พันสารท
ผู้เขียน เมิ่งซีสือ
ผู้แปล Bou Ptrn
สำนักพิมพ์ EverY
เรื่องย่อ
“ เจ้าสำนักเขาเสวียงตู ‘เสิ่นเฉียว’ ถูกศิษย์ร่วมสำนักวางแผนทำร้ายจนตกสู่ก้นเหว เขาบาดเจ็บสาหัสแทบสิ้นชีวิต ประจวบเหมาะกับที่คนผู้หนึ่งผ่านมาพบเข้าพอดี ผู้นั้นคือ ‘เยี่ยนอู๋ซือ’ ประมุขนิกายมารผู้ทำตามอำเภอใจ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซ้ำยังประพฤติตนอวดดี โจษจันไปทั้งโลกอธรรม และธรรมะ เขาเลือกช่วยเสิ่นเฉียวเอาไว้ด้วยหวังชี้ทางให้หันหลังให้ความดี หันเข้าหาความเสื่อมทราม ทว่าหลังฟื้นจากความตาย เสิ่นเฉียวผู้มีจิตใจดีเมตตาเอื้อเฟื้อ ทั้งอ่อนโยน และสุภาพ ยังคงยึดมั่นในวิถีของตนมิคลาย...”
ความรู้สึกหลังอ่าน (มีสปอยล์เล็กน้อยถึงปานกลาง)
พันสารท หรือ ชื่อตรงตัวตามที่สำนักพิมพ์อธิบายไว้ว่า “ พันฤดูสารท ” ซึ่งแปลว่า “ ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านพ้นไป ” มีทั้งหมด 4 เล่มจบ ในงานหนังสือเดือนตุลาคม 2562 นี้ ออกเล่ม 1 และ 2 มาให้ได้อ่านกัน เดิมทีเราตัดเรื่องนี้ทิ้งจากลิส เพราะถึงจะเป็นคนเขียนเดียวกับ รัชศกเฉินฮวาปีที่สิบสี่ แต่ตอนหารีวิวส่วนใหญ่บอกพระเอกร้าย ร้ายไปสุดแบบคนอยู่พรรคมารจริง ๆ รังแกนายเอกทุกอย่าง เราเลยลังเลใจ บ่ ดี แต่สุดท้ายด้วยเนื้อหาของรัชศกที่คนเขียนฝากฝีมือไว้ และการดูคอมเมนต์ของผู้คนที่ไปสอยในงานหนังสือมาก่อน เราเลยตัดสินใจลองสักตั้ง ( หนังสือนอกลิสนั่นเอง V--V )
บอกได้เลยค่ะว่า เนื้อหารัชศกแน่นยังไง เรื่อง พันสารท ก็ยังคงแน่นเข้มข้นเท่านั้น การอ่านของเราแทบโดดบรรทัดไม่ได้ เพราะมันจะพลาดรายละเอียดไป ร่วมถึงตัวละครในยุทธภพทั้งหลายที่ดาหน้ากันออกมา แต่ถ้าให้เทียบกับแนวยุทธภพคล้าย ๆ กันอย่างเลห์กลจักรพรรดิ ถือว่าเราทำความเข้าใจเรื่องนี้ในตอนต้นเร็วกว่า แต่ต้องซึบซับรายละเอียดระหว่างทางมากกว่า ฉากการต่อสู้ในแต่ละกระบวนท่ามีรายละเอียดมากกว่า ถือว่าถ้าตัดความรักของพระนายออกก็คือนิยายท่องยุทธภพจริง ๆ เหมือนรัชศกที่กลายเป็นนิยายสืบสวน - การเมืองเลยค่ะ
เสิ่นเฉียว - เยี่ยนอู๋ซือ ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านพ้นไป
เนื้อเรื่องของพันสารทเริ่มต้นขึ้นที่เยี่ยนอู๋ซือได้ช่วยชีวิตนายเอกอย่างเสิ่นเฉียวที่ประลองยุทธ์พ่ายแพ้จนตกหน้าผาเอาไว้ แต่เหตุผลของเขาที่ช่วยกลับไม่ได้ เพราะใจดี หรือหลงรักแต่อย่างใด เจ้าตัวต้องการแค่อยากทดสอบใจที่ขาวสะอาดราวกระดาษไม่เปื้อนหมึกของเสิ่นเฉียว ว่าจะมีความอดทนแบกรับความอัปยศที่ฟื้นมาพบว่าตนพิการได้หรือไม่ หรือแม้แต่การเผชิญหน้ากับการทรยศซ้ำ ๆ ที่ต้องเผชิญตามทาง ประมุขมารท่านนี้อยากทดสอบขีดจำกัดของเสิ่นเฉียวดู และเขาก็ตามดูไปตลอดจริง ๆ ค่ะ ในแต่ละด่านความลำบากที่เสิ่นเฉียวพบเจอ เยียนอู๋ซือจะตามดูเงียบ ๆ ทำเป็นบังเอิญผ่านมา จนหลัง ๆ คือเดินทางด้วย จากนั้นประสบเคราะห์เขาก็รอเสิ่นเฉียวปางตายถึงเข้าช่วย แต่แน่นอนยังไม่ใช่ เพราะความรักแต่อย่างใด โปรดตัดคำนี้ทิ้งไปก่อน ( ในสักเล่มหนึ่งถึงสองครึ่ง ณ ตอนนี้นะคะ)
หลัก ๆ ให้เปรียบจากเนื้อเรื่อง พระเอกเป็นตัวแทนของสีดำสนิท ฉลาด เก่ง มองรอบด้าน ขี้ระแวงเป็นที่หนึ่ง ไม่เชื่อใจใคร จนเรียกว่าไร้หัวใจจนเกินไป ส่วนนายเอกคือตัวแทนของสีขาวไร้การเจือปน ฉลาด เก่ง แต่กลับมองโลกในแง่ดี ใจดี มีเมตตา จนบางครั้งต้องบอกจริง ๆ ว่า อ่อนต่อโลกจนเกินไป
สองขั้วที่แสนสุดโต่งใครกันที่ถูกต้อง ?
พระเอกอย่างเยียนอู๋ซือพยายามส่งคำถามเหล่านี้แก่ เสิ่นเฉียว พยายามทำให้เสิ่นเฉียวเข้าสำนักตน แต่นายเอกกลับยืนหยัดทุกครั้งที่ตกเหวแห่งความลำบาก หักล้างแนวคิดของเขาเสียทุกครั้ง
สรุปแล้วในสองคนนี้ ใครกันแน่ที่ถูก ใครกันที่จะเปลี่ยนไป และใครกันแน่ที่ถูกสั่นคลอน
อ่านไปเรื่อย ๆ จะเข้าใจคำแปลชื่อเรื่องเลยค่ะ ชอบการสื่อสารแบบนี้ ข้อคิดดีมาก ๆ และเห็นเราเล่าซะดูดรามาขนาดหนัก พออ่านจริง ๆ กลับไม่เข้าถึงยากเลย ( สำหรับเราที่กลัวดรามามาก จนตัดออกจากลิสตั้งแต่แรก ) แต่แน่นอนค่ะ อาจจะจำเพาะสักหน่อยในแนวเรื่อง เพราะมันยุทธภพแท้ทรูมากจริง ๆ
ท่านประมุขเยียน และท่าน (อดีต) ประมุขเสิ่น ต่างบอกคนอ่านว่าไม่ได้หลงรักกัน
เรื่องราวความรักของทั้งสองคนถึงเราจะบอกให้ ตัดทิ้ง แต่นั่นคือส่วนของแง่เรื่องราวที่สองคนนี้เล่าค่ะ ทุกท่านอ่านแล้วต้องดูการกระทำตัวละครแทน และต้องดูของทั้งคู่ด้วยค่ะ เพราะสองคนนี้เดินบนสาย คนหนึ่งดูไร้หัวใจ อีกคนดูละทางโลก ดังนั้นคนอ่านต้องทำหน้าที่สังเกตพฤติการณ์ของทั้งสองเองค่ะ ( ขออนุญาตดึงคำในเล่มมาใช้ ดูเหมาะมาก 55555 )
ตั้งแต่เล่มแรก เมื่อท่านประมุขมารเริ่มเดินทางตามเสิ่นเฉียว ก็แกล้งหยอก และแกล้งหยอดทุกทาง จนตอนนี้ทั่วทั้งราชอาณาจักรต่าง รู้กันทั่วว่าพวกเขารักกัน...แน่นอนว่าเรื่องจริง ๆ คือไม่มีอะไรเลย เยี่ยนอู๋ซือแค่แกล้งเพื่อให้ได้เห็นสีหน้าหลากหลายของ ‘อาเฉียว’ ของเขาเท่านั้น และเมื่อมาถึงเล่มสอง หึหึ ทุกท่านจะพบกับท่านพระเอกหลากบุคลิก ทั้งใจดี ขี้อ้อน ขี้ระแวง ออกมาให้คนอ่านงงเล่น...แต่นายเอกกลับแยกออกทุกคนค่ะะ ( ประทับจายยย )
โดยส่วนตัวเรื่องนี้ไม่ใช่แนวที่อ่านได้ทุกคน แต่เหมาะสำหรับทุกคน เพราะมันมีอะไรให้คิดในนั้นเหนือไปกว่าความรักของพระเอกนายเอก มันคือวิถีทางเดินของคน ทั้งความดี ความชั่วที่ซ่อนอยู่ บางตัวละคร เราอาจจะคิดว่า ‘น่าเกียจจริง ๆ ทำไมทำแบบนี้’ แต่พอย้อนมองตัวเองแล้วถามว่า ‘ถ้าเป็นเราล่ะจะทำยังไง ’ เลยทำให้ฉุกใจคิดเยอะมาก ๆ อ่านจบสองเล่มขอนั่งพักซึมซับเนื้อหาแป๊ปเลยค่ะ เราว่าครบสี่เล่มนายเอกอาจพาคนอ่านบรรลุไปด้วยได้เลย ( พนมมือ ) ดังนั้น สำหรับคนอยู่สายเนื้อหามาก่อน ความสัมพันธ์คือเรียนรู้พัฒนากันไปตลอดเรื่อง ส่วนความหวานน้ำตาลเรียกพี่เป็นรอง เรื่องนี้นับว่าน่าเก็บเลยค่ะ ลองหาทดลองอ่านกันก่อนได้
พระเอกร้ายมากจนรับไม่ได้รึเปล่า ( สปอยล์เนื้อหาโดยตรงส่วนหนึ่ง )
ตอบตามคำถาม : ไม่ค่ะ อย่างที่เราเล่าข้างต้น คนเขียนวางคนต่างขั้วสองคนมา ต่างก็สุดโต่งคนละด้าน อ่านไปกลับมีเหตุผล พระเอกไม่ได้ร้ายจนรับไม่ได้ เมื่อลองอ่านเองดี ๆ พบว่าเจ้าตัวคาดไว้แล้วว่านายเอกจะรอดจากสถานการณ์นั้นแน่ โดยส่วนตัวเลยให้ผ่านค่ะ
อนึ่งต่อไปนี้เราจะกล่าวถึงเนื้อหาส่วนนั้น หรือคือช่วงหนึ่งซึ่งเราเคยกังวล สปอยล์ค่ะข้ามได้
เป็นตอนที่พระเอกตัดสินใจขยี้ วิถีทางทำความดีเพื่อชนะใจความชั่วของคน ในตัวนายเอกครั้งสุดท้าย โดยการอุ้มนายเอกที่ไว้ใจตัวเองไปมอบให้ประมุขพรรคมารอีกพรรคซึ่งชมชอบทั้งชาย และหญิง ดังนั้นนายเอกมีสิทธิโดนกระทำอย่างแน่นอน เพราะตาบอด และวรยุทธ์ไม่ฟื้น พ้อยจุดนี้คือตัวทำเราลังเลหลัก ๆ เลยค่ะ กลัวรับไม่ได้ แต่พออ่านแล้วเรากลับเข้าใจจุดที่นักเขียนสื่ออีกแบบ ที่เราใช้คำว่า พระเอกตัดสินใจ ก็เพราะอ่านคำพูดพระเอกแล้วทำให้เข้าใจได้ว่า เดิมไม่คิดว่าจะทำถึงจุดนี้ ณ ตอนนี้ ( คือ ณ ตอนนายเอกอ่อนแอมาก ) เขาเพียรถามหลายครั้ง ให้นายเอกเข้าพรรคตัวเอง แต่นายเอกกลับยังยืนหยัดหลักการของตนได้
ดังนั้น พระเอกเลยตัดสินใจบีบนายเอกเข้าสู่ด้านมารขั้นเด็ดขาด คือการทรยศนายเอก และทำการข้างต้นที่เล่าค่ะ อ่านไปรู้เลยว่า พระเอกคิดไว้แล้วว่านายเอกต้องรอด และในที่สุดต้องเลือกปลูกจิตมารแน่ ๆ ( ใครที่อ่านแล้วน่าจะนึกออกในท่อนนี้ ) และแน่นอนหากเป็นแบบนั้นนายเอกก็ไม่พ้นต้องมาฝึกพลังพรรคของตนเอง เราเลยมองว่า พระเอกร้ายค่ะ นางมีแผนการ แต่ไม่ใช่ร้ายอย่างไร้เหตุผลจนรับไม่ได้ ( โดยส่วนตัวนะคะ ) แน่นอนว่าหลังจากนั้นนายเอกก็ตามไปตอกหน้าพระเอกว่า ‘คิดผิดแล้ว’ หึ !
เพ้อเจ้อตัวละคร (สปอยล์)
ใครเคยอ่านแนวเทพเซียน หรือดูหนังมาคงจะคุ้นกับคำว่า ‘ฝ่าด่านสวรรค์ ’ ที่เหล่าเซียนต้องเผชิญก่อนเลื่อนขั้น เสิ่นเฉียวเหมือนแบบนั้นเลยค่ะ แต่ไม่ใช่เคราะห์รักเหมือนเรื่องอื่นนะคะ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมารผจญเลยดีกว่า ฮือออ แต่ด้วยมุมมอง การเติบโตของตัวละคร ทั้งนายเอกเอย หรือพระเอกก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เหนือสิ่งอื่นใด เขาจะรักกันได้ยังไงน่าสนใจที่สุด ถ้าให้เราพูดจากการอ่านมาสองเล่ม นายเอกอ่ะรักแล้ว ส่วนพระเอกคือหวั่นไหวอย่างยิ่ง ๆๆๆๆๆ
ตัวละครสืออู่ เด็กน้อยที่ถูกวางเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเสิ่นเฉียว เรารักมากกกก ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ชีวิตนายเอกคงพังทลายแล้วจริง ๆ รอคอยเด็กน้อยที่พ่อ ( แค๊ก ๆ ) ทิ้งไว้ก่อนไปตามคนรัก ( แค๊ก ๆๆๆ ) กลับมา ได้มีบทเพิ่มอีกในเล่ม 3-4
เล่าครบจบที่เล่มสองแนวใครทางใครหาจับจองได้เลยค่ะ ขอบคุณท่านที่อ่านมาถึงย่อหน้านี้ ( มันดูยาวอีกแล้ว 5555 ) จะว่าไปการวางตัวนายเอกในสังคมนักเขียนท่านนี้เราว่าว่างได้ดีเหมือนกันเลยค่ะ เพียงแต่ ถังฟั่น โอนอ่อนเหมือนไผ่ ส่วนเสิ่นเฉียวสงบเงียบเหมือนสายน้ำ นำมาปรับใช้ได้ทั้งคู่เลยยยย รักนายเอกทั้งสองเรื่องนี้เลย !
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in