เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ก้าบเยียร์ (เกือบจะเป็น Gap Year) @แคนาดาBrave Bubble
03 : แวนคูเวอร์ อันยอง!
  • และแล้ววันนี้ก็มาถึง ก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกถึงความตื่นเต้นเลย เพราะมีแต่ความกังวลเรื่องเอกสาร จัดกระเป๋า บลา ๆ บีมเริ่มตื่นเต้นตอนจะถึงสนามบิน ขอย้อนกลับไป 7 วันก่อนบิน เป็นช่วงที่อ่อนไหวมาก น้ำตาสามารถไหลได้ตลอดเวลา เป็นเวลาที่มีความรู้สึกและอารมณ์ที่หลากหลายมาก ที่เด่นมาก ๆ เลยก็คือ คิดถึงเผื่ออนาคต 55555 คิดว่าตัวเองคิดถึงทุกคนรอบข้างแน่ ๆ มักมีหลาย ๆ ครั้งที่มีความคิดว่าบีมตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม นี่เป็น turning point ที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ ในชีวิตของบีม เป็นจุดที่รู้สึกได้ทำตามความฝันของตัวเอง แต่ต้องห่างจากคนที่บีมรัก มันคุ้มแล้วจริง ๆ ใช่ไหม อืมมม.....เป็นเรื่องที่คิดวนไปวนมาหลายรอบมาก คำตอบของบีมคงไม่ชัดเจนขนาดนั้นหรอกนะ การเติบโตนี่ก็ชวนเศร้าเหมือนกันเนอะ สิ่งที่คิดตอนนี้คือ รับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเอง และก็คงต้องลองดูสักตั้งแหละนะ ใคร ๆ ก็บอกว่าบีมมีความมุ่งมั่น ก็ใช่แหละนะ แต่ข้างในสั่นไหวราวกับทะเลที่มีคลื่นสูงตลอดเวลา

    พอได้มานั้ง reflect ตัวเองกลายเป็นว่าวันที่ร้องไห้หนักไม่ใช่วันที่จะบิน แต่กลับเป็นวันธรรมดาวันนึงที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วนั่งร้องไห้ รอดูกันต่อไปละกัน ทำให้เต็มที่ก็พอเนอะ ?? 

    ตี 3.20 ของวันที่ 2 สิงหาคม 2022 บีมตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน นี่เป็นการบินครั้งแรกที่มีคนที่รักมาส่งเยอะขนาดนี้ ใครจะกลั้นไหว แต่ก็นะ มีเรื่องต้องทำมากมาย ถึงสนามบินประมาณตี 4 นิด ๆ แต่คนที่ต่อแถวเพื่อ check in กลับยาวอย่างน่าประหลาดใจ คงกลับมาบินกันได้แทบจะปกติแล้วสินะ บีมได้แต่คิดในใจ บีมเอากระเป๋าไป wrap พลาสติก แล้วก็คิดในใจว่า ถ้าลืมของหล่ะ มันจะมีใคร wrap เสร็จแล้วลืมของไว้ไหมนะ 55555 ความสงสัยที่เกิดขึ้นพร้อมกับความก้งวลได้ไม่นานบีมก็ต้องรีบไปต่อคิวเพื่อ check in หันมาอีกทีแถวยาวจากเดิม 2 เท่า อาจเป็นเพราะ เช็คอิน 3 ไฟล์ทพร้อมกัน ดีนะ ที่เมื่อกี้ป๊าต่อแถวไว้ให้ ต่อแถวไป ถ่ายรูปกับแบม ตูน หมวย เจ๊ไป อืมมม เป็นโมเม้นที่มีความสุขปนซึม ๆ ระหว่างต่อแถวก็อดกังวลไม่ได้ว่าเตรียมเอกสารอะไรมาไม่พร้อมรึเปล่านะ รอรวม ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วในที่สุดก็ถึงคิวบีม ไปที่ counter ยื่นเอกสาร และแจ้งพี่กราวน์ว่า ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มค่ะ พี่บอกว่าให้ไปจ่ายเงินอีกทีแถวลิฟต์แก้ว ตรงการบินไทย บีมต้องวิ่งแล้วสินะ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วเพื่อน ๆ อีกกลุ่มก็มาถึง (ฟ่อน ไธม์ เกว มิกกี้) หลังจากจัดการเรื่องตั๋วและกระเป๋าเรียบร้อยก็ไปหาที่ถ่ายรูปกันสักหน่อย พี่เล่ย์เป็นคนสุดท้ายที่มาถึงสนามบิน เพราะวนรถผิดที่ กลัวพี่เล่ย์มาไม่ทันมาก พอถ่ายรูปไปสักพัก ประมาณ ตี 5.40 แล้ว gate เปิด 6.30 แม่เลยบอกว่าให้บีมเข้าไปได้แล้ว กว่าจะผ่านแต่ละด่าน อืมมม ไม่อยากไปเลยแฮะ แต่ก็โอเค กอดลาทุกคน แน่นอน ใครจะไม่ร้องไห้ไหวหล่ะ ? หลังจากขึ้นบันไดเลื่อน เข้าไปก็ต้องตรวจสัมภาระทันที ต้องรื้อของในกระเป๋าออกมาวุ่นวายจนน้ำตาหายไปเลยแหละ ไปต่อที่ด่านตรวจพาสปอร์ต และวิ่งที่หา gate ครั้งนี้ได้ใกล้มากเลยไม่ได้วิ่งมาก มีเวลาเหลือก่อน gate เปิดประมาณ 20 นาที ก็รีบเข้าห้องน้ำ จัดกระเป๋าอีกรอบ เพราะเมื่อกี้ตรวจเสร็จแล้วยัดของอย่างเดียวเลย ตอนที่ขึ้นเครื่อง นี่แหละ moment of truth นั่งอยู่คนเดียวรอเวลาให้ผู้โดยสารทั้งหมดขึ้นเครื่องให้ครบ 5555 น้ำตาต้องเข้าแล้วนะตอนนี้ น้ำตาเริ่มไหลพรากเหมือนนักแสดงที่ถูกปล่อยคิว คิดว่าไหน ๆ ก็ร้องหล่ะ อ่านจดหมายที่ทุกคนให้มาเลยละกัน ให้มันร้องทีเดียว จบ ๆ จบจริง ๆ จบที่แมสเปียกชุ่ม 55555 ผ่านไปสักพักเครื่องบินเกือบเต็มก็มีผู้ชายฝรั่งมีอายุผิวขาว ใส่เสื้อสีเหลือง กางเกงขายาวสีครีม ดูเป็นคุณลุงใจดี มานั่งที่นั่งตรงริมทางเดิน เลยมีที่ว่างระหว่างบีมกับเค้าอยู่บ้านไม่ได้รู้สึกอึดอัด เพราะมีพื้นที่ให้พอยืดตัวอยู่บ้าง คุณลุงเค้ายิ่มให้ด้วยนะ คงเห็นว่าบีมกำลังร้องไห้อยู่ พอเริ่มปรับอารมณ์ได้อาหารก็พร้อมเสริฟพอดี ระหว่างไฟล์ทมีหลับบ้าง ดูหนังบ้าง แล้วก็ถึง นาริตะในที่สุด ?

    คุณลุงหันมาชวนคุยระหว่างรอคนอื่นเดินออกจากเครื่อง บีมอยากจะบอกมากว่าคุณลุงคะ หนูอยากออกก่อนเพราะเวลาต่อเครื่องเหลือไม่เยอะแล้ว แต่ใจก็ลุงอุส่าชวนคุย 5555 ก็อ่ะคุยก็ได้ น้ำเสียงคุณลุงแหบพร่า ในใจบีมคือโควิดปะเนี่ยลุง คุณลุงบอกว่ากำลังกลับ new jersey ลุงเป็นครูสอนอยู่ที่โคราช แล้วเพิ่งได้ vacation หลังจากโควิด คุณลุงกำลังเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน เค้าบอกเพิ่งไปเที่ยวกับลูกชายที่กัมพูชามาด้วยนะ บีมที่กำลังออกห่างไกลจากบ้านก็คิดได้ว่าผู้คนรอบกายมีเป้าหมายต่างกันสินะ ไว้วันหลังตอนบินกลับไทยจะอวดคนอื่นบ้างว่าบีมกำลังบินกลับบ้าน ? พอออกจากเครื่องบีมเริ่มตั้งสติ ต่อไวไฟโทรหาเจ๊ก่อนเลยว่าถึงแล้ว เพื่อจะได้หายห่วงไป 1 เปราะ เดินไปเรื่อย ๆ จนเจอแถว พอเห็นคิว transit แล้วท้อใจเลย คุยกับเจ๊ ป๊า แม่ สักพักบีมก็ต้องตรวจสัมภาระ แล้วก็วิ่งงงงง ตอนแรกกะว่าจะมาอาบน้ำที่นานิตะก่อน long flight ตัดภาพมาที่ความจริงก็คือ วิ่งยังไงให้ทันดี gate ไกลเหมือนโกรธบีมอ่ะ  สุดท้ายบีมก็ทำได้ พร้อมกับหัวเปียกชุ่ม ชุดที่ใส่มาเพื่อกันหนาวบวกกับอากาศที่ญี่ปุ่นตอนนี้ไม่ต่างกับไทยเลย เหงื่อไหลพราก พร้อมกับเห็นว่า ไฟล์ทดีเลย์ 10 นาที เหมือนโดนหลอกให้วิ่ง แต่อย่างน้อยก็มาทันแล้วได้นั่งพักด้วยแหละ ได้โทรหาที่บ้านอีกรอบด้วย

    ถึงเวลาเดินทางไปแวนคูเวอร์ อย่างแรกเลยนะ แอร์ 10 คน พูดญี่ปุ่นกับบีมแล้ว 12 คน งงมาก บีมมันเป็นคาวาอี๊ขนาดนั้นเลยหรอ 55555 พอเค้าพูดมาก็อึ้งแปป พอสมองประมวลได้ว่าเค้าไม่พูดอังกฤษก็ English, plz ? ครั้งนี้บีมได้ขึ้นเครื่องมาคนแรก ๆ มานั่งรอแล้วเจอเด็กลูกครึ่งญี่ปุ่น 2 คนน่ารักมากกกก แต่อยู่ดี ๆ น้องก็ย้ายที่ น่าจะนั่งผิด สักพักมีผู้หญิงสองคนเดินมา แล้วเค้าก็คุยญี่ปุ่นกันสักพักใหญ่ ๆ แล้วเค้าก็คุยกับบีมว่าพอดีพ่อเค้าได้นั่งแยกอีกที่ ขอสลับได้ไหม บีมก็แบบได้ ๆ แล้วเค้าก็บอกว่าที่นั่งพ่อเค้าติดกับทางเดินนะ ไม่ได้ติดกับหน้าต่าง บีมก็โอเค ไม่เป็นไร ๆ นั่งไหนได้หมดเลย เค้าแบบถามย้ำหลายรอบมาก แทบกราบแล้ว นุ้งบีมไม่กล้าพรากพ่อแม่ลูกหรอกค่ะ บีมได้ย้ายมานั่งข้าง ๆ ครอบครัวอินเดียที่ ซ้ายมือเป็นแม่กับลูกชาย และขวามือเป็นพ่อกับลูกสาว มาคั่นตรงกลางระหว่างครอบครัวเค้าอี้กกก แต่ที่นั่งมันเป็น 3 ด้วยแหละ เค้าก็หันมาคุยกันเป็นพัก ๆ นี่ก็เกรงใจนะ ? ตอนไปแวนได้อาหาร 2 มื้อ มื้อสองสั่งก๋วยเตี๋ยวผัดไป มันเค็มมาก คอแห้งเลย แล้วก็ปวดคอมาก เมื่อยมากเหมือนที่นวดมาจากไทยไม่ช่วยอะไรเลย แบบถึงทีเห๊อะะะ แล้ว 9.25 ณ เวลาท้องถิ่น บีมก็ถึงแล้ว แวนคูเวอร์

    Touch down in Vancouver สิ่งแรกที่คิดคือในที่สุดการปวดหลังและคออันยาวนานก็สิ้นสุดลง สถานีต่อไป ผ่านด่านต่าง ๆ ให้ได้ ลงไปก็หาห้องน้ำเข้าให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวผ่านด่านตม เริ่มจากลงมาที่ตู้ เพื่อทำการกรอกข้อมูล ถ่ายรูป ประเด็นเลยนะ เหมือนกล้องเกลียดบีมอ่ะ แบบรูปแย่จัด ต่อไปมีคนตรวจเอกสารทีนึง แล้วก็ถามว่ามาเรียนใช่ไหม บีมตอบใช่ จบเลย ของคนข้าง ๆ คือถามเสียงแข็งมาก ทำไมต้องแคนาดา บลา ๆ ตมดูเป็นโต๊ะแบบไม่จริงจังเหมือนของอเมริกาและออสเตรเลียเลย ดูชิวมากก ผ่านตรงนี้ไปก็ไปรับกระเป๋า ความโชคดีคือบีมได้กระเป๋าไวมาก แบบแทบจะเป็นใบแรก ๆ เลย พอรับกระเป๋าเสร็จก็ไปที่ immigration ต้องจอดกระเป๋าไว้ข้างนอกแล้วเดินเข้าไปเลี้ยวขวา โชคดีที่ไม่ค่อยมีคน รวมบีมแล้วประมาณ 4 คน สักพักมีผู้หญิงในชุดเครื่องแบบเดินมาคุยด้วย ในใจคิดว่ากุทำไรผิดไหมนะ ??? แต่จริง ๆ อีกฝั่งเค้าว่างเลยเรียกบีมกับญี่ปุ่นอีกคนไปฝั่งนู่น จะได้ทำได้ เข้าไปยื่นเอกสาร imm, passport, LOA, ใบเสร็จที่จ่ายเงิน ประมาณนี้แล้วนั่งรอเค้าเรียกชื่อ แล้วก็เสร็จ กลับบ้านได้แล้ววว

    เดินออกจาก immigration แล้วบีมก็เดินออกไปรอ Lyft  ประมาณ 10-15 นาที ต้องเดินออกไปรอนอกแท็กซี่ด้วยนะ จะมีที่รอสำหรับแอพเรียกรถโดยเฉพาะเลย ค่าเสียหายประมาณ $31 ถือว่าโอเคเลย กลับถึงบ้านก็รีบอาบน้ำก่อนอย่างแรก ตอนนี้น่าจะเยอะแล้วติดตามรับอ่านตอนต่อไป ??

    Brave Bubble

    Vancouver, Canada

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in