เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มีธีสิสมาเล่าAmpha Watthawarikun
ว่าด้วยการเขียน
  • มีทั้งคนที่พูดว่าการเขียนยากกว่าวาดและการวาดยากกว่าเขียน ส่วนตัวสรุปได้ว่ายากพอ ๆ กันทั้งคู่ บทนี้พูดเรื่องการเขียนก่อน


    ว่าด้วยการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน


    พูดในฐานะคนที่ทั้งเขียนและวาด มันมีจังหวะที่จะถนัดอย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า แต่สักพักเมื่อหมดไฟ จะพบว่าสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีน้อยกว่า จู่ ๆ กลับทำได้ดีกว่าอย่างน่าเหลือเชื่อ เรื่องนี้นี้ไม่แปลกหรอก งานที่ใช้ความเป็นศิลปินเป็นแบบนี้หมด คือมักลื่นไหนไปถึงจุดหนึ่งแล้วติดขัด ยิ่งฝืนยิ่งไปต่อไม่ได้ ต้องเปลี่ยนบรรยากาศไปทำอย่างอื่นก่อน แล้วค่อยกลับมาทำต่อถึงจะลื่นไหลอีกครั้ง นับว่าแก้ปัญหาไม่ยาก แต่วิธีแก้ปัญหานี่สิที่มีปัญหา มันจะใช้ได้ต่อเมื่อคุณมีเวลาพอเท่านั้น ซึ่งถ้าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คืองาน มันมักจะไม่มีเวลารอให้คุณกลับมามีไฟหรือไปเปลี่ยนบรรยากาศหรอก


    สิ่งนี้เป็นปัญหาและก็จะเป็นเทคนิคที่เราคิดจะใช้ในการทำงานครั้งนี้ของเรา เพราะวรรณกรรมที่เขียนจะมีภาพประกอบด้วย เราในวันแรก ๆ ของการทำงานคิดจะเขียนไปวาดไป สลับกันทำเมื่องานใดงานหนึ่งหมดไฟ ทว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นคือเราไม่สามารถเขียนกับวาดสลับกันได้ เพราะกลัวจะทำส่วนเนื้อเรื่องไม่ทัน นิยายที่ไม่มีภาพประกอบก็ยังเป็นนิยายได้ แต่นิยายที่เนื้อเรื่องไม่ครบนี่ไม่ไหวหรอก ซึ่งสาเหตุที่เรากลัวจะเขียนไม่ทัน เพราะเราเขียนช้ากว่าปกติหนำซ้ำยังมีปัญหาที่หนักกว่าที่กังวลคือความเครียด เรารู้ว่าไม่ควรให้เรื่องส่วนตัวมากระทบกับงาน แต่ชีวิตจริงจะมีสักที่คนแยกเรื่องส่วนตัวกับงานได้ และสุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องที่จะบอกว่า 'ช่วงนี้ฉันยุ่ง ค่อยมาพังทีหลังนะ' แล้วมันจะทำตาม


    ว่าด้วยความเครียด


    เราเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการก้าวผ่านความสุญเสียไปสลับกับพักเพราะความเครียด เราอดคิดไม่ได้ว่าอยากให้ตัวละครเหล่านี้ได้เจอเหมือนเรา ช่วยแบ่งปันความเครียดจากเราด้วย แต่เรารู้ว่าพวกเขาจะมีวิธีปฏิบัติต่อมันต่างจากเราเราอยากยอตัวเองว่าเขียนได้ดีจนตัวละครเดินเรื่องได้เองอยู่หรอก แต่จริง ๆ แล้วเปล่า เราแค่วางตัวละครมีนิสัยต่างจากตัวเราเท่านั้น เมื่อคำนึงเรื่องนี้ได้ เราจึงพบว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากเรื่องที่ตัวเองเขียน เราขอบคุณตัวเราในวันวานที่สร้างพวกเขาขึ้นมาเพื่อสอนตัวเราในวันนี้ 


    เมื่อเรื่องดำเนินถึงจุดหนึ่ง เราจึงลดความเครียดลงมาถึงระดับปลอดภัยได้ และคอยประคับประคองไม่ให้มันกลับไปพุ่งสูงจนเกิดอันตราย


    ว่าด้วยการเขียนเนื้อเรื่อง


    ปัญหาอื่นที่เจอนอกจากความเครียดที่เป็นปัญหาหลักแล้วก็มี นับเป็นปัญหาธรรมดาทั่วไปคือการแก้ไขเนื้อหา เราไม่ได้ขึ้นเรื่องนี้ตามลำดับบท แต่เขียนส่วนที่ถนัดก่อน เช่น มี 9 บท เราเขียน 1>2>3>7>4>5>6>8>9 วิธีนี้ช่วยให้เราเขียนได้เรื่อย ๆ ไม่ติดขัด ถือว่าใช้แทนการเปลี่ยนบรรยากาศได้ ทว่าเกิดปัญหาเมื่อเปลี่ยนเส้นเรื่องหนึ่งจุดจะต้องย้อนกลับไปแก้บทอื่น ๆ ด้วย ผลคือเราต้องเขียนบางบทใหม่ และต้องคอยดูพัฒนาการตัวละครไม่ได้สลับไปมา และสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังคือการที่ตัวละครดำเนินเรื่องราวไปเอง


    แม้ก่อนหน้าจะเพิ่งบอกว่าเรายอตัวเองที่ตัวละครเดินเรื่องเองได้ แต่บางจังหวะมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ มีจุดที่เราคิดว่าตัวละครตัวนี้ควรจะเดินหน้าได้แล้ว แต่เรากลับรู้สึกได้ว่าเขายังไม่พร้อม และเราฝืนบังคับเขาด้วยตัวอักษรไม่กี่ตัวไม่ได้ ซึ่งจุดนี้กลับทำให้เรารักพวกเขามากกว่าเดิม


    ซึ่งนอกจากการเขียนส่วนที่ถนัดก่อนแล้ว ยังมีการเขียนสถานการณ์ที่คิดว่าน่าจะได้ใช้ขึ้นมาลอย ๆ แล้วค่อยจับไปใส่ในบทที่น่าจะเกิดสถานการณ์ด้วย สถานการณ์ที่ว่าอาจเป็นบทสนทนาหรือเป็นบทบรรยายที่ได้ได้เรียงตามลำดับเวลาการทำแบบนี้ช่วยให้เราเข้าใจตัวละครมากขึ้น เหมือนได้รู้จักเขาเพิ่มขึ้น แต่น่าเสียดายว่าบางครั้งไม่ได้ใช้เพราะไม่เข้ากับเนื้อเรื่อง 


    ว่าด้วยเครื่องมือ


    มี 3 แอปที่เราใช้เป็นหลักในการเขียน ได้แก่ โน้ต Google Docs และ Microsoft Word 



    เราถนัดเขียนในโน้ตที่สุด เพราะชินกับหน้าตาแอป รองลงมาคือ Google Docs และ Microsoft Word ส่วนตัวเรารู้สึกว่าโน้ตกับ Google Docs หน้าแอปมันไม่ได้ดูดีมีคุณภาพนัก เลยสบายใจกว่าที่ได้ใช้มากกว่า Microsoft Word ที่เหมือนว่าทุกคำที่เขียนควรจะสมบูรณ์เลย เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย เหมือนว่าคุณมีสมุดสองเล่ม เล่มหนึ่งเก่าแล้วส่วนอีกเล่มสวยใหม่เพิ่งซื้อมา เรามักไม่กล้าใช้เล่มที่เพิ่งซื้อเพราะมันสวยเกินไป 


    แม้สุดท้ายจะเสียเวลาคัดลอกเนื้อเรื่องทั้งหมดที่เขียนในโน้ตกับ Google Docs ไป Microsoft Word เพื่อจัดหน้า แต่มันทำให้เราเขียนได้ง่ายกว่า 


    ว่าด้วยฝีมือ


    มาพูดเรื่องฝีมือการเขียนบ้างดีกว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นนักเขียน แต่เพราะเราเรียนเกี่ยวกับการเขียน เราก็ควรเขียนได้สักหน่อย เราเคยมีช่วงชีวิตที่เป็นนักอยากเขียน พยายามศึกษาจากตำราเพื่อมาพบความจริงว่านักเขียนที่เราชื่นชอบบางคนไม่วางพล็อตหรือไม่รู้จักพล็อตด้วยซ้ำ (เรื่องจริงนะ) นี่ไม่ใช่วงการที่แค่อ่านเยอะจะทำได้ แต่ต้องลงมือจริง และพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ด้วย เพราะเราลงมือจริงไม่บ่อย ผลคือขาดคำวิจารณ์ จุดที่ควรพัฒนาไม่พัฒนาซะที จนมีปัญหาเมื่อเขียนจริงกับงานนี้ เราพยายามแก้ไขจุดด้อยที่ว่า แต่มันไม่ง่าย นี่คืองานเขียนจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรกของเราเป็นไปไม่ได้ที่เราจะกลบจุดด้อยของตัวเองได้หมด และสร้างงานชิ้นเอกออกมาได้ภายในครั้งแรก เราไม่ใช่อัจฉริยะ นี่คือสิ่งที่เรายอมรับมานานแล้ว 


    ว่าด้วยปัญหาอะไรไม่รู้


    อีกเรื่องหนึ่งที่เราไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับการเขียนของตัวเองคือ บางครั้งเราคิดคำหนึ่ง แต่เขียนอีกคำหนึ่งแทน แค่เพราะไม่ชอบหน้าตาของคำนั้น ฟังดูพิลึก ทว่าคือเรื่องจริง เรารู้ว่านานแล้วว่าเราใช้คำไม่หลากหลายเท่าที่ควรเพราะเราไม่ชอบหน้าตาของคำบางคำเลยไม่ยอมใส่มันในงานเขียน เราไม่รู้จะแก้มันยังไง เลยปล่อยไปมาตลอด อธิบายเพิ่มเกี่ยวกับหน้าตาของคำที่ไม่ชอบซะหน่อยเผื่อใครไม่เข้าใจ ซึ่งมั่นใจว่าทั้งหมดน่าจะไม่เข้าใจ คือเรารู้สึกว่าหน้าตาของคำบางคำมันประหลาด เหมือนมันโดดขึ้นมาขณะที่คำอื่น ๆ อยู่ปกติ คำที่ว่าเช่นคำว่า 'โดด' ที่เราเพิ่งใช้ไปเลยสำหรับเรามันเหมือนกับการมองคนยืนเรียงกันเป็นระเบียบ แล้วเห็นคนหนึ่งยืนเอียงกว่าใครเพื่อน เราอยากให้เขายืนเหมือนคนอื่น ๆ หรือไม่ก็ออกไปซะ เราเปลี่ยนหน้าตาคำไม่ได้ เราเลยทำได้แค่ใช้คำอื่นแทน อย่างกับอาการทางจิตเลย เราเชื่อว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ถ้าเราเขียนบ่อยพอจนชินกับหน้าตาของคำที่เราไม่ชอบ แต่ปัจจุบัน เรายังเขียนไม่ปล่อยพอ 


    จริง ๆ เราควรเขียนเกี่ยวกับขั้นตอนการเขียนเป็นหลักมากกว่า แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนี้อยู่ในระหว่างการเขียนด้วย พวกมันคือส่วนประกอบที่เราพูดไม่ได้หรอกว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะความเครียด หรือความอะไรไม่รู้ของเราเอง เราไม่รู้ว่าการเขียนของเราพัฒนาไปมากไหมระหว่างที่ทำงานชิ้นนี้ แต่บางอย่างเกี่ยวกับวิธีคิดและวิธีทำงานของเราเปลี่ยนไป ซึ่งเราพอใจระดับหนึ่งแล้ว


    เราไม่เชิงมั่นใจในงานชิ้นนี้นัก แต่ตลอดเวลาที่อยู่กับมัน เรารักมันจริง ๆ


    ครั้งหน้าจะมาเล่าเกี่ยวกับการทำปกและรูปเล่ม


    ฝากไว้อีกรอบ ปัจจุบันดั่งควันคลุ้ง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in