้ ความน่ารักมุ้งมิ้งของผู้ชายพูดไม่เก่งมันหายไปหมด แต่กลับเปลี่ยนร่างกายเป็นผู้ชายขี้เหวี่ยงขวางโลกที่เสริมแอตติจูดแบบ idgaf มาแทน เพลงนี้สามหนุ่มแต่งมาในเชิงของการตัดพ้อถึงความล้มเหลวในเรื่องต่าง ๆ โดยใช้การนอนอาบแดดมาเป็น metaphor ซึ่งตอนฟังเราก็จะขำกับการบ่นแบบว่า เออพอกูอยากจะนอนอาบแดด พระอาทิตย์แม่มก็ตก ("Why does the sun set, baby? / I'm trying to get my sun tan) หรือพออาบแดดได้พอใจจนผิวดันไหม้ พระอาทิตย์ก็เผือกขึ้นมาเฉย ("Why does the sun shine, baby? / I'm tryna heal my sunburn)
ความสร้างสรรค์ด้านดนตรีในเพลงนี้ก็ถูกยกระดับไปอีกเหมือนกันนะ เพราะใน "Sun Tan" สามหนุ่มได้เพิ่มซาวน์ของ trumpet เข้าไป จนทำให้ซาวน์ของเพลงนี้ค่อนข้าง chillax กว่า "Pleaser" และดูเข้ากั๊นเข้ากันกับชื่อเพลงและอารมณ์ของเพลงที่เหมาะกับการที่ออกไปเดินเสียบหูฟังท้าแดดในบ้านเรามาก ๆ
VIDEO
"When the memories bend
I'll see you at the end
And if they never fade
I won't be far away"
มาถึงเพลงล่าสุดที่ Wallows ปล่อยมาแล้วครับผม "Uncomfortable " สำหรับ single ที่สามนี้ ก็ถือว่าเป็นความเปลี่ยนทิศทางการแสดงความสามารถในการทำเพลงของวงบ้าง เพราะ "Uncomfortable" กลับกลายเป็นงาน ballad rock ที่มีความยาวเกือบห้านาทีบวกกับความติดหูที่น้อยลงมาก สำหรับเรา เราต้องฟังถึงสามรอบถึงจะสัมผัสได้ถึงความเจ๋งของเพลงนี้
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่ารอบที่สามนี้ Wallows กลับเลือกเอา ballad มาให้แฟน ๆ ได้ฟังกัน ดังนั้นตัวเพลงจึงมีความ dark ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการทำซาวน์แบบหนัก ๆ ด้วยไลน์เบสและกีต้าร์ที่ยังคงเอกลักษณ์ของวงไว้ แล้วมีเพิ่มท่อน bridge ที่ตามด้วยช่วงโซโลดนตรียาว ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเหล่าสมาชิกได้ดี
สำหรับเนื้อเพลงของ "Uncomfortable" สามหนุ่มก็หยิบยกเรื่องความผิดหวังในด้านความรักมาเป็นประเด็นหลัก ซึ่งต่างจากสองเพลงแรกที่ความรักอาจจะไม่ใช่ประเด็นหลักของเพลง เพลงนี้พูดถึงความจืดจางของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน โดยที่ตัวละครชาย (ที่ยังคง character ความขึ้น ๆ ลง ๆ ด้านอารมณ์เหมือนตัวเอกในสองเพลงแรกไว้) ไม่เคยคาดหวังอะไรกับความมาก่อน แต่เมื่อถึงเวลาที่ความสุขนี้จบไป ความรู้ไม่โอเคก็ถาโถมเข้ามาที่ตัวเขาอย่างจริงจัง
ภาพการแสดงสด ณ The Troubadour ของ Wallows ในขณะนี้ Wallows ยังคงสถานะความเป็น independent band ที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับสังกัดใดเลย กระแสของวงก็เริ่มเป็นที่รู้จักการอย่างกว้างขวางมากขึ้นในหมู่วัยรุ่นอเมริกา (ที่ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความเป็น fangirl ของหนุ่ม Dylan มั้ง 555555) ผู้เขียนจึงอยากให้เหล่านักฟังเพลงในไทยได้รู้จักกับวงนี้บ้าง ยิ่งถ้าใครได้ตามชม
13 Reasons Why มาแล้ว ก็ยิ่งอยากให้ลองมาเสพผลงานของนักแสดงหนุ่มคนนี้บ้าง เพราะไม่ใช่แค่ความสามารถในการแสดง แต่ตัว Dylan และผองเพื่อนกลับมีลูกบ้าได้การทำเพลงที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนจนไม่ดูเป็นงานเพลงที่มีความ generic เหมือนกับเพลง mainstream
และด้วยการสื่อภาพลักษณ์ของผู้ชายห่วย ๆ ที่อยากร้องเพลง จึงทำให้งานเพลงของ Wallows ที่มีความแตกต่างจากวงร็อคทั่วไปที่ชอบโชว์ความกร่าง ความเป็นชายจนดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่สามหนุ่มกับหยิบลักษณะความเป็น loser มาใช้เป็นจุดเด่นของวงได้อย่างน่าสนใจมาก
ขอฝาก Wallows ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของผู้อ่านทั้งหลายนะครับ ถือว่าเพลงจากวงนี้เป็นไฮไลท์เด็ดในปี 2017 ที่นักฟังเพลงควรหยิบมาลองจริง ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in