เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ก้าบเยียร์ (เกือบจะเป็น Gap Year) @แคนาดาBrave Bubble
16 : Tofino เมืองนี้มีแต่เรื่อง
  • "I wanna have Birthday at Tofino" นี่คือจุดเริ่มต้นของทริปนี้ ตอนแรกบีมคิดว่ามันคงยากเพราะพวกเราไม่ได้มีเวลามากขนาดนัั้นเลยไม่ได้คิดว่าเพื่อนจริงจัง แล้วมารู้ตัวว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ตอนก่อนวันเกิดเพื่อน 2 อาทิตย์ เพราะ แซมลงแข่ง Surf และจองของเกี่ยวกับการแข่งไว้หมดแล้ว สุดท้ายแล้วทริปนี้ก็เกิดขึ้น กลุ่มพวกเรามีทั้งหมด 4 คน คือบีม พี่เบล แซม เอสเตฟาโน่ แต่สุดท้ายพี่เบลไปไม่ได้เลยเหลือแค่บีม แซม และเอส

    13 Apr 2023

    พวกเรานัดกันใน Downtown 8.30 แซมถึงคนแรกต่อด้วยบีม และพี่เบลมาเซอร์ไพรส์แซมด้วยการมายืนแถว ๆ ข้างหลังเพื่อเอาเค้กมาให้แซม (บีมกับพี่เบลไปอบกันมาคืนก่อนหน้า) เป็นเหตุการณ์ที่น่ารัก ตลก และงง ๆ พี่เบลมายืนแอบรออยู่แถว ๆ เสาข้างหลังที่บีมกับแซมยืนอยู่เพื่อรอให้เอสมาถึงก่อนแล้วค่อยให้พร้อมกัน ตอนนี้เริ่มตื่นเต้นแล้วว่าเมื่อไหร่เอสจะมา เอสมาประมาณ 9 โมง หลังจากให้เต้ก เป่าเทียนกันพอเป็นพิธีพร้อทกับน้ำตาซึม ๆ เล็กน้อย หลังจากนั้นก็เดินทางไปรอที่ Nanaimo ครั้งนี้ไปคนละท่าเรือกับตอนไป Victoria 

    เราทั้งสามคมมาถึงที่ ferry เร็วไปหน่อยเลยไปเดินเล่น ถ่ายรูปและเล่นบอร์ดเกมกันก่อนขึ้นเรือ ตอนขึ้นเรือไปพวกเราทั้งตื่นเต้นและหิวเลยไปหาอะไรกินบนเรือกันสักนิดแล้วก็ไปเดินเล่นกันรอบ ๆ เรือ ไม่นานก็ถึงท่าเรือ พวกเราสามคนวางแผนไว้ว่าจะจองรถไปเท่ี่ยวกัน เพราะไปทางอื่นไม่ได้แล้ว พวกเราจองไว้แค่ 1 วันเท่านั้นเพราะแซมยังอายุ 24 อยู่และการเช่ารถคนที่อายุต่ำกว่า 25 ต้องเสียเพิ่มวันละ $20 แล้วพวกเราก็ออกเดินทาง โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาทีจากที่เช่ารถไปถึงที่พัก 

    ระหว่างทางพวกเราร้องเพลง คุยกันไปเรื่อย ๆ มันเป็นบรรยากาศเหมือน road trip เล็ก ๆ ซึ่งบีมอยาก road trip มานานมาก พวกเราเจออุบัติเหตุบนถนน คือมีรถชนเสาไฟจึงทำให้ไม่สามารถผ่านไปได้ และนี้เป็นเส้นทางเดียวในการเข้าไปใน Tofino เอาจริง ๆ เราไม่ได้มีทางเลือกอะไรก็เลยออกไปเดินดู พูดคุยกับรถคันอื่น กินขนม นั่งเล่นบอร์ดเกมกันไป เพราะไม่มีอะไรทำจริง ๆ พวกเราไม่มีสัญญาณตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าเขา ทำให้เล่นโทรศัพท์ไม่ได้เลย สักพักแซมบอกว่าอยากเข้าห้องน้ำมาก ๆ และไม่ไหวแล้ว คือทั้งตลก ทั้งสงสารและพยายามหาที่ให้แซมไปหลบแล้วแต่แถวนี่มันโล่งมาก และรถจอดติดกันเป็นกิโล ๆ มันยากมากที่จะหาที่ หลังจากคิดวิธีกันไปได้สักพัก บีมเลยบอกว่า "ยูรู้ไหมที่ที่เซฟที่สุดคือหน้ารถพวกเราเพราะมันโดนปิดโดยรถคันข้างหน้า และรถเรา" และใช่ค่ะแซมนั่งระบายมันออกมาข้างหน้ารถโดยใช้เสื้อคลุมบัง สุดท้ายเอาน้ำเปล่าราดตาม ประสบการณ์สุด ๆ พวกเราทั้งเบื่อ ทั้งหิว ทั้งหนาว ผ่านไปมากกว่า 2 ชั่วโมง เสานั้นก็ถูกทกำจัดออกจากถนนและก็ได้เวลาเดินทางต่อ

    ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงทั้งบีมและเอสก็เริ่มต้องการห้องน้ำ ด้วยความที่อยู่บนเขาและหาที่จอดพักค่อนข้างยาก พอเห็นป้ายห้องน้ำก็รีบเข้าไปเลย ภาพที่พวกเราเห็นคือห้องน้ำมีห้องเดียว บีมแบบ "ไอขอโทษนะ ไอไม่ไหวแล้วจริง ๆ ขอก่อนนะ" บีมวิ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูง และพอว่าห้องน้ำเป็นแบบปลดปล่อยลงธรรมชาติ แม้จะมีทั้งส้วมนั่งและทิชชู่ก็ตาม บีมเดินเข้าไปมองพบกับหนูวิ่งหนีไป 1 ตัว แต่ตอนนั้นไม่ไหวแล้วจริง ๆ เลยทำการ สควอชและเร็วที่สุด

    พวกเราทั้งสามคนถึงที่พักประมาณ 6 โมงเย็น ตั้งแต่เช็คอินพนักงานบอกว่าไฟดับนะ พวกเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกอยู่แล้ว ที่พักของพวกเราเป็นรถบ้านน่ารัก ๆ ที่มีทั้งห้องน้ำและเครื่องครัวเล็ก ๆ แต่มีทุกอย่างที่เราต้องการ เราทั้งสามคมกินข้าวล่าสุดคือบนเรือตั้งแต่เช้าเลย เพราะคิดว่าจะมาหาอะไรกินใน Tofino พอเอาของไว้ที่พักเสร็จ พวกเราจึงต้องการหาอาหารทันที ขับรถออกไปดูร้านต่าง ๆ ปิดหมด จนคิดว่าแวเข้าะซื้อของที่ซุปเปอร์เอาไว้ทำข้าวเช้ากินกันดีกว่าและก็ค้นพบว่าที่ร้านอาหารปิดเพราะไฟดับทั้งเมือง บีมก็เลยพูดเล่น ๆ ว่า "เพราะเสาต้นนั้นรึเปล่านะ" ทั้งสองคนมองบีมแล้วแซมก็พูดว่า "ยูคิดอย่างงั้นหรอ แค่เสาต้นนั้นอะนะ" แล้วแคชเชียร์ก็พูดว่า "ใช่เพราะเสาต้นนั้นนั้นแหละ เมืองเราเดินสายไฟเส้นเดียว พอมีต้นนึงล้มมันก็เลยดับทั้งเมือง" บทสนทนาที่เหมือนถูกจัดฉากขึ้นมานี้ ทำให้พวกเรามองหน้ากันแบบไม่ได้นัดหมายและบีมก็คิดในใจว่าซวยแล้ว 

    ภาระกิจเอาตัวรอดยิ่งกว่าเข้าค่ายลูกเสือได้เริ่มขึ้นแล้ว เพราะซึปเปอร์ไม่ขายอาหารสด เนย นม ไข่ เพราะตู้เย็นดับทั้งหมด เค้าเลยปิดล็อคตู้เย็นทุกตู้ มีของสดอยู่ข้างนอกขายบ้าง พวกเราพยายามคิดว่าอะไรที่กินได้เร็วและทำได้ง่ายเพราะเราต้องก่อไฟทำอาหาร บีมเริ่มโทรติดต่อกับโรงแรมเพื่อถามเรื่องฝืนว่าพวกเราต้องหาซื้อไปไหม ปรากฎว่าระหว่างที่พยายามติดต่อโรงแรมและก็เดินหาวัตถุดิบนั้น บีมเจอกับพนักงานที่โรงแรมที่เราเช็คอิน ทำไมมันเหมือนฉากหนังแบบนี้นะ บีมเลยถามเรื่องฝืนแล้วพนักงานบอกว่าปกติเรามีขาย แต่วันนี้ไฟดับเดี๋ยวเค้าเอาไปให้พวกเรานะ บีมแบบขอบคุณมากนะยู พวกเราหิวมากจริง ๆ เค้ายังบอกว่ายูลองหาซื้อถาดเอาไว้ปิ้งด้วยนะ บลา ๆ คือเค้าน่ารักมาก 

    ของที่พวกเราซื้อมาได้มากที่สุดคือ  ขนมปัง, แผ่น tortilla, ไส้กรอก, เนื้อ, หมู, มันฝรั่ง, เครื่องปรุงที่พอเอาตัวรอด, ซอส, ขนมและมาร์ชเมลโล่ แล้วก็ได้ไม้เสียบ แผ่นรองอะลูมิเนียมมา พอถึงที่พักบีมก็เห็นว่าพนักงานคนนั้นเค้ามาถึงก่อนแล้วแล้วเค้าก็เอาฝืนมาให้ แล้วก็ถามว่าพวกยูมีไฟแช็กไหม ซึ่งพวกเราลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลยค่ะ 55555 แล้วสุดท้ายพนักงานก็มาช่วยวางฝืน ช่วยจุดนิดหน่อยแล้วพวกเราก็ทำต่อ วิชาลูกเสือต้องได้ใช้แล้วตอนนี้ หลังจากนั้นพวกเราก็แบ่งหน้าที่คือ ให้แซมดูไฟ แล้วบีมกับเอสก็ไปเตรียมอาหาร หั่น และหมักด้วยความเร็วสูงเพราะหิวม๊ากกกก แซมคือลองไฟด้วยการปิ้งมาร์ชเมลโล่และมาอวดว่าอร่อยมาก 55555 

    พนักงานคนเดิมเดินกลับมาอีกรอบแล้วบอกกับเราว่าที่พักอีกฝั่งไม่มีคนพักมีเตาบาร์บีคิวอยู่ข้างนอกเป็นเตาแก๊สพวกยูไปใช้ได้นะ พนักงานเหมือนสวรรค์มาโปรดแต่ในใจบีมก็คิดว่า ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก แต่เค้าก็พยายามจะช่วยเราอะนะ คงแบบพวกนี้มันดูหิวกันจริง ๆ นะ หลังจากเตรียมของเสร็จก็ย้ายฐานทัพไปที่เตาบาร์บีคิว ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว อากาศเริ่มหนาว พวกเราไม่มีฮีทเตอร์ สิ่งที่ทำได้ก็คือยืนใกล้เตา เอาทุกอย่างใส่ถาดแล้วก็ย่าง ๆ นั่งกิน นั่งเม้ากันไป เพราะพวกเราก็ยังคงไม่มีเน็ต เน็ตมือถือก็คือช้ามาก กลับกลายเป็นว่าเป็น quality time เหมือนกันนะ นั่งพิงไฟกินบาร์บีคิว ปิ้งมาร์ชเมโล่ และด้วยความที่มันมืดทั้งเมืองก็คือเห็นดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด อย่างที่ว่าอ่ะนะ 'The darkest night produces the brightest stars' จนในที่สุดพวกเราก็ทนความหนาวไม่ไหว รีบเข้าที่พักไป จริง ๆ คือบีมอยากอาบน้ำมาก แต่เพราะไม่มีไฟเราก็ไม่มีน้ำอุ่น ไม่มีไดร์เป่าผม และเพื่อนทั้งสองบอกบีมว่า บีมอย่ามาสะอาดเวลานี้เลย 55555 ทุกคนหนาวสั่น เข้ามาได้สักไม่ถึง 20 นาที ไฟก็ติดพอดี สิ่งแรกที่ทำคือ เปิดฮีทเตอร์ ผ่านวันแรกไปได้ด้วยดี(มั้ง)

    14 Apr 2023
    ตื่นเช้าแบบไร้นาฬิกาปลุก แต่ก็ต้องออกจากที่พักด้วยความเร่งรีบเพราะแซมอยากเอารถไปคืนแล้วเช่าใหม่เพื่อกลับมาแข่งตอนบ่ายโมงครึ่ง เพราะแซมไม่อยากเสียค่าเช่ารถของคนอายุไม่เกิน 25 เตรียมตัวด้วยความไวแล้วออกเดินทางกลับไปที่เก่า พร้อมกับความหวังว่าคงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นแล้วนะ

    พวกเรานั่งรถไปคุยไปจนถึงที่หมายเช่ารถเรียบร้อยพร้อมเดินทางกลับ ขากลับเข้า Tofino นั้นพวกเราหลงทางนิดหน่อยทำให้เสียเวลาไปเพิ่ม 20 นาที นั้นแหละ เริ่มรู้แล้วละว่าไม่น่าทัน แซมเหมือนมีน้ำตาซึม ๆ อยู่พอไปถงพวกเราก็ไปเอาบอร์ดกลับไปเอาชุด บีมขับรถแล้วให้แซมเปลี่ยนชุดเพื่อจะทัน พวกเราไปถึงพอดีเวลาแต่ว่าแซมไม่สามารถใส่ชุดได้ เพราะชุดใหม่มาก และใส่ยากมาก บีมกับเอสคือช่วยดึงสุดใจ แซมถอดใจไปแล้ว แบบถอดสุด ๆ บีมกับเอสคือบอกว่าถึงแล้วเข้าไปเถอะ อย่างน้อยก็ไปให้ถึงที่ พอใส่ชุดได้แล้ว พวกเราก็เดินถือบอร์ดกันอย่างทุลักทุเลเข้าไปที่แข่งและพบว่ามันเสร็จหมดแล้ว และกว่าจะเดินถึงหาดคือไกลมาก แต่ก็ให้แซมได้ไปเซิร์ฟหน่อย นางคงคิดถึงท้องทะเลมาก บีมกับเอสก็นั่งรอ คือที่ทะเลหนาวมาก บีมก็คือคิดว่าเค้าเซิร์ฟกันได้ก็คงไม่หนาวแล้วแหละเนอะ ที่ไหนได้ แคนาดาก็คือแคนาดาลมแรงมาก หนาวมาก บีมคือไม่กล้าเดินกลับไปที่รถเพื่อไปเอาของเพราะเดี๋ยวแซมหาไม่เจอ ก็เลยนั่งเล่นกับเอสรอแซมไปเรื่อย ๆ เอาสบอกว่ายูดูแซมสิเหมือนเพนกวิ้นเลย เพราะที่นี่อากาศหนาว ทำให้ต้องใส่ wet suite แบบเต็มทั้งตัว เวลาบีมพยายามมองหาว่าแซมอยู่ไหนเอสจะตอบกลับมาว่า "Look! That's our penguin" ทั้งตลกทั้งเอนดูแซม อุส่าจะมาเซิร์ฟแบบสาวแซ่บพร้อมบิกินี่ จบด้วยเป็นเพนกวิ้นของเพื่อน ๆ  แซมเล่นไปประมาณ 3 ชั่วโมงได้ นางดูอารมณ์ดีขึ้นนะ แล้วก็บ่นว่าจับคลื่นไม่ได้เลย แน่นอนแหละไม่ได้เล่นมาตั้งนาน แถมยังเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยอีก รอบหน้าเอาใหม่นะแซม

    เรากลับมาที่พักแล้วก็ออกไปซื้ออะไรมากินกัน วันนี้เราก่อไฟอีกรอบเพื่อนั่งเล่นกันแล้วก็กินข้าว พวกเราให้แซมเป่าเทียนแล้วก็เอาของขวัญที่บีมไปทำกับเอสมาให้ เป็นสร้อยข้อมือและข้อเท้าที่พวกเราทำกันเองด้วยนะ เลือกนานมาก วันนั้นไปกันสองคนทำไปเกือบ 4 ชั่วโมงเพราะไม่ถูกใจสักที และด้วยความที่เอสเป็นคนสายอาร์ตอะเนอะ กว่ามันจะลงตัวเรื่องสี แต่แซมชอบมากเลย บีมเลือกอันนี้เพราะแซมเป็นคนชอบใส่สร้อยข้อมือ ข้อเท้า และสีที่ชอบคือฟ้ากับส้ม ดังนั้นนี่แหละของขวัญที่แซมน่าจะชอบ แลเวพวกเราก็เริ่มทนความหนาวไม่ไหวจนต้องกลับเข้าที่พัก แยกย้ายกันจัดการตัวเอง แล้วก็มานั่งดูหนังกัน ไม่รู้เพราะเหนื่อยหรือบรรยากาศมันผ่อนคลายพร้อมกับเสียงฝน พวกเราหลับ ๆ ตื่น ๆ กันตลอดเวลาที่หนังเล่น สุดท้ายก็แยกย้ายกันนอนเถอะนะ

    15 Apr 2023

    วันนี้พวกเรายังคงไร้แพลนเหมือนเดิม นั่งเล่นนอนเล่นในห้องสักพักก็ออกไปหาของกินกัน บีมอยากกิน Tacofino เพราะที่นี่เป็นถิ่นกำเนิดเลยนะ พอไปถึงก็สั่งอาหารเสร็จก็รีบวิ่งเข้ามารอที่รถ เพราะเปียกปอนกันมาก พวกเราพยายามหากิจกรรมในเมืองนี้ทำ แต่ดูไม่ใช่เมืองที่มีอะไรมาก จะไป Hiking ก็ไม่ได้ฝนตก สุดท้ายก็จำยอมกลับที่พักมานอนเล่นกันอีกครั้ง 

    หลังจากนั่งคิดนอนคิดว่าทำไรกันดีก็เลยออกไปซื้อแอลกอฮอลเพื่อมาเล่นบอร์ดเกมกัน บีมกินไปได้แก้วเดียวก็เริ่มเรื้อย ๆ ละ จะนอนเล่นอยู่แล้ว แต่ดูแซมกับเอสจะชอบเห็นบีมเมานะ 5555 หัวเราะกันสนุกเลย แต่ก็เริ่มรู้ตัวแหละว่าพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ปนไปหมดสเปนอังกฤษ จนเพื่อนแบบบีมกินน้ำซะ เพื่อน ๆ ไม่ให้บีมกินต่อแล้ว รู้ว่าตัวเองเมาเพราะแค่มองหน้ากับเอสแล้วหยุดหัวเราะไม่ได้ สักพักคุยกับแซมไปขำไป บีมก็บอกเพื่อน ๆ ว่า อือ ไอว่าไอเมาแล้วแหละ เริ่มหัวหนัก ๆ เอนตัวลงไปเรื่อย ๆ จนเพื่อน ๆ แบบนอนกันเถอะ จบไปอีก 1 วันแบบเปื่อย ๆ แต่ก็เป็นวันที่ดีนะ 

    ปล.วันนี้ถ่ายรูปโพราลอยด์กันเยอะเลย เพราะบีมบอกว่าไอเอามาตั้งเยนอะไม่ได้ใช้เลย

    15 Apr 2023

    ได้เวลากลับแวนคูเวอร์กันแล้ว พวกเราเตรียมตัว ทำความสะอาดที่พัก แล้วก็พร้อม Check out ทุกอย่างเรียบร้อยก็เอาบอร์ดไปคืน สรุปแซมเล่นเซิร์ฟไป 1 ครั้งถ้วนเพราะทั้งลมทั้งฝน และชุดที่ใส่ยากมากจนนางพูดว่า "I won't put that suite again" บีมก็แบบเอาจริงกิ ยูมาที่นี่เพื่อเซิร์ฟเลยนะ แต่นางยอมแพ้แล้วจริง ๆ ได้เวลาบอกว่า Tofino พวกเราทั้งตื่นเต้นที่จะได้กลับเข้าแวนและก็คิดถึง Tofino นะ แต่ให้มาอยู่คือต้องเหงามากแน่ ๆ เลย เคยคิดว่าตัวเองชอบเมืองเล็ก ๆ แต่นี่เล็กไปหน่อย หรืออาจจะไม่หน่อยน่าจะเล็กมาก มากจนสามารถสำรวจทั้งเมืองได้แค่ครึ่งชั่วโมงก็น่าจะครบแล้ว แต่มันก็มีสเน่ห์ของมันนะ  

    ระหว่างทางก็คุยกันไปหลายเรื่องมากเพราะไม่มีอะไรทำจริง ๆ เราคิดว่าจะแวะข้างทางกันสักหน่อยเพราะเรือที่จองขากลับนั้นสองทุ่มเกือบ 3 ทุ่มแหนะ เป็นการเที่ยวแบบสุ่ม ที่แวะดูจากแมพชื่อ Little Qualicum Falls Park เดินไปเห็น Lake ก็สวยดีนะ ดูไม่ได้เป็นจุดสำหรับนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ แคนาดาอะนะ มองไปทางไหนก็มีน้ำ ภูเขาและป่า 

    เราเข้าไปในตัวเมือง Nanaimo แล้วก็ไปเดินเล่นใน Park กินไอติมเพื่อรอร้านอาหารเปิด เราไปกินร้าน La stella เพราะอยากกินพิซซ่าและอะไรเส้น ๆ กัน อร่อยแบบ อร่อยม๊าก อร่อยจน งง อยากกลับไปกินอีกเลย แล้วก็ขึ้นเรือกลับแวนกันในที่สุด

    ทริปนี้เป็นทริปแบบ งง ๆ มึน ๆ เหมือนจะมีแพลนแต่ก็ไม่ได้แพลน เรื่องที่แพลนไว้ก็ไม่เป็นไปตามแผนหลายเรื่อง แต่ก็ถือว่าได้ใช้เวลากับเพื่อนแบบคุณภาพสุด ๆ เพราะไม่ค่อยมีสัญญาณ เหมือนได้สนิทกันไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะต่างคนก็ต่างมาที่นี่คนเดียวกันทั้งนั้น หวังว่าจะได้ไปทริปหน้าเร็ว ๆ นี้นะ ขอกลับมาเก็บตังก่อน 💕

    ปล. Reels อีกเช่นเคย

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in