เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มีธีสิสมาเล่าAmpha Watthawarikun
ว่าด้วยการจัดหน้าและทำปก
  • ก่อนว่าด้วยการทำปก ขอพูดถึงการจัดหน้านิดหน่อย การจัดหน้าคือส่วนที่เรากังวลมาก เพราะเราไม่มีคอมพิวเตอร์เรามีแค่ไอแพด ซึ่ง word ในไอแพดมีฟังก์ชันไม่เท่าคอมพิวเตอร์ เราไม่สามารถจัดหน้า แก้บรรทัดย่อหน้าที่ถูกตัดตอน หรือพวกคำที่ถูกตัดเหมือนในคอมพิวเตอร์ได้เลย จุดนี้เราจึงทำเท่าที่ทำได้ พยายามไม่ให้แต่ละย่อหน้าตัดตอนกันมากเกินไป เวลาเจอคำถูกตัด ไม่เพิ่มคำก็เพิ่มวรรคไป ดันให้ไปบรรทัดถัดไปแทน ที่แก้ไม่ได้เลยคือเลขหน้า ปกติวรรณกรรมจะเริ่มนับหน้า 1 ตั้งแต่หน้าแรกที่เปิดเจอในเล่ม แต่จะไม่ขึ้นเลขหน้าจนกว่าจะเข้าเนื้อเรื่อง สรุปคือ เมื่อเข้าเนื้อเรื่อง มันจะไม่ใช่หน้า 1 แน่นอน เพราะหน้า 1 มันจะเป็นพวกปกรองไปแล้ว แต่ฟังก์ชัน word ในไอแพดเลือกเลขและหน้าที่จะขึ้นเลขหน้าไม่ได้ เราก็เลยได้แต่ปล่อยไป


    เข้าเรื่องปกกัน ส่วนตัวเมื่อเทียบกับการทำส่วนอื่น ๆ เพื่อประกอบเป็นวรรณกรรมแล้ว ปกนับเป็นส่วนที่เรารู้สึกว่าทำง่ายที่สุด แต่ไม่ได้แปลว่าไร้อุปสรรคในขั้นตอนนี้หรือทำปกได้สบาย ๆ เลย ด้วยความที่เรื่องชื่อ ปัจจุบันดั่งควันคลุ้ง จึงได้คำแนะนำให้ปกควรให้ความรู้สึกฟุ้ง ๆ ซึ่งยากสำหรับเรา ตอนแรกคิดว่าจะทำแนวแอบสแตรค (นามธรรม) ตามคำแนะนำของที่ปรึกษาเพราะน่าจะสื่อถึงความฟุ้งได้ แต่พอจะทำจริง ๆ กับคิดไม่ออก พูดถึงแอบสแตรค หลายคนน่าจะนึกถึงภาพวาดที่สาดสีมั่ว ๆ ดูวาดง่าย ๆ แต่กลับมีราคาแพงมาก ตอนที่พยายามวาดนั่นแหละที่ตระหนักได้ว่าถึงภาพแอบสแตรคจะดูมั่ว ๆ แต่มันไม่ได้ทำมั่ว ๆ แล้วจะได้ จึงตัดสินใจจะทำปกตามแนวที่ถนัด คือวาดเป็นเส้นชัด ๆเลย ซึ่งไม่สื่อถึงควันคลุ้งตามชื่อเรื่อง แต่มันคือระดับที่เราทำได้และคิดออกในเวลาที่จำกัดตอนนั้น


    การทำปกสำหรับเราแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ฟอนต์ชื่อเรื่อง ฟอนต์ตัวอักษรอื่น ๆ และภาพประกอบ 


    สำหรับฟอนต์ชื่อเรื่อง เราใช้ canva ในการหาฟอนต์ เพราะไม่ถนัดออกแบบฟอนต์เองเท่าไร เราไล่ดูฟอนต์ภาษาไทยใน canva หาฟอนต์ที่ถูกใจที่สุดและดูให้ความรู้สึกฟุ้งตามชื่อเรื่อง พอได้ จึงเอามาจัดไทโป ปรับขนาดและจัดบรรทัดใหม่ให้ดูน่าสนใจ 


    ตอนแรกเราก็ทำตัวสระกับตัวพยัญชนะบางตัวเชื่อมกัน ให้เหมือนเป็นเส้นลากต่อกัน แต่พอเอาไปนำเสนอ ได้คำแนะนำว่ามันผิดหลักภาษา ซึ่งตอนแรกเราไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะหนังสือที่เราอ่านส่วนใหญ่ในช่วงนี้คือนิยายแปลจีนวัยรุ่นที่มีการออกแบบตัวอักษรแบบเอาตัวอักษรลากเชื่อมกันเยอะมาก พอเราทำตาม จึงไม่ได้ถึงถึงในแง่หลักภาษาเลย เพราะเรานึกแค่ส่วนศิลปะเท่านั้น ส่วนตัวเราไม่คิดว่าการทำแบบนี้มันผิดอะไรนัก แต่เพราะเรื่องที่เราทำคือวรรณกรรมเยาวชน ควรทำตามหลักมากกว่า จึงแก้กันไป 


    ส่วนฟอนต์อื่น ๆ พวกชื่อคนแต่ง เรื่องย่อปกหลังไม่ยากนัก แค่หาฟอนต์ที่ไม่แหวกจากฟอนต์ชื่อเรื่อง และอ่านง่ายพอ 




    ปกแรกที่ทำ



    ส่วนที่ยากที่สุดคือปก ปกแรกที่เราทำ เราทำในช่วงที่หัวไม่แล่นพอดี ออกแบบกี่ทีก็ไม่ดี สุดท้ายก็เลยเอาภาพประกอบเก่าที่คิดจะใส่ในเล่ม แต่ตัดออกมาทำใหม่ ให้เป็นเหมือนช่องที่มองออกไปเห็นตัวละครเอกของเรื่องกับฉากหลังที่เป็นป่าตอนกลางคืน วงกลมขาวที่เห็นก็คือควัน ซึ่งดูไม่เหมือนเลย แต่เพราะวาดกี่ครั้งก็ไม่ถูกใจตัวเอง ก็เลยใช้วงกลมไปเลย สีหลักที่เราเลือกมี 3 สี ได้แก่ 

    สีน้ำเงิน แทนกลางคืน เวลาหลักที่ใช้ในเรื่อง

    สีขาว แทนควัน

    สีดำ แทนความไม่รู้ ไร้หนทาง


    ส่วนตัวชอบปกนี้มาก แต่ได้คำแนะนำว่าสื่อถึงเรื่องไม่ค่อยได้เลย เราจึงทำปกใหม่ 


    ปกใหม่ที่ทำ ปรับไทโปนิดหน่อย



    ปกใหม่ที่ทำอิงจากปกเดิม แต่ใช้บรัชใหม่ให้ดูฟุ้งขึ้น ที่ปรึกษาอยากให้เห็นหน้าตัวละคร ก็เลยวาดเพิ่ม นับเป็นปกที่วาดขยายความตัวละครและสถานที่ เป็นภาพตัวละครเอกที่ถูกควันบดบังไปครึ่งหน้า สื่อถึงความไร้หนทาง 


    เราชอบปกใหม่ที่ทำ ค่อนข้างนับถือตัวเองที่วาดได้เหมือนกัน เพราะดันวาดในช่วงหมดไฟ คิดอะไรไม่ออก เลยต้องอิงและขยายความจากปกเดิมเป็นหลัก สีหลักยังเป็นสีเดิม แต่เพิ่มสีเหลืองส้มเข้ามาตัดกับสีน้ำเงิน ที่ใช้ป่าสีส้มเพราะเนื้อเรื่องในเล่มเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงพอดี พอเอาปกใหม่เทียบกับปกเดิมแล้ว เรารู้สึกว่าปกใหม่มีความเป็นวรรณกรรมเยาวชนมากกว่า  


    น่าเสียดายแค่ตอนที่นำไปรวมเล่ม เรายังทำปกใหม่ไม่เสร็จ ก็เลยใช้ปกเก่าไป ตอนแรกคิดว่าจะตีพิมพ์อีกเล่มที่ใช้ปกใหม่ แต่เวลาไม่ทัน เลยนำปกเก่าไปแสดง จังหวะนี้ ถ้าจะให้ตีพิมพ์อีกด้วยปกใหม่ ก็อยากแก้อะไรเยอะแยะมากกว่าเปลี่ยนปก จึงปล่อยไป


    ต่อกันด้วยเรื่องสัน สันคือส่วนที่เรากังวลที่สุด เพราะจำนวนหน้าเราน้อยมาก กลัวใส่ตัวอักษรไปแล้วภาพแตกหรืออ่านไม่ออก แต่เราก็เคยเห็นนิยายเล่มบาง ๆ ที่น่าจะบางกว่าที่เราทำใส่ตัวอักษรบนสันได้ (พวกนิยายจากสนพ. P.S.) แต่ด้วยความที่รวมเล่มแบบนี้ครั้งแรกจึงไม่มั่นใจนัก เลยปล่อยวางไปก่อน คิดว่าถ้าได้เล่มจริงมา จะเอามาคำนวณหาขนาดตัวอักษรบนสันที่เหมาะสมมาทำพร้อมกับปกใหม่ แต่อย่างที่ว่าไปข้างต้น ทำไม่ทัน 


    พอได้เล่มจริงมาแล้ว คิดว่าน่าจะทำเล่มให้เล็กกว่านี้ พอเป็นขนาด A5 แล้วเล่มบางแบบนี้ดูไม่เข้ามือเท่าไร ถ้าเป็น A6 บวกลบน่าจะดูสวยและอัดแน่นกว่า 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in