08:47 น.
เพิ่งถึงสถานีลาดกระบัง
นี่กูอยู่บนรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ หรือเกวียนของแกนดาล์ฟ
สายอย่างเป็นทางการ โดยไม่ต้องพึ่งวงโยธวาทิตเล่นเพลง มหาฤกษ์
วิชัย: “สวัสดีครับ ผมวิชัยอีกรอบนะครับ ตอนนี้กำลังจะถึงสนามบินแล้วครับ คุณห้ามปิดเคาน์เตอร์ก่อนผมไปถึงนะครับ”
ถ้าเกิดมีกราวนด์สายการบินเอาเรื่องของผมไปโพสต์ระบายถึงพฤติกรรมอันต่ำทรามของผู้โดยสารชาวไทยที่ไม่ยอมให้ปิดเคาน์เตอร์ ผมก็ต้องขออภัยจริงๆ แต่ก็ให้รู้ไว้เลยนะฮะว่า ผมจำเป็นจริงๆ
09:00 น.
ถึงสักที!
เดินทางด้วยแอร์พอร์ตลิงก์สาย Express ดีมากครับ! ปลอดภัยมากครับ! เป็นการบริการที่เยี่ยมมากครับ! ถุ้ย!
ผมและมยุรีวิ่งไปที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ซึ่งควรจะปิดไปตั้งแต่ 15 นาทีที่แล้ว ตอนนั้นสมองของผมเริ่มทำการคิดแผนสอง หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า ‘มองโลกในแง่ดี’ ขึ้นมา เช่นตกเครื่อง (อืม...ดีมากเลยมึง) โดนโจ้บองโก้โกรธ เพราะตั๋ว JR Pass อยู่กับผม และผมก็ต้องชดใช้ค่า JR Pass ให้มันอีกต่อ จากนั้นเราจะกลับบ้านไปตั้งหลัก และวันรุ่งขึ้น เราก็จะซื้อตั๋วเครื่องบินไปมัลดีฟส์แทน
แต่ปรากฏว่าเคาน์เตอร์ไม่ปิดวุ้ย! เจ้าหน้าที่ยืนรอเราอยู่จริงๆ!
ผมรีบวิ่งเข้าไปที่เคาน์เตอร์ ยื่นเอกสารทุกอย่างให้ โยนเป้ลงไปให้ชั่งน้ำหนัก
“สวัสดีครับ ผมเดินทางกับเพื่อนอีกสอ...”
“อ้าว เชี่ยโจ้! ทำไมมึงยังอยู่ตรงนี้!”
“อ้าว เฮ้ยพี่!”
“นี่ใช่มั้ย สองคนนี้ใช่มั้ย” ผู้หญิงในชุดเจ้าหน้าที่อีกคนเดินมาหา ดูจากหน้าตา รอยหยักย่นบนใบหน้าและปริมาณของผมหงอกบนหัวแล้ว เดาได้เลยว่านี่คือระดับหัวหน้า
“มาค่ะ ไม่ต้องคุยกันแล้ว มาทางนี้เลยค่ะ”
คือถ้าป้าเป็นฮัล์ค ป้าก็คงอุ้มเราสองคนพาดบ่าไปแล้ว แต่ป้าไม่ใช่ฮัล์ค ป้าก็เลยแสดงพลังที่ฮัล์คทำไม่ได้ด้วยการแสดงอิทธิฤทธิ์ชูบัตร VIP ขึ้นฟ้า แล้วเคาน์เตอร์ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ช่องพิเศษก็งอกขึ้นมา เราได้รับการตรวจพาสปอร์ตโดยไม่ต้องเข้าคิว เดินลัดคิวชาวบ้านร่วม 20 สัญชาติทั่วโลกเข้าไปตรวจหาโลหะได้เลย
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก พวกเราเหมือนเดินตามโมเสสในชุดแอร์กราวนด์ที่เปลี่ยนจากแยกน้ำทะเลเป็นแยกด่าน ตม. แทน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in