หลังจากพี่แพทและพี่ออมไม่มาทำงานแล้ว กิจวัตรประจำวันของฉันก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เริ่มตั้งแต่เช้าที่ฉันต้องเตรียมเก็บกวาดใบไม้แค่ทางด้านซ้าย ก็กลายเป็นว่าต้องทำทางด้านขวาด้วย นอกจากนี้ในบางวันฉันก็ยังรู้สึกว่าควรเก็บกวาดใบไม้ในสวน ส่วนพี่กีตาร์พี่อีกคนที่ยังอยู่ก็คอยจัดโต๊ะและเตรียมถุงขยะสำหรับใช้ภายในอาคาร เป็นอันเสร็จสิ้นหน้าที่การเตรียมตัวของพวกเราในช่วงเช้า ส่วนในช่วงของตอนกลางวัน หลังจากเด็กๆกินข้าวกลางวันเสร็จ ระหว่างรออาบน้ำ เฟิร์นจะเข้ามาคอยดูและและเล่นกับเด็กๆเป็นเพื่อนฉัน พวกเราต่างอ่อนประสบการณ์กันทั้งคู่ ทำให้ถึงแม้มีเด็กจำนวนน้อยก็ยังคงเหนื่อยมากอยู่ดี ในช่วงเย็นหลังจากที่เด็กๆกลับบ้านหมดแล้ว พี่กีตาร์ก็จัดการทำรีพอร์ตเพื่อรายงานผู้ปกครองเรื่องของเด็กๆในวันนี้ ส่วนฉันที่เป็นแค่เด็กฝึกงานก็ลงมือทำความสะอาดห้องโถงทั้งหมดรวมถึงล้างห้องน้ำ
เมื่อทำกิจวัตรประจำวันแบบนี้มาเรื่อยๆก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มชินและปรับตัวได้ขึ้นมา ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานก็ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน แต่ความสัมพันธ์ของเด็กๆดูไม่ใช่แบบนั้น เพราะในเที่ยงวันหนึ่งหลังจากที่เด็กๆทานข้าวกลางวันเสร็จ ฉันและเฟิร์นก็เข้ามาดูเด็กๆระหว่างรอถูกเรียกไปอาบน้ำตามปกติ แต่ในขณะที่ฉันกำลังเก็บกวาดพื้นที่เลอะจากการกินข้าวอยู่ ฉันก็ได้ยินเสียงตุ้บดังขึ้น เป็นเสียงของเด็กชายเอ(นามสมมติ)กำลังเทตะกร้าใส่ขวดน้ำลงมาที่พื้น ส่งผลให้กระติกน้ำของเด็กชายบี(นามสมมติ)ตกลงมาแตก หลังจากนั้นฉันจึงพาเด็กชายเอมาพูดถึงเหตุผลที่เขาทำแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้ความมากนัก หลังจากนั้นไม่นานเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมาจากการกวาดพื้น ก็พบว่าเด็กชายเอกับเด็กชายบีกำลังทุบกันอยู่ ฉันและเฟิร์นที่เห็นเหตุการณ์พร้อมกัน ฉันเข้าไปแยกเด็กชายบีออกมา ส่วนเฟิร์นเข้าไปแยกเด็กชายเอ เด็กชายบีร้องไห้ออดอ้อนฉัน พร้อมกับบอกว่าถูกเด็กชายเอตีก่อน ส่วนทางเด็กชายเอก็บอกเช่นกันว่าถูกเด็กชายบีตีก่อน เรื่องนี้จึงจบลงด้วยการให้ต่างฝ่ายขอโทษกันเป็นอันจบเรื่องของการทะเลาะครั้งนี้ แต่จะเรียกว่าการทะเลาะก็คงไม่ถูกนัก ฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องของการเรียนรู้ที่จะเข้าสังคมของเด็กๆมากกว่าและหวังว่าสักวันหนึ่งหลังจากที่ทั้งสองคนโตขึ้นเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้
นอกจากการเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนในวันนั้นแล้วที่ฟันเดย์ก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นอีกเรื่องหนึ่ง คือดอกทานตะวันที่เด็กๆได้เพียรรดน้ำทุกวัน ได้ผลิดอกออกใบกลายเป็นทานตะวันต้นใหญ่สวยงาม ทำให้บรรยากาศในโรงเรียนดูสดใสขึ้นทันตา ฉันรู้สึกว่าการที่เด็กๆได้เห็นว่าสิ่งที่พวกเขาเฝ้าทะนุถนอมดูแลมาเติบโตสูงใหญ่ขึ้นมาได้ จะสร้างความรู้สึกภูมิใจเล็กๆในตัวเขา เด็กชายเอก็ได้ถามฉันด้วยว่าเหตุใดต้นทานตะวันถึงโต ฉันจึงตอบไปว่าเพราะเขารดน้ำต้นไม้และมอบความรักให้มันทุกวัน แต่เมื่อฉันถามเขากลับว่าทำไมต้นทานตะวันถึงโต เขาก็ตอบว่าเพราะมันสูงไงครับ คำตอบนี้ทำให้ฉันรู้สึกทั้งจี้และตกใจว่าบางครั้งการมองความจริงที่อยู่ใกล้ตัวง่ายๆก็ชัดเจนเสียยิ่งกว่า การคิดหาเหตุผลยากๆเสียอีก ทานตะวันเองก็คงจะเหมือนตัวฉันและเด็กๆที่กำลังผลิบานหันหน้าหาดวงอาทิตย์ที่สว่างจ้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in