สัปดาห์นี้ฟันเดย์กลับมาเปิดแบบเต็มรูปแบบอีกครั้งพี่โหน่งกลับมาจากการรักษาตัวพี่ออมที่มาเก็บชั่วโมงออแพร์ก็กลับมาจากการรักษาตัวจากอาการของโควิดเช่นเดียวกันเด็ก ๆจึงกลับมาวิ่งเล่นกันในสนามของฟันเดย์กันอย่างสนุกสนาน ชีวิตชีวาที่เคยหายไปก็ย้อนคืนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ในเมื่อสตาสฟทุกคนกลับมาแล้ว ก็กลายเป็นว่าจำนวนคนในการดูแลเด็กๆก็กลับมาเยอะเกินความจำเป็นอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับจังหวะที่ทางฟันเดย์มีอีเวนท์เข้าพอดี ฉันจึงได้โยกย้ายไปทำงานที่ส่วนของออฟฟิศแทน
งานในส่วนของออฟฟิศนั้นไม่ถือว่าไม่ยากไม่ง่าย ในวันแรกฉันเข้าไปแชร์โพสต์สำหรับกิจกรรมกลุ่มในสัปดาห์นี้ลงใน facebook ในวันถัดมาฉันได้รับงานของเฟิร์น เด็กฝึกงานธุรการมาทำ ในขณะที่เฟิร์นกำลังวุ่นวายอยู่กับการหาสถานที่สำหรับแสดงงานอีเวนท์ งานของเฟิร์นเป็นงานที่ให้เราเข้าไปค้นหาโรงเรียนคู่แข่งรอบๆโรงเรียนของเราสและค้นหาสถานที่ทำกิจกรรมในวันหยุดต่างๆที่ดูท่าจะเป็นคู่แข่งของเราด้วยในระยะทาง 20 กิโลเมตร การค้นหาสถานที่เหล่านั้นสำหรับฉันไม่ใช่เรื่องยากแต่เรื่องที่ยากคือการที่เราจะต้องโทรติดต่อสถานที่นั้นๆ เพื่อถามข้อมูลจำนวนนักเรียนและรูปแบบการเรียนอย่างลึกซึ่ง ฉันดำเนินการค้นหาสถานที่เป็นเวลา 2 วัน แต่ในวันที่ 3 เป็นวันที่อีเวนท์กระชั้นชิดเรื่อยๆ พี่นภจึงให้ฉันช่วยหาข้อมูลของการจัดอีเวนท์แทน และเป็นอันจบหน้าที่ให้ออฟฟิศของฉัน เพราะเมื่อหาข้อมูลอีเวนท์ได้ครบถ้วน เฟิร์นก็ได้เวลากลับมาทำงานที่ค้างไว้ของตนเอง
ฉันคิดว่าการที่มาทำงานในส่วนออฟฟิศแม้จะไม่ตรงจุดประสงค์ของตำแหน่งที่ฉันเข้ามาฝึกงานเท่าไร แต่ก็ทำให้ฉันได้ลองทำอะไรใหม่ๆดู และก็ทำให้ฉันฉันได้เริ่มพูดคุยกับเพื่อนที่อายุใกล้เคียงกัน เมื่อเริ่มสนิทกับเฟิร์น ความสบายใจก็เริ่มมีมากขึ้น ฉันจึงเริ่มสนิทสนมกับพี่ๆคนอื่นมากขึ้นด้วย และก็ต้องตกใจเมื่อทราบว่าในอาทิตย์ถัดไป พี่แพทและพี่ออมจขะไม่มาทำงานที่ฟันเดย์แล้ว หน้าที่ที่ฉันต้องปฏิบัติก็คงจะมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่ฉันว่าเราคงต้องปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in