เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องมีอยู่ว่าdead dog's eye
ไม่มีชื่อเรื่อง แล้วแต่เลย 01
  • เวลานั่งดูฉากเริ่มของภาพยนตร์ดังๆก็มักจะมีคำโปรยขึ้นว่า based on true story ก็เลยทำให้เป็น based on true story เลยแล้วกัน 

    นานมาแล้วผมรู้จักคนๆหนึ่งชื่อเมธา ไม่ทราบนามสกุล สนิทกันพอประมาณแต่ไม่สนมสักเท่าไร ไม่ต้องซึ้งครับ เขายังไม่ตาย

    เมธาอายุ22 ปี เรียนจบปริญญาตรี สถานะตกงาน แต่ถ้าบรรจุเมธาอยู่ในหมวดหมู่ของประชากรตกงานจะทำให้เมธาไม่พอใจ ดังนั้นจึงควรให้สถานะกับเขาว่า กำลังหางาน

    เมธามีทักษะหลายด้าน แต่ไม่ถนัดสักด้านหลายคนเรียกเมธาว่าเป็ด แต่ถ้าจัดทักษะของเมธาลงในหมวดหมู่ของเป็ดจะทำให้เมธาไม่พอใจ ดังนั้นเราจึงควรเรียกเขาว่า ปราชญ์

    แต่เราไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรเมธามากเพราะเมธามักจะไม่พอใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่แล้ว

    *เรื่องนี้ไม่ได้มีสาระนักครับ เพราะฉะนั้นเวลาอ่านอย่าขมวดคิ้ว ขอบคุณครับ

    ตอนที่ 1 นักฟุตบอล

    เมธาชอบดูฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ สมัยเรียนประถมสี่เมธาคือนักฟุตบอลสมัครเล่นที่ฟอร์มจัดจ้านที่สุดในหมู่บ้าน เมธาเริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกในตำแหน่งกองหน้า ยิงประตูได้ตอน 9 ขวบ และได้จารึกไว้ด้วยสีพ่นบนกำแพง พออายุมากขึ้นเริ่มมีประสบการณ์ก็ย้ายไปเป็นกองกลาง คอยคุมเกม พอเริ่มขี้เกียจวิ่งก็ย้ายไปเป็นกองหลัง คอยสกัด สุดท้ายมาจบที่กองโกล์ และกองเชียร์คอยจุดพลุและต่อยตีตามลำดับ แต่ถึงจะไม่ได้เล่นฟุตบอลมานานหลายปีเมธาก็ยังเชื่อว่าเขาคือแข้งพรสวรรค์แห่งยุค และคิดว่าต่อไปนี้จะเดินสายอาชีพนักฟุตบอลเต็มตัว

    ตอนนี้ฟุตบอลไทยกำลังมาแรงอยู่ในยุคในสมัย ใครๆก็ดูบอล เพศหญิงเพศชาย พาลูกเด็กเล็กแดง เล็กเขียว เล็กคาราบาว มาดูบอลกันหมด เงินเดือนสำหรับนักฟุตบอลอาชีพก็ไม่เหมือนสมัยก่อน เดี๋ยวนี้พอเลี้ยงตัวได้ เมธาจึงฉวยจังหวะโอกาสขาขึ้นของคลื่นลูกใหญ่ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรเล็กๆระแวกชุมชนของเขา

    หัวหน้าทีมแมวมองของสโมสร เป็นแมวสีสวาดสีเทา

    “ตกลงสีเทาหรือสีสวาดวะ” เมธางง แต่ช่างมัน หน้าที่ของเขาคือมาทดสอบฝีเท้าไม่ใช่มาซักไซ้ทีมงาน

    “เมี้ยว”

    “พอแล้วไอ้น้อง กลับมานั่งๆ”

    พอหัวหน้าทีมแมวมองสั่งก็มีโค้ชคนหนึ่งรับหน้าที่เป็นล่ามให้

    “เมี้ยว”

    “เล่นดีนะเรา เดี๋ยวลองไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ดู”

    วันรุ่งขึ้นเมธาได้รับสัญญาว่าจ้างเป็นนักเตะชั่วคราวในทีมชุดใหญ่แต่เมธามีปัญหานิดหน่อยในห้องแต่งตัว

    “พี่ครับผมใส่เสื้อไซด์เอ็ม”

    “มีแต่ไซด์เอ็กส์แอลครับน้องทั้งทีมเลย” ในสนามวันนั้นมีแต่นักเตะใส่ชุดหลวม

    เมธายินดีมากที่ได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ปกติเขาซ้อมแต่ชุดพอดีตัว ไม่เคยซ้อมกับชุดใหญ่มาก่อน

    และแล้วในเย็นวันเสาร์ เดือนกุมภา เมธาก็ได้ลงสนามนัดแรกในเกมกระชับมิตรหมู่บ้าน ซึ่งเขาถูกเปลี่ยนลงไปในช่วงครึ่งเวลาหลังที่เสมอกันอยู่0-0

    “ปกติเล่นตำแหน่งไหน” โค้ชของทีมเป็นชายแก่อายุราว 60 ต้นๆ ใบหน้าเหี่ยวย่นเสียจนปากกับหน้าผากแทบชนกัน

    “ปีกซ้ายครับ” เมธาตอบกระฉับกระเฉงพร้อมกระโดดวอร์มร่างกาย

    “โอเค งั้นลงไปแทนเบอร์ 12 วิ่งลงไปเลย เดี๋ยวใจเย็น เบอร์ 12 ยังไม่ออกมา นั้นเบอร์ 14 โอเค มาแล้วแตะมือเขา วิ่งลงไปเลย ไม่ต้องวิ่งอ้อมสนาม เห้ย นั้นมันทางขวาปีกซ้ายก็อยู่ฝั่งซ้าย ก็ต้องซ้ายฝั่งเราสิ ถ้าซ้ายฝั่งตรงข้ามก็เป็นปีกขวา ไม่ๆ ซ้ายอีก มึงอย่าวิ่งหนีบอลสิ งั้นยืนเฉยๆรอบอล เห้ย มึงอย่าถอนหญ้าเล่นสิวะ”

    เมธาตื่นเต้นมากจนทำอะไรไม่ถูก พอวิ่งหาบอล บอลก็หนีเขา จึงแก้เขินด้วยการถอนหญ้าเล่น พอหันไปข้างสนามก็เห็นโค้ชโดดเหย่งๆสั่งการจนหัวใจวายต้องมีรถพยาบาลมาหามไป

    ระหว่างเกมที่กำลังเข้มข้นพอๆกับน้ำต้มยำกุ้ง กองหน้าชื่อปื๊ดส่งบอลให้เมธาอย่างกระทันหัน ลูกบอลกลมๆค่อยๆกลิ้งด้วยความเร็ว 70 กม./ชม.ตรงมาที่เมธา บอลสะดุดเล็กน้อยตรงหญ้าที่ถูกถอน ไม่เคยมีใครส่งบอลให้เขามาก่อน วินาทีนั้นด้วยความปิติยินดีเขารับมันมาด้วยความซึ้งใจแล้วจึงส่งบอลคืนกลับไป

     "ขอบคุณมากพี่ปื๊ด" เมธากล่าวพร้อมเสียงสะอื้น

    "มึงก็ยิงสิวะ" ปื๊ดตะโกน

    "พี่ก็ยิงสิ" เมธาตะโกนกลับไป แล้วปื๊ดก็ยิงจริงๆ บอลพุ่งผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างสวยงาม

    จบเกมทีมของเมธาเป็นฝ่ายชนะไป ไม่มีใครสนใจว่าฟลุคหรือไม่แต่ผู้คนเริ่มสรรเสริญเมธาและเห็นความสำคัญของเมธามากขึ้นในฐานะผู้มองเกม และในนัดต่อๆมา เมธาก็ได้รับโอกาสจากโค้ช(คนใหม่)ให้ลงสนามอีก

    "โกล์แคะขี้มูกอยู่ ยิงเลยพี่" เมธาสั่งการเพื่อนร่วมทีม

    บอลพุ่งไปตุงตะข่าย

    เกมนั้นจบลงที่ผลชนะ 3-0 ประตูส่วนสถิติของเมธาคือ

    -ได้บอล 0 ครั้ง

    -ส่ง 0 ครั้ง

    -ยิง 0 ครั้ง

    -บอกให้เพื่อนยิง 3 ครั้ง และก็เข้าทั้ง 3 ครั้ง 

    ถึงตอนแรกเมธาดูจะไม่รุ่งในสายอาชีพเลย แต่ตอนนี้ไม่เคยมีใครคาดเดาเกมได้เฉียบขาดเท่าเขามาก่อน จนเรื่องโด่งดังไปถึงคณะกรรมการฟีฟ่าต้องออกกฎใหม่ให้ขึ้นเครดิตสำหรับผู้บอกให้เพื่อนยิง และแน่นอนว่าเมธาทำสถิตินี้ได้สูงที่สุด เขาพาทีมได้ถ้วยแชมป์หลายใบโดยไม่เคยได้บอลจากเพื่อนร่วมทีมเลย เขาได้ถ้วยมาจนระเกะระกะเต็มตู้โชว์ ตู้เย็น ตู้ยา ตู้ไปรศนีย์ ตู้ดิเรก อมาตยกุล สารพัดที่เป็นตู้จะเต็มไปด้วยถ้วยรางวัลที่เมธาหามาได้ 

    ผมไม่ได้ติดต่อกับเมธาพักใหญ่จึงไม่แน่ใจว่าเมธาเอาดีด้านฟุตบอลได้นานแค่ไหนบางคนว่าที่เขาโด่งดังนั้นเป็นแค่ข่าวลือ บ้างก็ว่าเขาไต่เต้าจากทีมเล็กๆขึ้นไปถึงระดับจักรวาล เป็นตัวแทนดาวโลกไปเตะแข่งกับชิลเบกการ์ เคยดวลฝีเท้ากับนักฟุตบอลดังๆมากมาย เคยถ่ายรูปคู่กับเปเล่ ถ่ายแบบกับเปเป้ และเล่นโฆษณาไบเล่กับโจเซ่ เอนริเก้ 

    แต่ก็ไม่รู้อะไรแน่ จนกว่าจะได้ยินจากปากของผู้ชายชื่อเมธา 

    * ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แสดงว่ามีความสนใจ ขอขอบพระคุณครับ ถ้าฟีดแบกดี ตอน 2 กำลังจะตามมา ถ้าฟีดแบกเลวเมธาคงเสียใจ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in