เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวนิยายฉบับคนชอบดองChadang
รีวิว ภาพวาดโครงกระดูก เล่ม 1 (ยังไม่จบ)
  • ภาพวาดโครงกระดูก

    ผู้เขียน ซีจื่อซวี่

    ผู้แปล qMondae

    ผู้วาด กาลี่

    สำนักพิมพ์ EverY

    เรื่องย่อ

           หลินปั้นซย่า และเพื่อนสนิท จี้เล่อสุ่ย ย้ายเข้ามาอยู่ห้องพักราคาถูกหมายเลข 1303 ได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ จี้เล่อสุ่ยก็เริ่มพบเหตุการณ์ประหลาดในห้องจนจิตใจแทบจะพังทลาย ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน หลินปั้นซย่าผู้เป็นคนผ่อนห้องและชวนเพื่อนมาอยู่ด้วยกันจึงรีบกลับบ้านและบางครั้งถึงกับลางานมาคอยดูแล จนกระทั่งอีกฝ่ายทนไม่ไหว ต้องการย้ายออก หลินปั้นซย่าสนับสนุนเพื่อน และนั่นทำให้เขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วอาคารพักอาศัยนี้มีพวกเขาพักเพียงสองคน! เพราะคนมีเงินได้ใช้ที่นี่ไว้เก็บโถอัฐิ หลินปั้นซย่ารู้สึกตกใจเล็กน้อย ก่อนจะนึกได้ว่าเขาเหมือนเห็นห้องข้าง ๆ มีเพื่อนบ้านพึ่งย้ายมาใหม่อาศัยอยู่ จึงตัดสินใจเคาะห้องเพื่อทักทายและไถ่ถาม เขาไม่รู้เลยว่าเมื่อเพื่อนบ้าน ซ่งชิงหลัว เปิดประตูต้อนรับเขา จะทำให้ชีวิตพบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


    ความรู้สึกหลังอ่าน (สปอยล์ปานกลางถึงมาก)

            ภาพวาดโครงกระดูก เป็นนิยายที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่เห็นแนวเลยว่าอยากลัดคิวอ่านค่ะ ! สืบคดีหลอนนี่ขอให้บอกจริง ๆ 55555 ถ้าเราเข้าใจไม่ผิดเป็นนิยายคนเขียนเดียวกับ My five element – ชีวิตนี้ขาดเธอไม่ได้ค่ะ ซึ่งเราถูกใจและถูกแนวมาก ๆ ทั้งสองเรื่อง แต่ถ้าถามถึงความหลอน เราที่ยังคงอ่านเวลา 00.00 – 05.00 น. รู้สึกว่า ภาพวาดโครงกระดูกมีจังหวะที่ทำให้รู้สึกขนลุก ไม่ค่อยกล้าเดินไปห้องน้ำคนเดียวมากกว่าระดับนึงค่ะ 5555 แต่เรื่องราวตอนนี้ไม่มีผีหรอกนะคะ เป็นเรื่องราวประหลาด ลึกลับ และพิศวงจาก คน หรือสิ่งของบางอย่างที่สามารถพิสูจน์ได้ในท้ายที่สุดมากกว่าค่ะ พวกเราก็ต้องเกาะหลังหลินปั้นซย่าและพี่ซ่งชิงหลัวไปสืบเสาะแบบติดขอบสนามกันว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ‘คุณ’ คิดว่าเกิดจากอะไร หรือถ้าใครยังรู้สึกลังเล มองเวลา ณ ตอนเขียนฟ้ามืดแล้วว ทุกคนเปิดไฟให้สว่างและมาลองอ่านเราเล่าเรื่องดูก่อนได้นะคะ ^^


    คำเตือน: เรื่องนี้มีการกล่าวถึงความตาย บรรยายศพและสภาพร่างอื่น ๆ ค่อนข้างเห็นภาพ โปรดระวังและพิจารณาก่อนหยิบด้วยนะคะ



    1303 อยากย้ายออกก็ไม่มีวันหนีพ้น

           หลินปั้นซย่า ที่ได้ห้องราคาถูก ชวนจี้เล่อสุ่ยเข้ามาพักด้วยกันและเมื่ออีกฝ่ายเจอเหตุประหลาดหลายครั้งเข้าจนแทบทนไม่ไหว จึงตัดสินใจย้ายออก ก่อนไปเขายังโน้มน้าวให้หลินปั้นซย่าย้ายไปกับตนด้วยความเป็นห่วง แต่ด้วยฐานะทางการเงินหลินปั้นซย่าจึงปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนไป หลังจี้เล่อสุ่ยตัดสินใจย้ายออก หลินปั้นซย่าถึงพึ่งรู้สึกถึงความผิดปกติและเริ่มเห็นอะไรแปลก ๆ (ช้ามาอาทิตย์หนึ่งเลยนะคะพี่หลิน) แถมเมื่อเพื่อนซี้โทรกลับมาบอกว่าอาคารเขาเป็นที่เก็บโถอัฐิ ไม่มีคนอาศัยอื่น ปั้นซย่าก็ตัดสินใจไปเคาะห้องข้าง ๆ ซ่งชิงหลัว เพื่อนบ้านของเขาเปิดประตูต้อนรับเขาเข้าไปหลังได้ยินว่าพวกเขาพบเรื่องแปลก ๆ ทว่าเมื่อเข้าห้องของซ่งชิงหลัว หลินปั้นซย่าก็พบว่าห้องของคนคนนี้ก็แปลก มีทั้งหุ่นตุ๊กตาผู้หญิงยืนอยู่ มีทั้งโลงมากมายที่เหมือนทำจากหนังของสิ่งมีชีวิตสักชนิด แต่หลินปั้นซย่าเพียงแค่มองอย่างสงสัยและนั่งนิ่ง ๆ รอเจ้าบ้านอย่างสงบ ซ่งชิงหลัวเห็นท่าทีของเขาก็สนใจและบอกปั้นซย่าว่า ผีนั้นไม่มีในโลก และสิ่งที่จี้เล่อสุ่ยเห็น ต่อให้ย้ายออกไปจากที่นี่ก็หนีไม่พ้น หลินปั้นซย่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สุดท้ายเมื่อกลับห้องไป เช้าวันต่อมา เมื่อเขาโทรหาเล่อสุ่ยที่ค้างคืนอยู่ห้องใหม่ พบว่าอีกฝ่ายยังคุยปกติดี จึงวางใจไปทำงาน ทว่าระหว่างตลอดวันนั้นเอง ...จี้เล่อสุ่ยก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย


    ไม่ใช่คนในครอบครัว

           หลินปั้นซย่ามีอาชีพที่ค่อนข้างพิเศษกว่าคนอื่น เขาเป็นคนเก็บศพ ด้วยความผิดปกติด้านอารมณ์ ทำให้ปั้นซย่าค่อนข้างมีความรู้สึก ‘กลัว’ ได้ช้ากว่าคนอื่น นั่นทำให้เขาทำงานในอาชีพนี้มานานถึง 3 ปีแล้ว หลังจากย้ายเข้าห้องพักใหม่และจี้เล่อสุ่ยมีอาการผิดปกติ ทางด้านงานของเขาก็พบกับคดีหดหู่ ... ที่ผิดปกติเช่นกัน อุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตเกือบทั้งครอบครัว ทิ้งไว้เพียงภรรยาเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ ทว่าระหว่างขนย้ายตู้ด้านหลังกลับมีความเคลื่อนไหว ...หลินปั้นซย่าอาสาตรวจสอบ เขาพบว่าถุงบรรจุศพที่ควรปิดสนิทกลับเปิดออก ...เพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมงานหวาดกลัว เขาตัดใจโกหกอีกฝ่ายว่ามีหนูวิ่งในตู้ ทว่าเมื่อถึงที่หมาย ซึ่งญาติที่รอดชีวิตจะต้องมายืนยันตัวตนผู้เสียชีวิต ศพกลับออกจากถุงบรรจุ รวมกันเป็นเนื้อเดียว ภรรยาผู้รอดชีวิตคนนั้นเห็นภาพนอกจากไม่โกรธ เธอยังหัวเราะ และหลินปั้นซย่าก็เห็น ... ว่าหลังของเธอ...มีผู้หญิงที่เหมือนเธอมากอีกคนยืนอยู่ข้างหลัง


    เรา: ทำไมเขียนเล่าเองก็เริ่มขนลุกเอง ;---;


    เขาเหมาะกับนายมากนะ

             สำหรับเล่มแรกของ ภาพวาดโครงกระดูก เราก็จะได้เห็นเคมีของซ่งชิงหลัวและหลินปั้นซย่าแล้วค่ะ ว่าพวกเขาเข้ากันได้ขนาดไหนนนน ตอนแรกเราเข้าใจว่า ซ่งชิงหลัว จะเป็นคนนิสัยแบบนิ่ง ๆ เย็นชา ๆ ค่ะ แต่ไม่เลยยยย เขานิ่ง ๆ จริง แต่ก็ยังมีความรู้สึก ล้อเล่นเป็น รับคำขอช่วยเหลือถ้าช่วยได้ อย่างตอนทำให้หลินปั้นซย่าเห็นอดีตที่ไม่ค่อยดี โดยไม่ตั้งใจ เขาก็ขอโทษแบบออกซึม ๆ รู้ว่าปั้นซย่าไม่ค่อยมีเงิน ก็เลี้ยงของโปรดอย่างไส้กรอกย่างบ้างตามโอกาส และ...มีแอบใจเต้นนิสสสสนึงงงงงง ตอนปั้นซย่าคอยดูแล ทำผงทำแผลให้ (ปิดปากขำอย่างมีเลศนัย) ทางด้าน หลินปั้นซย่า ด้วยความเป็นความรู้สึก ‘กลัว’ ช้ากว่าคนอื่น แต่ส่วนตัวนี่ว่ามีความรู้สึกช้ากับความรู้สึกอื่นอีกแน่ ๆ ค่ะ 555555 แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าปั้นซย่าเร็ว คือการทำความรู้จักและเอาใจใส่ ช่วงเวลาที่อยู่กับซ่งชิงหลัวอ่าน ๆ แล้วน่าจะประมาณหนึ่งเดือน แต่เขารู้ว่าซ่งชิงหลัวชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เวลาอีกฝ่ายเหมือนหงุดหงิดเขาก็จะมีไอเทมสร้างความสุขอย่าง โคล่า เตรียมไว้ให้เสมอ แบบบบบ เอ็นดูมากค่ะ โมเม้นท์ สองคนนี้มีมาบ้าง จนเหมือนนับครั้งได้ แต่มานะ แถมมาแบบ...” ...ใช้น้ำเสียงไถ่ถามกับคนรักเอ่ยถาม...” หุหุ ฮ่าฮ่าฮ่า


            ภาพวาดโครงกระดูก เลยเป็นนิยายแนวลึกลับ สืบ ๆ ที่ใช่ทางเรามาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ สำหรับตัวประกอบหลักรอบตัวเอกทั้งสองคนก็ยังสร้างสีสันและเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี การเล่าเรื่องเป็นมุมมองของหลินปั้นซย่าเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วยความที่ปั้นซย่าของพวกเราเป็นคนกลัวช้า และพี่ซ่งเองก็ไม่กลัว ...ดังนั้นถ้านักอ่านเกาะหลังสองคนนี้ คงไม่มีอะไรสะท้านสะเทือนได้แล้วล่ะค่ะ นักเขียนเลยต้องพาพวกเราสลับมุมกล้องไปหาคนอื่นบ้าง เพื่อมองในมุมที่คนทั่วไปเขามองกัน 555555 เป็นอีกเรื่องที่สนุกก แต่อาจจะไม่ใช่แนวของใครหลายคน แนะนำว่าให้ลองทดลองอ่านก่อนได้ค่ะ ว่าไปต่อไหวไหม ส่วนตัวขนลุกตอนที่ 9 นั่นแหละค่ะ พอออกลุยกับพี่ซ่งก็อยู่ตัวแล้ววว


    ความค้างแค่ไหนใน ภาพวาดโครงกระดูก ควรดองก่อน หรือซื้อโลด

            ถ้าเรื่องใช่แนวไม่หวั่นความค้าง ซื้อโลดค่า สำหรับเราเล่ม 1 นี้ ค้างประมาณ 7/10 ค่ะ เหมือนเรื่องนี้จะออกเดือนละเล่ม เรารู้สึกว่ายังต่อติดกับเนื้อเรื่องค่ะ คิดว่าต่อจากนี้คงไม่ได้ดอง (มั้งนะคะ) ส่วนใครชอบความต่อเนื่องก็รอยิ่งยาวเลยน่าจะสนุกค่ะ


    แนะนำก่อนอ่านเล็กน้อย: 

    คือ Talk ของนักเขียนแต่ละบท สนพ.รวบเอาไปไว้ท้ายเล่มหมดเลยค่ะ น่าจะเริ่มตั้งแต่บทที่ 5 เราแนะนำว่า จบบทนั้น ๆ แล้ว พลิกไปอ่าน Talk ของบทนั้น ๆ ก่อนจะได้อรรถรสกว่าค่ะ เพราะเรารู้ทีหลังอ่านรวมเดียวก็ต้องนึกย้อนเนื้อเรื่องบทนั้น ๆ เอา ซึ่ง...ลืมไปบ้างแล้ว เลยไม่ค่อยขำเท่าไรค่ะ *บางส่วนมีอธิบาย หรือคุยเล่น ๆ ของนักเขียนด้วย* 


    Talk เล็ก ๆ (สปอยล์ปานกลาง)


    By Chadang

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in