“...เมื่อพระองค์มีพระชนม์พรรษาได้ ๘ พรรษา สมเด็จพระบรมราชชนนีได้ซื้อกล้องถ่ายภาพยี่ห้อ Coronet Midget พระราชทานให้พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช...”
ใครจะรู้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของงานอดิเรกที่พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงดำเนินด้วยความรัก และต่อมาจะกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่ช่วยในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
With Love
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงสืบทอดความรักในการถ่ายภาพมาจากพระบรมราชชนนี...เพราะ “สมเด็จย่า” ทรงเป็นนักถ่ายภาพยนตร์มือสมัครเล่น และมีกล้องส่วนพระองค์ ความโปรดปรานต่อโลกที่มองผ่านเลนส์นี้เอง ที่ได้ทรงส่งมอบให้พระราชโอรส กลายเป็นงานอดิเรกที่ทรงอยู่เป็นประจำ จนผู้เป็นช่างภาพอาชีพยังยอมรับและยกย่องว่าภาพฝีพระหัตถ์นั้นมีความงดงามและคุณค่าในเชิงศิลปะ
คุณ สงคราม โพธิ์วิไล ช่างภาพฝีมือชั้นครูผู้คร่ำหวอดในแวดวงนี้มา ๔๐ ปี เคยได้มีโอกาสถวายงานเกี่ยวกับการถ่ายภาพได้เล่าเอาไว้ว่า
“...ถือเป็นโชคดีสูงสุดในชีวิต
คือการถวายการใช้กล้องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ถวายให้สมเด็จพระเทพฯ ถวายให้ท่านหญิงสิริวัณณวรีนารีรัตน์
และพระองค์โสมฯ วังสวนกุหลาบ...”
ยิ่งช่างภาพใดได้ทำงานใกล้ชิด ย่อมซึ้งในน้ำพระทัย พระราชจริยาวัตร และพระราชอารมณ์ขันสไตล์ ‘ตากล้อง’ ที่คนทำงานเช่นเดียวกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจ อย่างที่คุณสงครามเล่าต่อเอาไว้ในบทสัมภาษณ์เดียวกัน
“ในหลวงท่านเคยรับสั่งว่า เคยรู้ไหมว่าเสียงชัตเตอร์ของตัวเองดังยังไง
ทุกคนก็ตอบดังโชะ ดังแชะ แต่ในหลวงบอกว่าของฉันดัง ๗ บาท
ท่านเลียนเสียงว่าเชดเบิด ก็คือ ๗ บาทนั่นเอง
ท่านบอกว่า รู้ไหมเวลากดชัตเตอร์แต่ละครั้งกล้องมันสึกหรอ
รู้ไหมเวลาออกไปถ่ายภาพมันก็มีค่ากิน ค่ารถ และเอาฟิล์มไปล้างก็เสียค่าล้าง
กว่าจะได้ภาพหนึ่งภาพนี่เราเสียเงินไป ๗ บาท”
มินิมอร์เสริมให้ว่า กล้องแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีเสียงต่างกัน เอาจริงๆ ยี่ห้อเดียวกันแต่คนละรุ่นก็เสียงต่างแล้ว แต่จากประสบการณ์ที่ได้ลองใช้มา ยี่ห้อ Canon (ที่ทรงใช้บ่อย) จะมีเสียง ‘เชี้ยต’ แหลม ส่วนยี่ห้อ Nikon นั้นจะดัง ‘แชะ’ หรือ ‘ฉับ’ ที่เสียงต่ำกว่า
For People
แม้จะทรงมีการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก แต่ก็มิได้ทรงฉายแต่ภาพ 'ครอบครัว' ทว่าทรงใช้กล้องเพื่อประโยชน์สุขของสาธารณะ ครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินยังสถานที่ต่างๆ และหาแนวทางพัฒนาให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การถ่ายภาพคือการการบันทึกข้อมูลประกอบพระราชวินิจฉัยในอีกมุมหนึ่ง
ดังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานคำนำไว้ในหนังสือ "ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ พระเจ้าอยู่หัว" มีความตอนหนึ่งว่า
“....ในด้านพัฒนา ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ก็เป็นส่วนสำคัญยิ่ง
ยกตัวอย่างเช่น ภูมิประเทศ บริเวณที่น่าสนใจ
พื้นที่เหมาะสมที่จะสร้างเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ
บริเวณหมู่บ้าน เส้นทางคมนาคม ทั้งที่ถ่ายจากพื้นราบ
และถ่ายขณะประทับอยู่ในเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์
ภาพเหล่านี้สามารถใช้ประกอบพระราชดำริในการพัฒนาได้
เมื่อสร้างโครงการเสร็จแล้ว
บางทีก็ทรงถ่ายเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบกับผลงานของเขาเอาไว้ด้วย”
ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ไม่เพียงแต่เป็นบันทึกเรื่องราวส่วนพระองค์ แต่เป็นหลักฐานอย่างดีว่าได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจหนักหนาตลอด ๗๐ ปี แห่งรัชสมัย เพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข...ทั้งหมดนั้นก็ด้วย 'รัก' ที่หาได้มีเงื่อนไขใดไม่
ขอบคุณข้อมูลจาก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in