เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The GiftedBANLUEBOOKS
PROLOGUE







  • PROLOGUE


    “ทุกโรงเรียนต่างมีเรื่องเล่า ที่บางทีอาจจะมีเบื้องหลังสุดแปลกพิสดารซ่อนอยู่มากกว่าที่เห็น”

    ณ เวลาห้าทุ่ม คืนพระจันทร์เกือบจะเต็มดวง ช่วงเวลาที่มนุษย์ปกติทุกคนที่เป็นห่วงสุขภาพจะเข้านอนกันหมดแล้ว แต่ที่โรงเรียนฤทธานุภานุสรณ์วิทยาคมกลับมีเงาคนสองคนเดินไปตามอาคารเรียน เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ก็จะพบว่าจริงๆ แล้วน่าจะเป็นเงาของคนคนเดียวมากกว่า ซึ่งก็คืออาจารย์ ‘กีรนิต’ อาจารย์สาวร่างใหญ่ซะจนเงาของเธอดูคล้ายกับว่ามีคนสองคนเดินมาด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเธอไม่เป็นห่วงสุขภาพของตัวเอง แต่ช่วงนี้โรงเรียนก็ค่อนข้างเข้มงวดกับการรักษากฎในโรงเรียนมากเป็นพิเศษหลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในโรงเรียนเมื่อช่วงเทอมที่ผ่านมา

    เธอเดินมาใกล้สุดระเบียงชั้น 1 ของตึก 6 ที่เมื่อฉายไฟไปแล้วก็เห็นเพียงความมืดราวกับแสงถูกดูดกลืนเข้าไปในนั้น เธอกลืนนำลายเอื๊อกใหญ่เหมือนในหนังตลก ก่อนเอ่ยขึ้น

    “สุดปลายทางนี้ ก็คือห้อง 601 ที่เล่าลือกันสินะ”

    ดูเหมือนว่าเธอกำลังพูดเพื่อปลอบใจตัวเองจากความกลัว แต่ตอนนั้นเองก็มีเงาเล็กๆ โผล่ออกมาจากข้างตัวเธอ ที่ไหนได้ เธอไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมี ‘สมเกียรติ’ ภารโรงร่างเล็กคล้ายคนขาดสารอาหารผู้ถูกเธอบังมิดเดินมากับเธอด้วย เขาส่องไฟฉายไปที่ปลายสุดระเบียงนั่น แต่ก็ไม่ขยับไปไหนด้วยความกลัวเช่นเดียวกัน

    “ใช่แล้วครับครู พวกเรากลับกันเถอะครับ นักเรียนไม่กล้ามาแถวนี้อยู่แล้วแหละครับ”

    “แต่... ผู้อำนวยการท่านกำชับมา พี่คงจะขัดขืนคำสั่งไม่ได้”
  • “ครูครับ ครูไม่รู้อะไร ครูเวรทุกท่านที่ตรวจห้องนี้ โดนผีหลอกหัวโกร๋นกันหมดเลยนะครับ”

    ภารโรงสมเกียรติพยายามคะยั้นคะยอให้อาจารย์กีรนิตเปลี่ยนใจ แต่อาจารย์กีรนิตที่เพิ่งได้รับมอบหมายภารกิจที่สำคัญนี้มา เธอยังคงพยายามทำใจดีสู้เสือต่อไป

    “ผีนักเรียนที่ว่าผูกคอตายเพราะเครียดน่ะเหรอคะ ไร้สาระ นักเรียนเราคงจะเหม็นคลองหลังโรงเรียนตายซะก่อนละไม่ว่า...”

    กึ่ง!! เคล้งๆๆๆ เสียงถังน้ำที่ใช้ทำเวรของพวกเด็กๆ กระเด็นออกมาจากห้อง 601 และหยุดคว่ำลงเมื่อกระแทกเข้ากับระเบียง อาจารย์กีรนิตและภารโรงตกอยู่ในความเงียบ

    พรึ่บ! ทั้งคู่หันกลับพร้อมกันอย่างรวดเร็วราวกับนัดกันไว้ ในตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าคนวิ่งเข้าไปในห้องนั้น ทั้งคู่ตกใจสะดุ้งโหยงหันกลับไปอย่างรวดเร็ว เธอทันเห็นหลังของใครบางคนใส่ชุดขาวแบบนักเรียนวิ่งเข้าไปในห้องนั้น

    “กรี๊ดด!! .... นักเรียน! นักเรียนใช่ไหม! ครูเห็นนะคะเมื่อกี้ แคทาลิยา? ณิชารีย์? หรือสมหมาย!?”

    ครูกีรนิตหันไปมองหน้าภารโรงหวังว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง แต่เขากลับนิ่งเงียบไปด้วยความกลัว

    “ต้องเป็นสมหมายแน่ๆ เลย สมหมาย! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ สมหมาย!”

    อาจารย์กีรนิตเดินเข้าไปให้ห้อง 601 ด้วยมั่นใจว่าที่เห็นนั้นต้องเป็นนักเรียนแน่นอน ภารโรงสมเกียรติเดินตามเธอเข้าไปด้วยความจำยอมพร้อมคิดว่าทั้งเขาและอาจารย์ดูเหมือนกับตัวประกอบในหนังผีที่กำลังจะตายตอนเปิดเรื่องเข้าไปทุกที
  • ในห้อง 601 โต๊ะเรียนทุกตัวถูกกองแยกไว้เป็นสองกองที่หน้าห้อง เว้นพื้นที่ให้เห็นกระดานดำที่สกปรกคร่ำคร่า บนกระดานมีรอยเขียน พ.ศ. ทำให้รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่ห้องถูกเปิดใช้ดูเหมือนจะเป็น 2 ปีมาแล้ว ตั้งแต่มีข่าวลือเรื่องการผูกคอตายของเด็กนักเรียน

    อาจารย์กีรนิตสาดไฟฉายไปทั่วห้องเพื่อมองหาสมหมายของเธอ ปึ้ง! ทันใดนั้นประตูและหน้าต่างทั้งห้องก็ปิดลงทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัดเลยสักนิด อาจารย์กีรนิตเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าบรรยากาศชักไม่ค่อยดี แม้จะช้าไปมาก แต่ในที่สุดเธอก็คิดได้สักทีว่าถึงเวลาที่จะต้องถอยทัพกลับไป แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว แสงจากไฟฉายของเธอไปกระทบกับเงาร่างคนที่ยืนอยู่หน้ากระดาน เมื่อมองให้ชัดดูเหมือนว่าร่างนั้นจะเป็นเด็กผู้หญิงที่มีเลือดเปรอะเต็มเสื้อไปหมด

    “นักเรียน... นักเรียนใช่ไหม?” อาจารย์กีรนิตถามเด็กคนนั้นเพราะคิดจริงๆ ว่านั่นคือเด็กนักเรียน “บาดเจ็บเหรอคะ?”

    เด็กนักเรียนคนนั้นนิ่งไปสักพัก ก็ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวราวเสียงผู้ชาย

    “ไป..ด้วยกัน...ไหมคะ”

    “ไปไหนคะ? ไปโรงพยาบาลก่อนไหม” อาจารย์กีรนิตยังคงถามนักเรียนด้วยความเป็นห่วง

    “ไปด้วยกันไหมคะ!” นักเรียนคนนั้นพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
  • ตอนนั้นเอง ภารโรงสมเกียรติรู้สึกว่าหากวุฒิปริญญาของครูไม่สามารถช่วยให้เขารอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ เขาคงจะต้องจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเองตามภูมิปัญญาชาวบ้าน เขาก้มลงกราบเด็กคนนั้นที่เข้าใจว่าน่าจะเป็นผีแน่ๆ แล้วยกมือไหว้ขอชีวิตด้วยความกลัว

    “ขอโทษด้วยครับ จะไม่มากวนอีกแล้วครับ เอาครูไปเถอะครับ ผมไม่ไป!”

    อาจารย์กีรนิตมองดูภารโรงที่ก้มกราบนักเรียน เธอหงุดหงิดและไม่เห็นด้วยอย่างมากกับความไม่เท่าเทียมในสังคมที่กำลังเกิดขึ้น ต่อให้เป็นภารโรงแต่ก็ไม่ควรจะต้องมากราบนักเรียนแบบนี้ เธอจึงหันไปตำหนินักเรียน

    “นี่นักเรียน จะไปไหนก็พูดมาสิคะ!”

    ตอนที่ครูกีรนิตหันไป นักเรียนคนนั้นก็ยืนยิ้มจรดจมูกของเธอแล้ว ตอนนั้นแหละที่เธอประมวลผลได้สักทีว่าเธอกำลังถูกผีหลอก

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

    เสียงกรี๊ดของอาจารย์กีรนิตดังไปทั่วโรงเรียนฤทธานุภานุสรณ์วิทยาคม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเหล่าคุณครูที่ต้องสังเวยกล่องเสียงให้กับผีห้อง 601 และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนนี้ จะเปรียบไปตำนานผีห้อง 601 ก็เหมือนภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำแค่สิบเปอร์เซ็นต์หรือสิวอุดตันที่โผล่พ้นผิวหน้ามาแค่ส่วนหัวสีดำ หากไม่มีใครกล้าพอจะหาคำตอบจากมัน เบื้องหลังของตำนานต่างๆ ในโรงเรียนก็คงจะต้องเป็นความลับตลอดไป...


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in